สวัสดีครับ
วานนี้มีประชุมคณะทำงาน ทั้งเจ้าของงานฝั่งลาวและชาวไทย ที่ขาดไม่ได้คือ “ที่ปรึกษาหย่าย” ก็คือตัวข้าพเจ้าเองครับ เรามีการทบทวนบทบาทหน้าที่และขอบเขตความรับผิดชอบของแต่ละภาคส่วน มีการทบทวนความคาดหมายและตัวชี้วัดของงานในส่วนของ Consultants(ที่ปรึกษา) และการนำแผนไปสู่การปฏิบัติ(implementation) ซึ่งในส่วนที่เป็นความรับผิดชอบของผมโดยตรง คืองานฟื้นฟูอาชีพและวิถีชีวิตนั้นไม่มีปัญหาแต่อย่างใด (เพราะที่ปรึกษาคนนี้ลุยงานไปขุดดินถางหญ้ากับพี่น้องชาวหงสาอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว)
ในที่ประชุมเรายังพูดคุยกันถึงเรื่องขอบเขตที่โครงการรับผิดชอบ ด้วยเหตุที่ว่าการทำงานในพื้นที่ห่างไกล และมีงบประมาณค่อนข้างจำกัดเช่นนี้ ดูเหมือนว่ายังมีส่วนที่จะต้องเติมเต็มอยู่อีกมากหลายอย่าง คล้ายกับว่าจะไม่จบไม่สิ้น โดยเฉพาะเรื่องถนนหนทางและระบบสาธารณูปโภคต่างๆ (ซึ่งอันที่จริงอาจไม่จำเป็นก็ได้..หากมองจากมุมทางด้านสังคม...หรือมุมมองของนักอนุรักษ์เช่นผม)
ท่านผู้ร่วมประชุมชาวลาวได้พูดขึ้นมาว่า ให้ระวังว่าจะเป็นการ “เกี่ยวหญ้ามุงทุ่ง” คำพังเพยลาวคำนี้ผมเพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก และคิดว่าหลายท่านอาจจะได้ยินเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกัน แต่ความหมายนั้นเข้าใจง่าย เปรียบเทียบให้เห็นภาพพจน์ได้ชัดเจนดี
“เกี่ยวหญ้า” หมายถึงการเกี่ยวหญ้าคา ที่ต้นสูงงามรวบรวมมาเป็นมัดๆ มาเก็บไว้ หากมีเวลาว่างแม่บ้านก็จะนำมาจัดเป็นตับๆ (ทางลาวและทางล้านนาเรียก ไพหญ้าคา) เอาไว้ใช้มุงหลังคาบ้าน เล้าไก่ และโรงเรือนต่างๆ ซึ่งจะมีอายุการใช้งานได้สองสามปี พี่น้องจึงมักมีสวนหญ้าคาของครอบครัวไว้ และเกี่ยวหญ้ามาไพไว้ใช้ทุกปี ดังนั้นหากใครที่จะเข้ามาทำกิจการในลาว หากพบเห็นป่าหญ้าคารกงามอย่าไปคิดว่าเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่านะครับ นั่นแหละสวนหญ้าคาของพี่น้องเขาละ
“เกี่ยวหญ้ามุงทุ่ง” ในความหมายเปรียบเทียบ โดยทั่วไปพี่น้องเกี่ยวหญ้าจัดไพ แล้วเอาไว้มุงทำหลังคาบ้าน และโรงเรือนต่างๆ ปีหนึ่งก็ใช้เพียงสามสี่ร้อยตับ บางบ้านก็ได้ขายให้เพื่อนบ้านเป็นรายได้เสริม สัปดาห์ก่อนผมใช้ผู้ช่วยไปหาซื้อมาทำโรงสาธิตการเพาะเห็ด ราคาหญ้าไม่ถูกเลย ตับละสามพันกีบหรือสิบสองบาททีเดียว โรงเรือนขนาดสี่คูณหกเมตรหมดไปสี่ร้อยตับครับ
ดังนั้นหากใครคิดจะไปเกี่ยวหญ้าคามาไพ แล้วเอาไปมุงท้องทุ่งนาที่กว้างใหญ่คงจะเกี่ยวตลอดปีตลอดชาติก็มุงได้ไม่ทั่ว แถมหญ้าที่มุงไปแล้วก็จะเริ่มผุพังต้องกลับไปซ่อมอีก
คนโบราณท่านเข้าใจเปรียบเทียบ เอาไว้สอนกันนะครับ ผมว่าคำพังเพยบทนี้สามารถนำไปสอนให้คนรู้จักความ “พอเพียง” ได้อีกนัยหนึ่งด้วย
“เกี่ยวหญ้ามุงทุ่ง” หากเปรียบกับสำนวนไทยกลาง คงจะเป็น “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ”ใช่หรือไม่ครับท่านผู้อ่าน
สวัสดีค่ะ อาวปาลี
สวัสดีคะคุณ paleeyon
ช่วงนี้อยู่ที่สะหวันณเขต หรืออยู่ที่แขวงไหนค่ะ
จะข้ามมาฝั่งไทยเมื่อไร
ขอไห้อยู่ดีมีแฮงหลาย ๆ คะ
สวัสดีครับอ้ายpaleeyon