สวัสดีครับ คุณแม่ของน้องต้นไม้
- น้องต้นไม้สบายดีนะครับ โตขึ้นมาคงเก่งเหมือนคุณแม่กับคุณพ่อที่แบกรับและอุ้มชูสังคมอย่างหนักอึ้ง น่าจะเรียกได้ว่าเป็น "วิชาทาน" นะครับ
- จริง ๆ แล้วที่ผมสนใจธรรมะ ก็เพื่อจะได้นำไปสอนเจ้าลูกชายโทน (8 ขวบแล้วครับ) และอีกคนเป็นลูกสาวกำลังอยู่ในท้องนะครับ
- ...เริ่มต้นจากการเป็นทุกข์ และดับทุกข์ด้วยธรรมะ คือ อ่านคู่มือมนุษย์ของท่านพุทธทาส ในบทที่เกี่ยวกับ ไตรลักษณ์ เรียนรู้และอยู่กับไตรลักษณ์อย่างเดียว ไม่ยอมเรียนรู้ธรรมะอื่น ๆ เพิ่มเติมอยู่นานครับ เพราะเกรงว่าจะถลำลึกกู่ไม่กลับทำนองนั้นนะครับ...
- จนเวลาผ่านมาเป็นปี ได้ไปเสวนาธรรมกับกัลยาณมิตร ทั้งในชีวิตจริง และบนอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะ G2K จึงตัดสินใจกระโดดลงไปเรียนธรรมะอย่างเต็มตัวครับ
- ...เรียนมาเรื่อย ๆ (เป็นศิษย์หลายอาจารย์) จนสุดท้ายมาหยุดที่พระไตรปิฏก ครับ
- ในการเรียนรู้ที่เป็นปริยัติ ผมก็ฝึกปฏิบัติอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะมีเวลาค่อนข้างมาก (ลาเรียนอยู่ครับ) จนเริ่มรู้สึกว่า จากที่เป็นคนดิบ ๆ เริ่มดวงตาเห็นธรรมบ้างแล้ว
- ...ระหว่างที่ผมเรียนรู้ธรรมะอยู่นั้น ก็พยายามไป ลปรร และนำสิ่งที่เห็นไปถ่ายทอดให้ญาติสนิทมิตรสหาย จึงพบว่า การเข้าถึงธรรมะ ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีเหตุและปัจจัยหลายประการ เพราะแต่ละคนมีบุญ มีกรรม และจริตไม่เท่ากัน
- ...จนช่วงหลัง ๆ ก็ปฏิบัติธรรมในใจ แต่ใช้ชีวิตทางโลกอย่างเป็นปกติ
- เวลาต่อมา...
- เวลาต่อมา...บังเอิญได้อ่านงานเขียนของ อ.หมอสกล คันฉ่องนกไฟ ที่เกี่ยวกับ จิตตปัญญา ..เชื่อมโยงไปถึงงานเขียนของกลุ่มวงน้ำชา เชื่อมโยงไปถึงงานเขียนของ ดร.วรภัทร์ จึงทำให้เห็นมุมมองที่ต่างออกไป ซึ่งในตอนแรกผมสรุปว่า เป็นการเข้าถึงธรรมะวิธีใหม่ ที่คนทั่วไปจะเข้าถึงได้ง่ายกว่าการสอนธรรมะตรง ๆ
- ผมจึงตัดสินใจกระโดดเข้าไปศึกษา เริ่มจากสุนทรียสนทนา (Dialogue) + Theory U ...จนก้าวออกมาห่างจากธรรมะมากขึ้น คือ การพยายามเข้าถึงจิตไร้สำนึก
- และวันนี้เอง บังเอิญไปเห็นหนังสือชื่อ "พลังจิต" เข้าใจว่าเขียนโดย พีระวัฒน์ อริยทรัพย์กมล จึงเป็นที่มาของบันทึกนี้ครับ
- โม้ซะยาวเลยครับ..ขอบคุณอีกครั้งที่เข้ามาทักทายครับ