ในเดือนกรกฎาคมนี้ มีวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ๒ วันด้วยกัน คือ วันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ซึ่งในปี ๒๕๕๑ นี้ วันอาสาฬหบูชาตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๗ กรกฎาคม วันเข้าพรรษาตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๘ กรกฎาคม และก็มีวันหยุดยาวกันถึง ๔ วัน หลาย ๆ คน วางแผนล่วงหน้าที่จะพาครอบครัวไปทำบุญเข้าพรรษาที่ต่างจังหวัดและถือโอกาสท่องเที่ยวทัศนศึกษาไปด้วย
วันอาสาฬหบูชา
แปลว่า การบูชาในวันเพ็ญ เดือน ๘ หรือ การบูชาเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในวันเพ็ญ เดือน ๘ คือ
๑. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา
๒. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าเริ่มประกาศพระศาสนา
๓. เป็นวันที่เกิดอริยสงฆ์ครั้งแรก คือ การที่ท่านโกณฑัญญะรู้แจ้งเห็นธรรมเป็นพระโสดาบัน จัดเป็นอริยบุคคลท่านแรกในอริยสงฆ์
๔. เป็นวันที่เกิดพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา คือ การที่ท่านโกณฑัญญะขอบรรพชาและได้บวชเป็นพระภิกษุ หลังจากฟังปฐมเทศนาและบรรลุธรรมแล้ว
๕. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงได้ปฐมสาวกคือ การที่ท่านโกณฑัญญะนั้น ได้บรรลุธรรม และบวชเป็นพระภิกษุ จึงเป็นสาวกรูปแรกของพระพุทธเจ้า
โดยสรุป วันอาสาฬหบูชา เป็นวันที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น ๓ เหตุการณ์ คือ เป็นวันแรกที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา เป็นวันแรกที่มีพระสงฆ์เกิดขึ้นในโลก และเป็นวันแรกที่มีพระรัตนตรัย ครบ ๓ ประการ
แนวทางการปฏิบัติตนเนื่องในวันอาสาฬหบูชา คือ ควรให้ทาน โดยการถวายภัตตาหารเพล แด่พระภิกษุสามเณร บริจาคทรัพย์ช่วยเหลือ เกื้อกูลกัน พร้อมทั้งรักษาศีล เจริญภาวนา เวียนเทียน ฟังพระธรรมเทศนา (ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร) และสวดมนต์ ดังนั้นในวันนี้จึงถือว่า พุทธศาสนิกชนควรได้รับประโยชน์ ที่เป็นสาระสำคัญจากอาสาฬหบูชา กล่าวคือ ควรทบทวนระลึกเตือนใจสำรวจตนว่า ชีวิตเราได้เจริญงอกงามขึ้นด้วยความเป็นอยู่อย่างผุ้รู้เท่าทันโลกและชีวิตนี้บ้างแล้วเพียงใด เรายังดำเนินชีวิตอยู่อย่างลุ่มหลงมัวเมา หรือมีจิตใจอิสระปลอดโปร่งผ่องใสบ้างแล้วเพียงใด
วันเข้าพรรษา
แปลว่า "พักฝน" หมายถึง พระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ ณ วัดใดวัดหนึ่งระหว่างฤดูฝน เป็นเวลา ๓ เดือน ปวารณาออกพรรษาแล้งจึงออกเดินทางไปเผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้าต่อไป
สาระสำคัญ ของวันเข้าพรรษา คือ การที่พระพุทธเจ้ากำหนดให้พระภิกษุเริ่มอยู่จำพรรษา โดยไม่เดินทางไปค้างแรม ณ สถานที่ใดเป็นเวลา ๓ เดือน ทำให้พระภิกษุ ที่อยู่ร่วมกันจำนวนมากได้ศึกษาเข้าใจพระพุทธศาสนาได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับพฤติกรรม ลด ละ เลิกอบายมุขของคนในสังคมไทย เช่น การงดเหล้า บุหรี่ จนทำให้เกิดโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการงดเหล้าเข้าพรรษา ซึ่งสอดคล้องกับหลักวิรัติ ๓ คือ การงดเว้นจากบาปและความชั่วต่าง ๆ จัดเป็นมงคลธรรมข้อหนึ่งจำแนกออกเป็น ๓ ประการ คือ
๑. สัมปัตตวิรัติ ได้แก่ การงดเว้นจากความชั่ว เพราะมีหิริความหายชั่วและโอตตัปปะ ความกลัวบาป นั่นคือ เมื่อมีเหตุการณ์ที่เป็นใจให้เราทำผิดหรือทุจริตคอร์รัปชั่น เราสามารถห้ามใจตัวเองได้เพราะรู้สึกอายตัวเอง หรือเพราะกลัวเสียหน้า กลัวเสียเกียรติ เป็นต้น
๒. สมาทานวิรัติ ได้แก่ การงดเว้นจากบาป ความชั่วและอบายมุขต่าง ๆ ด้วยการสมาทานศีล ๕ หรือศีล ๘ จากพระสงฆ์โดยเพียรระมัดระวังไม่ทำให้ศีลขาดหรือด่างพร้อย แม้มีสิ่งยั่วยวนภายนอกก็ไม่หวั่นไหวหรือเอนเอียง
๓. สมุจเฉกวิรัติ ได้แก่ การงดเว้นจากบาป ความชั่วและอบายมุขต่าง ๆ ได้อย่างเด็ดขาด ข้อนี้เป็นคุณธรรมของพระอริยเจ้า
นอกจากนี้ วันเข้าพรรษาก่อให้เกิดประเพณีที่สำคัญ ๒ ประเพณีด้วยกัน คือ ประเพณีถวายผ้าอาบน้ำฝน และประเพณีแห่เทียนพรรษา
สำหรับผู้ที่ทำบุญ ถวายผ้าอาบน้ำฝนจะได้รับอานิสงฆ์ เหมือนการถวายผ้าชนิดอื่น ๆ ตามนัยที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ คือ ทำให้เป็นผู้มีผิวพรรณผ่องใส สวยงาม ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ มีความสะอาดผ่องใสทั้งกายและใจ
กิจกรรมที่ควรปฏิบัติในวันเข้าพรรษา คือ ร่วมกิจกรรมทำเทียนจำนำพรรษา ถวายผ้าอาบน้ำฝน และจตุปัจจัย แด่ภิกษุสามเณร ทำบุญ ตักบาตร ฟังธรรมเทศนา รักษาอุโบสถศีล และอธิษฐานงดเว้นอบายมุขต่าง ๆ
เสียดายจังไม่ได้ไปด้วยเพราะติดประชุมแต่ในงานก็ส่งน้องต๊อกไปเป็นตัวแทน
เช้านี้วันอาสาฬหบูชาพี่ก็ได้ไปทำบุญที่วัด ถวายผ้าอาบน้ำฝนและก็เจอน้องบุ๋มการเงินด้วย อยู่พิษณุโลกแต่มาทำบุญที่วัดไผ่รอบแถวบ้านพี่ซึ้งเป็นหมู่บ้านญาติๆแฟนน้องบุ๋ม
ดีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกเลย
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ คุณพิงค์
ดีมากเลยครับที่ทำแบบนี้ขึ้นมาเพื่อประชาชนคนพุทธ