การเบียดบังเวลาและทรัพทย์สิน


ไม่อยากแก้ไขด้วยการจับไปฟังพระเทศน์หรอกเพราะบางคน ก็หนาเกินจะแก้ไขแล้ว เพียงแต่อยากให้พวกเขารวมทั้งพนักงานของบริษัทคุณนภหาพรได้รู้ว่าสิ่งที่เขาทำไปนั้นอยู่ในสายตาของลูกที่กำลังเรียนรู้วีรเวรวีรกรรมของพ่อแม่ และกว่าเขาจะสำนึกได้ว่า กำลังสอนลูกให้เป็นโจรนั้นก็สายไปเสี่ยแล้ว

     คุณนภาพรลาออกจากบริษัทการเงินเพื่อมารับตำแหน่งผู้บริหารระดับกลางของบริษัทนี้ได้หกเดือนแล้ว ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี และคุณนภาพรก็มีความสุขกับที่ทำงานใหม่มาก เว้นแต่เพียงอย่างเดียวที่พนักงานชอบนำทรัพย์สินของบริษัทไปใช้เป็นการส่วนตัว ตั้งแต่กระดาษชำระ ไม้บรรทัด ดินสอ ปากกา กระดาษ เครื่องคิดเลขขนาดเล็ก ฯลฯ คุณนภาพรเคยเตือนลูกน้องสายตรง ก็ได้คำตอบว่า "ใคร ๆ เขาก็ทำอย่างนี้ทั้งนั้น" อีกอย่างคือ คนที่นี่เขาไม่ให้ความสำคัญเรื่องเวลานัดหมาย จึงทำให้การประชุมล่าช้า โดยไม่จำเป็น แถมยังมีการมาสายและกลับก่อนเวลา สารพัด คุณนภาพร จึงขอคำแนะนำว่าจะทำอย่างไร

     จริงอย่างลูกน้องคุณว่าก็เป็นเรื่องของบรรทัดฐาน (norms) ของที่ทำงานเสียแล้ว และเป็นสิ่งที่ไม่ดีด้วย แม้จะเป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นเรื่องปกติ ทรัพย์สินของบริษัทนั้นรวมไปถึงบุคลากร และเวลาปฏิบัติงานด้วย "คน" เป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของบริษัท และงานทุกอย่างจะสำเร็จได้ก็เพราะ "คน" ดังนั้น การที่พนักงานเบียดบังเวลาจึงเป็นการเบียดบังทรัพย์สินของบริษัทอย่างน่าละอายที่สุด

     เวลาทำงานปกติของบริษัทวันละแปดชั่วโมง นั้นเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าพนักงานจะต้องทำงานอย่างเต็มที่ทั้งแปดชั่วโมงหรอกเพราะคนเราต้องกิน น้ำชากาแผ เข้าห้องน้ำ ทำเรื่องส่วนตัว เช่น พูด ฟัง อ่าน และเขียนในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงาน เป็นต้น เคยได้ยินว่าธุรกิจเอกชนคาดหวังเพียงร้อยละแปดสิบของเวลาทำงานเท่านั้น และความจริงที่ปวดร้าวมากก็คือ ผู้ใหญ่หลายคนยืนยังว่าคนยี่สิบเปอร์เซ็นต์ทำงานแปดสิบเปอร์เซ็นต์ในขณะที่คนแปดสิบเปอร์เซ็นต์ทำงานเพียงยี่สิบเปอร์เท่านั้น

     พนักงานที่บริษํทใหม่ของคุณนภาพรก็คงเป็นแบบทฤษฎียี่สิบแปดสิบนั่นก็คือ คนส่วนน้อยทำงานหนักในขณะที่คนส่วนมากสบาย และคนส่วนมากนี้แหละที่เป็นผู้สร้างบรรทัดฐานขององค์กร (Organization norms) บรรทัดฐานนั้นเรียกว่า "การประพฤติ" นั่นก็คือ การที่คนเราประพฤติกันจนเป็นปกติวิสัย ไม่ว่าเป็นสิ่งดีหรือไม่ดีถ้าเป็นสิ่งดีก็เป็นพฤติกรรมที่ดี แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่ดีก็เป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี ซึ่งก็เป็นหนทางไปสู่ความวิบัติขององค์กรโดยง่าย เช่น การมาทำงานสาย กลับก่อนเวลา เบียดบังเวลาไปทำเรื่องส่วนตัว บริหารเวลาไม่เป็น เข้าประชุมสาย ซุบซิบนินทา และการนำทรัพย์สินของบริษัทไปใช้เป็นการส่วนตัว ตั้งแต่ของเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจนถึงของใหญ่และมีราคาด้วยความมักง่ายและเคยชิน

     คุณคงเคยได้ยินเรื่องข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ นำรถยนต์หลวงไปใช้ส่วนตัว บางคนเอาไปให้ลูกใช้หน้าตาเฉย บางคนถึงขั้นดูดเอาน้ำมันหลวงออกไปใช้กับรถส่วนตัว ฯลฯ พฤติกรรมเลวร้ายเช่นนี้ คนทำรู้ว่าไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่มีความละอายต่อบาป อาจเป็นเพราะ "ใคร ๆ เขาก็ทำอย่างนี้ทั้งนั้น" จากเริ่มต้นด้วยการเบียดบังทรัพย์สินเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปใช้ส่วนตัว ก่อนจนพัฒนาเป็นทรัพย์สินสำคัญขึ้นด้วยความมักง่าย และเคยชิน และเป็นมะเร็งร้ายขององค์กรในที่สุด.... 

 

คำสำคัญ (Tags): #สมปรารถนา
หมายเลขบันทึก: 194847เขียนเมื่อ 18 กรกฎาคม 2008 11:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 เมษายน 2012 17:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท