เนื้อหาที่สนใจ
สมรรถนะและการจัดทำแผนพัฒนาสมรรถนะตนเองของครูและบุคลากรทางการศึกษา
สาระสำคัญของเนื้อหาโดยสรุป
สมรรถนะ หมายถึง ขีดความสามารถในการผสมผสาน ความรู้ ทักษะ แรงใจ ทัศนคติ และคุณลักษณะส่วนตัวของบุคคลแล้วแสดงออกในเชิงพฤติกรรมที่ส่งผลต่อความสำเร็จของงานในบทบาทหน้าที่อย่างโดนเด่นและมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปมี 2 ประเภท คือ
1. สมรรถนะหลัก (Core Competency) โดยที่ สมรรถนะหลักองค์กร (Organization Core Competency) เป็นความสามารถที่เกิดจากผสมผสานทั้งความรู้ ทักษะ และเทคโนโลยีทั้งมวลขององค์กรเข้าไว้ด้วยกัน ส่วนสมรรถนะหลักของบุคคล (Personal Core Competency) เป็นการหลอมรวม ความรู้ ทักษะ ความสามารถ คุณลักษณะที่มีในตัวบุคคลเข้าด้วยกันและแสดงออกเชิงพฤติกรรมที่ดีต่อการปฏิบัติงาน
2. สมรรถนะในงาน (Functional Competency) เป็นขีดความสามารถของบุคคลในการปฏิบัติงานให้ได้ผลที่สำเร็จตามที่องค์กรต้องการ แบ่งเป็นสมรรถนะทั่วไป (Common Functional Competency) ซึ่งเป็นคุณลักษณะของบุคคลทุกตำแหน่งในกลุ่มงานเดียวกันที่จะต้องมี นอกจากนี้ ยังมีสมรรถนะเฉพาะตำแหน่ง (Specific Functional Competency)
องค์ประกอบของสมรรถนะ ประกอบด้วย
1. กลุ่มของสมรรถนะ (Competency Categories) โดยปกติกำหนดเป็น 4 มิติ คือ มิติด้านความรู้ ทักษะ มิติด้านการมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน มิติด้านคุณลักษณะ/จริยธรรม และมิติด้านการคิดวิเคราะห์
2. ชื่อสมรรถนะและคำนิยาม (Competency Name & Definition) เป็นการกำหนดชื่อเรียกสมรรถนะ และกำหนดความหมายหรือคำอธิบายเพื่อการสื่อสารให้เข้าใจ
3. ระดับสมรรถนะหรือ ระดับความชำนาญ กำหนดเป็น 3 – 5 ระดับตามระดับการเรียนรู้ หรือ ความชำนาญหรือการกำหนดโครงสร้างองค์กร
4. การนิยามพฤติกรรมในแต่ละระดับ (Behavioral Indicators) ซึ่งเป็นการสะท้อนพฤติกรรมของบุคคลที่แสดงออกในการทำงานว่า ควรมีกี่ระดับ แต่ละระดับที่กำหนดนั้นๆ ว่าต้องมีพฤติกรรมการเรียนรู้ หรือ ความชำนาญ หรือความชำนาญในรูปแบบ หรือลักษณะอย่างไร
ประโยชน์ของสมรรถนะในการพัฒนาบุคลากร
การนำแนวคิดเกี่ยวกับสมรรถนะไปใช้ในการพัฒนาบุคลากร ได้แก่ การเลือกสรรบุคลากรให้เหมาะสมกับองค์กรและงาน การพัฒนา ฝึกอบรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประเมินผลการปฏิบัติงานการบริหารผลงาน ตลอดจนการเลื่อนระดับ ปรับตำแหน่งงานให้มีความชัดเจนมากขึ้น
การจัดทำแผนพัฒนาสมรรถนะตนเองของครูและบุคลากรทางการศึกษา
แผนพัฒนาสมรรถนะตนเอง (Individual Development Plan : IDPs) ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา คือ แผนปฏิบัติการ (Action Plan) จัดทำขึ้นบนพื้นฐานของสมรรถนะ ซึ่งต้องมีการประเมินความแตกต่างระหว่างสมรรถนะที่ต้องการ เปรียบเทียบกับสมรรถนะที่เป็นจริง แล้วนำผลความแตกต่างมากำหนดกิจกรรมพัฒนาตนเองด้วยรูปแบบ วิธีการต่างๆ เพื่อให้ครูและบุคลกรทางการศึกษาใช้เป็นแนวทางในการเรียนรู้และพัฒนาสมรรถนะตนเองให้มี ความรู้ ทักษะ และพฤติกรรมใหม่ๆ ที่ดีขึ้น เพิ่มพูนความสนใจ แนวทาง ความพึงพอใจ และกำลังใจในการทำงานตามบทบาทหน้าที่ในปัจจุบันให้มีผลสำเร็จ ส่งเสริมความสำเร็จขององค์กรได้สูงสุด และเพื่อส่งเสริมให้บุคลากรได้มาซึ่งสมรรถนะที่จำเป็นต่อตำแหน่งงาน การเลื่อนระดับชั้น หรือการเปลี่ยนสาขางาน
การออกแบบการพัฒนา
กระบวนการพัฒนาเกิดจากการวางแผนระหว่างผู้ปฏิบัติงานกับหัวหน้างานหรือผู้บังคับบัญชา โดยผู้ปฏิบัติงานจัดทำร่างแผนพัฒนาสมรรถนะตนเอง ส่วนหัวหน้างาน ผู้บังคับบัญชา มีหน้าให้คำปรึกษา แนะนำเป้าหมายของงาน/สถานศึกษา/หน่วยงาน ระบุความสามารถที่ต้องการให้บุคลากรพัฒนา กำกับ ดูแล สอน แนะนำ และกำหนดแนวทางหรือมอบหมายงานแก่บุคลากร ที่สอดคล้องกับงานที่ได้รับมอบหมายกับยุทธศาสตร์ขององค์กร ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความพึงพอใจต่องานที่ดีขึ้น รวมทั้งเป็นการสร้างความสัมพันธ์ร่วมมือในการทำงาน โดยข้อตกลงและตัดสินใจให้เกิดการยอมรับร่วมกันระหว่างบุคลากรกับหัวหน้างานภายใต้กรอบงบประมาณที่ได้รับการพิจารณาไว้แล้ว ดังนั้น การสร้างแผน IDPs ควรจะต้องมีการอธิบายตำแหน่งงาน (Job Description) ที่มีความชัดเจน ทำอย่างเป็นระบบและขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง มีการทบทวน ตรวจสอบและปรับปรุงได้ อย่างน้อยทุกๆ หกเดือน
ขั้นตอนการจัดทำแผนพัฒนาตนเอง
1. การประเมินสมรรถนะตนเอง เพื่อรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นแล้วนำไปจัดทำร่างแผน IDPs ของตนเอง
2. การพบปะ ประชุมร่วมกับผู้ให้คำปรึกษา เพื่อทบทวนข้อมูลหาทางเลือกถึงแนวทางการพัฒนาสมรรถนะตนเอง
3. การประชุม ปรึกษาระหว่างบุคลากรกับหัวหน้างาน ผู้บังคับบัญชา เพื่อให้ได้ข้อมูลย้อนกลับการหาข้อตกลงร่วมกันถึงแผนพัฒนาสมรรถนะตนเองที่ได้จัดทำขึ้น
4. การประชุมสรุปผลและการดำเนินการพัฒนา เพื่อสรุปผลข้อตกลงและนำ IDPs ไปปฏิบัติ
5. การติดตามทบทวน เพื่อให้ทราบถึงผลการดำเนินงานพัฒนาตามแผน IDPs อย่างเป็นระบบและสนับสนุนต่อการพัฒนาอาชีพ
แง่คิดที่ได้จากเนื้อหา
ทุกคนมีสมรรถนะในการปฏิบัติงานแตกต่างกัน แต่ส่งผลต่อสมรรถนะขององค์กร ทุกหน่วยงานจึงให้ความสำคัญกับสมรรถนะ เราจึงได้พบกับ “การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์” แนวคิดและหลักการของ IDPs จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาบุคลากรในวงการศึกษาเป็นอย่าง เพราะหากบุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะครูและผู้บริหารนำแนวคิด หลักการและวิธีการไปใช้ในการพัฒนาตนก็ส่งผลต่อการพัฒนาองค์กรเกิดเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป
ลงชื่อ จารุวรรณ พูพะเนียด ผู้เขียน
ที่มา
http://www.nidtep.go.th/inno/data_pro/chatcharin/essay.pdf
http://www.nidtep.go.th/inno/data_pro/chatcharin/essay3.pdf
ดีมากๆๆๆ ขอขอบคุณที่ให้ความรู้ มีประโยชน์มาก
อาจารย์คะ ลองไป share กับ อ. ไก่ และ อ. อุ๊นะคะ สองท่านนี้ก็สนใจเรื่อง competency เช่นเดียวกัน เดี๋ยวจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับสมรรถนะบุคลากรทางการศึกษาเพิ่มเติมในเว็บไซต์นะคะ และในบล็อกของ ผชช. ก็มีเรื่องเครื่องมือประเมินสมรรถนะค่ะ ลองอ่านดูเล่น ๆ นะคะ
ดีครับ กลุ่ม 3 สนใจเรื่องสมรรถนะ จะได้ช่วยกันหาความรู้มาเพิ่มเติม และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน แต่ผมก็อยาดทราบสมรรถนะของครูเอกชน เหมือนกับครูบ้านนอกหรือไม่ เพราะเห็นครูเอกชนเขาขยันขันแข็ง และตั้งใจปฏิบัติงานกันทุกคน ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด ช่วย Share กันหน่อยครับ
โรงเรียนที่ทำงานอยู่ ณ ปัจจุบัน เป็นโรงเรียนรัฐบาล ค่ะ เคยทำงานในโรงเรียนเอกชน เพียง 10 สัปดาห์ก่อนบรรจุ เป็นข้าราชการ จำได้แต่ว่างานสอนเป็นหลัก งานพิเศษพวกธุรการไม่มีค่ะ แล้วพยามยามดึงศักยภาพของแต่ละออกมา ให้เห็นว่าใครมีผลงานอะไร อีกอย่างหนึ่ง คือ ไม่จัดให้นั่งรวมกลุ่มกันมากนัก
แต่นั่นก็นานมากแล้ว เมื่อสัก ปี สองปีก่อนเคยได้แลกเปลี่ยนกับครูโรงเรียนเอกชน กับการพัฒนาเด็กเข้าแข่งขันความสามารถทางวิชาการ หากชนะหมายถึงการเลื่อนขั้นเงิน นอกจากนี้ในขณะที่พวกเราส่งเสริมให้ครูนำการวิจัยมาใช้ในการเรียนการสอน ก็พบว่า ครูโรงเรียนเอกชนดังมากในจังหวัดเสียเงินเพิ่มพูนความรู้ด้านวิจัย ทำรายงานการวิจัย เพื่อการต่อสัญญาการทำงานค่ะ
การตื่นตัวของครูโรงเรียนเอกชนจึงอาจมีความหมายต่อการต่อสัญญา และการขึ้นเงินเดือน
เป็นแนวคิดที่ดี ที่มุ่งพัฒนาคนซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ ในการพัฒนา ที่จะได้รู้ว่าจะพัฒนาคนตรงใหน นำมาวางแผนอย่างไร ที่สำคัญเมื่อพัฒนาคนแล้วเกิดผลกับผลผลิตมากน้อยเพียงไรเป็นสิ่งที่ยน่าติดตาม ผลิตในที่นี้นั้นหมายถึงผู้เรียน (มาตรฐานที่ 1 - 8 )