เรื่องเล่าเร้าพลัง


เมื่อครั้งได้รับเกียรติเป็นวิทยากรรับเชิญของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุดรธานี เขต 3 ในการประชุมสัมมนา เรื่องการสร้างความเข้มแข็งในการทำงาน ตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของบุคลากรทางการศึกษา ในระหว่างวันที่ 16-17 พฤษภาคม 2551 ณ โรงแรมอุดรแอร์พอร์ท จังหวัดอุดรธานี ในหัวข้อ KM เรื่องเล่า เร้าพลัง

เรื่องเล่าเร้าพลัง 

โดยนิภารัตน์  วงษ์วิชา  นักวิชาการศึกษา 7 ว. กลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา   สำนักงานงานเขตพื้นที่การศึกษาอุดรธานี เขต 3
                      ก่อนอื่นดิฉันขอแนะนำตัวเองก่อนน่ะค่ะเพื่อจะได้รู้ที่ไปที่มาว่าทำไมดิฉันจึงมีความคิดหรือการกระทำเช่นนี้ ปัจจุบันดิฉันดำรงตำแหน่ง นักวิชาการศึกษา 7 ว. กลุ่มงานส่งเสริมการจัดการศึกษา สำนักงานการเขตพื้นที่การศึกษาอุดรธานี เขต 3 รับผิดชอบงานด้านทุนการศึกษา มีนักเรียนในสังกัด 56,212 คน โรงเรียนในสังกัด 228 โรงเรียน ดิฉันจบปริญญาตรี สาขาการบัญชี จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และสาขาคอมพิวเตอร์ศึกษา จากมหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานีกำลังศึกษาระดับปริญญาโท สาขาบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น ดิฉันขอเล่าขั้นตอนและกระบวนการทำงานของดิฉันเลยน่ะค่ะ ประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์  2551 ที่ผ่านมา ได้มีแขกมาพบที่สำนักงานเขต ชื่อ คุณสมเกียรติ ดีปา เป็นตัวแทนมูลนิธิประเสริฐ-ทัศนีย์  พุ่งกุมาร  แจ้งว่ามาติดต่อขอข้อมูลเพื่อจะเป็นแนวทางในการมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่ยากจน ขาดแคลนทุนทรัพย์ ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน งบประมาณตั้งไว้ที่ 70-80 ทุน ๆ ละ 7,000 บาท โดยคาดว่าจะมีเขตพื้นที่การศึกษาได้รับทุนประมาณ เขตละ 20 ทุน จากการที่ดิฉันได้พูดคุยกับคุณสมเกียรติ ทำให้ทราบว่าคุณสมเกียรติ ได้เดินทางไปในหลาย ๆ เขตพื้นที่การศึกษา ทั้งในและนอกรอบจังหวัดอุดรธานี ประมาณ 7-8 เขตพื้นที่ รวมทั้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุดรธานี เขต 3 โดยคุณสมเกียรติจะนำข้อมูลเบื้องต้นที่ได้ทั้งหมดไปวิเคราะห์และนำเสนอต่อที่ประชุมของคณะกรรมการมูลนิธิประเสริญ-ทัศนีย์  พุ่งกุมาร เพื่อพิจารณาตามความเหมาะสมต่อไป
เมื่อได้ฟังคำพูดของคุณสมเกียรติจบ แว็บแรกในหัวสมองของดิฉันเกิดความ 

คิดนอกกรอบ ขึ้นมาทันที เพราะดิฉันถือสุภาษิตที่ว่า  รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยหน ดิฉันเริ่มสอบถามและหาข้อมูลจากเขตพื้นที่การศึกษาอื่นที่คุณสมเกียรติได้แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ทันที และคำตอบที่ได้รับจากทุกเขตพื้นที่การศึกษาอื่น ได้มาตรงกันทั้งหมดคือ ได้รับการติดต่อจากตัวแทน

มูลนิธิประเสริฐ-ทัศนีย์  พุ่งกุมาร เหมือนกันน่ะ แต่เห็นเงียบไป ไม่เห็นติดต่อมาอีก กำลังรออยู่เหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะติดต่อกลับมา ดิฉันมองออกทันทีว่า นี่คือ จุดอ่อน ของการทำงานตามระบบราชการ คือการทำงานแบบตั้งรับ รอรับการสั่งการและรอรับการประสานงานอย่างเดียว เปรียบเสมือนกับที่เราเป็นแม่ค้าขายเงาะที่ตลาด เราจะได้ขายเฉพาะกับคนที่มาตลาดเพื่อจะซื้อเงาะเท่านั้น พอตลาดวาย(ภาษาอีสาน หมายถึง ตลาดเลิกประมาณ 10.00 น.)  ก็ไม่มีคนมาตลาด แล้วเราต้องนั่งเฝ้าเงาะที่

แผงตลาด เงาะก็เน่าคาแผง(เน่าค้างบนแผงตลาด)  ทุนหายกำไรหด ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาในใจตนเองว่าเราจะทนนั่งดูให้เงาะเราเน่าคาแผงตลาดเหรอ? (ซึ่งดิฉันเปรียบเทียบกับเด็กนักเรียนทั้ง 56,212 คน

ที่ยากจน และขาดแคลน) ทำไมเราไม่เอาเงาะใส่รถเข็น ไปเร่ขายตามบ้านคน เหนื่อยเพิ่มขึ้นอีกนิด

แต่เงาะเราขายหมดเร็วขึ้น กำไรก็ได้เพิ่มขึ้น  ดิฉันวางแผนทันทีว่าจะต้องเอา จุดอ่อน ของการทำงานตามระบบราชการมาเป็นโอกาส ในการหาทุนการศึกษาให้เด็กนักเรียนพื้นที่การศึกษาอุดรธานีเขต 3 ทันที

                        ดิฉันเริ่มยุทธศาสตร์ การทำงานเชิงรุก ทันที โดยนำหลักการเร่ขายเงาะตามบ้าน

มาใช้ ดิฉันเริ่มโทรศัพท์ติดต่อประสานงานกับคุณสมเกียรติ หากจะใช้ภาษาที่ฟังให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ

ดิฉันตื้อ คุณสมเกียรติมาก ตื้อเสียจนเกรงใจคุณสมเกียรติ กลัวว่าท่านจะไม่เป็นอันทำงานอย่างอื่น มัวแต่รับโทรศัพท์จากดิฉัน แต่วิธีการตื้อของดิฉันคือ ตื้อด้วยข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจำนวนนักเรียน รายละเอียดแต่ละรายโรงเรียน ข้อมูลทางภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ แม้กระทั่งรายชื่อผู้บริหารโรงเรียนและเจ้าหน้าที่ในเขต ดิฉันก็ยังส่งให้คุณสมเกียรติและวิธีการติดต่อประสานงานกับ

คุณสมเกียรติ ดิฉันได้แจ้งให้คุณสมเกียรติทราบว่า ไม่จำเป็นที่ท่านต้องเดินทางมาพบดิฉันทุกครั้ง

ที่ต้องการข้อมูล เราสองคนสามารถติดต่อข้อมูลผ่านทางระบบ INTERNET ที่ใช้ระบบ E-mail และ Messenger  เป็นช่องทางการติดต่องานที่สะดวก รวดเร็ว และแทบจะไม่มีค่าใช้จ่ายเลย และดิฉัน

พบหน้าคุณสมเกียรติเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

                        และแล้ววันหนึ่งประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ดิฉันได้รับโทรศัพท์จาก

คุณสมเกียรติ แจ้งข่าวดีว่า คณะกรรมการมูลนิธิประเสริฐ-ทัศนีย์  พุ่งกุมาร ได้ตัดสินใจพิจารณานักเรียนในเขตพื้นที่การศึกษาอุดรธานี เขต 3 แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะให้เท่าไหร่ คงจะเป็น 70 ทุน

ดิฉันและคุณสมเกียรติได้มีการหารือกันในประเด็นต่าง ๆ ทั้งนี้ประเด็นหนึ่งที่สำคัญที่คุณสมเกียรติ

ย้ำตลอดเวลา คือทางคณะกรรมการมูลนิธิฯ จะขอเข้าประเมินและตรวจเยี่ยมนักเรียนด้วยตนเอง

ถึงที่บ้านและโรงเรียน เพื่อดูสภาพความเป็นอยู่และข้อเท็จจริงของนักเรียนทุกคนที่ยื่นใบสมัคร

ซึ่งมีทั้งหมด 161 ราย ดิฉันได้นำเรื่องนี้ปรึกษาหารือกันภายในเขตพื้นที่ ซึ่งความคิดนี้มีทั้งผู้เห็นด้วย และคัดค้าน โดยเสียงคัดค้านจากเจ้าหน้าที่เขตบางท่าน ที่ดิฉันได้ยินคือ จะให้ใครก็ให้ไปเลยสิ

กะอีแค่เงิน 5,000 บาท ทำไมต้องทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก แต่ดิฉันไม่คิดอย่างเขา เพราะดิฉันคิดว่า

ทำอย่างไรให้เจ้าของเงิน เขามีความพึงพอใจและเต็มใจที่จะให้ ตรงกับเจตนารมณ์ของ

มูลนิธิประเสริฐ-ทัศนีย์  พุ่งกุมาร  มากที่สุด และความคิดที่เหนือกว่านั้นคือ คิดต่อยอด 

อะไรที่ดิฉันบอกว่าคิดต่อยอด นั่นก็คือ

 

1.      การไปตรวจเยี่ยมบ้านเด็กทั้ง 161 รายที่ยื่นใบสมัครมานั้นเป็นไปได้ยากมาก

      เพราะต้องใช้คนจำนวนมาก และงบประมาณที่สูงมาก ในเมื่อมีองค์กรเอกชนเข้ามา

      ทำงานร่วมกับเรา ซึ่งเขามีศักยภาพในตรงนี้สูง ทำไมเราไม่ดึงเอาศักยภาพของเขา

      มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับทางราชการ

2.      ดิฉันต้องการเก็บข้อมูลดิบจากครอบครัวนักเรียนโดยตรง หากลำพังหน่วยงานราชการจะดำเนินการเองเป็นไปไม่ได้แน่ เพราะไม่เคยมีงบประมาณมารองรับ

ดิฉันจึงดึงเอามูลนิธิเป็นพันธมิตรและเครือข่ายของดิฉันทันที

3.      ดิฉันวางแผน คิดต่อยอด โดยการจัดเก็บภาพถ่ายสภาพความเป็นอยู่ของนักเรียน ในรูปแบบสื่ออิเลกทรอนิคส์คือ CD แล้วเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังทีหลังว่าดิฉันเอาไปต่อยอดอย่างไร

จากความร่วมมือและประสานงานอย่างต่อเนื่องกับทางทีมงานของมูลนิธิฯ ผ่านทาง

คุณสมเกียรติ  ผลปรากฏว่า สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุดรธานีเขต 3 มีนักเรียนได้รับทุนการศึกษา

พร้อมด้วยเครื่องอุปโภค จากมูลนิธิประเสริฐ-ทัศนีย์  พุ่งกุมาร จำนวนถึง 143 ราย เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 756,000 บาท  ซึ่งเกินความคาดหมายมากที่เขาตั้งใจจะให้เราแค่ 20 ทุน หรือเพียง 100 ทุนในภาพรวมทั้งจังหวัด  และเขตพื้นที่การศึกษาเราลงทุนไปเพียง 1,132 บาท เป็นค่าถ่ายเอกสารข้อมูลแจกให้คณะกรรมการทั้งสองฝ่ายในวันที่มีการประชุมร่วมกันเท่านั้น

                        ท่านยังจำคำของดิฉันได้หรือไม่ค่ะที่บอกว่า คิดต่อยอด เดี๋ยวเรามาฟังกันน่ะค่ะว่าดิฉันเอาไปต่อยอดอย่างไร วันนึง ดิฉันขับรถผ่านโรงเรียนบ้านหมากแข้ง (โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี) เห็นคนกำลังเดินข้ามถนนมา ดิฉันจำได้ว่าเป็นคนที่อยู่อำเภอหนองหาน ดิฉันจึงจอดรถและชวนเขาไปด้วยกันเพราะดิฉันกำลังจะเดินทางไปทำงานที่หนองหานเหมือนกัน (อำเภอหนองหานเป็นที่ตั้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุดรธานีเขต 3 ห่างจากตัวจังหวัดอุดรธานี

35 กิโลเมตร) ดิฉันไม่เคยคุยกับเขามาก่อน แต่จำได้ว่าเคยเห็นเขาอยู่หนองหาน เราสองคนคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ในขณะที่ดิฉันก็ขับรถไปด้วย ดิฉันได้เล่าให้เขาฟังถึงเรื่องที่ดิฉันภาคภูมิใจที่สามารถขอทุนการศึกษาจากมูลนิธิให้กับนักเรียนได้ เขาชื่นชมในความตั้งใจจริงของดิฉัน และเขาก็ได้เอ่ยคำหนึ่งขึ้นมา แล้วผมจะช่วยคุณอีกแรง  โอ้โฮ้โอกาสเป็นขององค์กรดิฉันอีกแล้วค่ะ  ดิฉันมองเห็น โอกาส อีกแล้วค่ะ ดิฉันลืมเล่าให้ฟังว่า ดิฉันเป็นคนที่สามารถทำงานราชการได้ทุกสถานที่ ทุกวเลาและทุกโอกาสขนาดดิฉันขับรถและคุยกับเขานั้น ดิฉันยังสามาถปฏิบัติหน้าที่ราชการได้ โดยมองเห็นโอกาสที่เขาหยิบยื่นให้ ความเป็น นักขายมืออาชีพ  ในตัวดิฉันเริ่มขึ้นทันที ดิฉันหยิบเอา CD  ที่ดิฉันไปเก็บข้อมูลร่วมกับมูลนิธิ มอบให้ คุณชัยวัฒน์  พิบูลย์ศิริกุล ทันที พร้อมกับเบอร์โทรศัพท์ดิฉัน ประมาณหนึ่งสัปดาห์ดิฉันได้รับโทรศัพท์จากชาวต่างประเทศ แจ้งว่า ประทับใจในการทำงานเสียสละของดิฉัน

เขาจะโอนเงินให้ดิฉัน 1,000  $ USA. หรือประมาณ 29,000 บาท (อัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น)

ให้ดิฉันไปมอบให้นักเรียน ดิฉันปฏิเสธเงินดังกล่าว เพราะดิฉันไม่ต้องการจะให้เงินของผู้ใจบุญทั้งหลายผ่านมือคนกลาง ดิฉันต้องการให้เกิดความโปร่งใส และให้เงินถืงมือนักเรียนโดยตรง

และที่เหนือกว่านั้นคือความคิดของดิฉันที่มั่นใจว่า หากเขาไปเห็นสภาพที่แท้จริงของโรงเรียนและนักเรียน เราน่าจะได้อะไรมากกว่านั้น เขาจึงให้ดิฉันเสนอชื่อนักเรียนให้เขาไปหนึ่งคน

                        อีกสองสัปดาห์ให้หลัง ดิฉันได้รับโทรศัพท์จากชาวต่างประเทศอีกครั้งหนึ่ง เขาแจ้งว่า ผมได้นำเงินไปมอบให้ เด็กหญิงอาภัสรา  สันทอง นักเรียนชั้น ป.4 นักเรียนโรงเรียนสยามกลการ 3 อำเภอไชยวาน ซึ่งป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ต้องเข้าคีโม เดือนละ 2 ครั้งทุกเดือน หากได้รับการรักษาต่อเนื่อง ประมาณ 10 ปี  เธอจะหายขาดจากโรคนี้ ซึ่งชาวต่างประเทศที่ชื่อ Mr. Paul  

ชาวสหรัฐอเมริกา ได้มอบเงินสดให้เด็กหญิงอาภัสรา จำนวน 31,200 บาท และยังได้มอบเงินเป็น

ทุนอาหารกลางวันสำหรับโรงเรียนสยามกลการ 3 อีก 15,000 บาท จากที่ Mr.Paul Hemmaplardhตัวแทน Mr.Fred Croson  และคณะได้เดินทางไปมอบทุนดังกล่าวโดยตรง เขาได้เห็นสภาพโรงเรียน เขายังจะหาทางช่วยเหลือในด้านอาคารเรียนอีกด้วย โดยเขาจะไปเล่าให้เพื่อน ๆฟังและรวบรวมเงินมาช่วยในภายหลัง เห็นไหมค่ะ ดิฉันได้ Mr.Paul Hemmaplardh เป็นพันธมิตรและเครือข่ายในการทำงานราชการของดิฉันอีกแล้ว แต่ทราบหรือไม่ค่ะว่าจนป่านนี้ดิฉันยังไม่เคยพบหน้าเขาเลยสักครั้ง  รู้ไหมค่ะว่าดิฉันลงทุนไปเท่าไหร่ แค่ 7 บาท สำหรับค่า CD เท่านั้น ดิฉันมองว่า การทำงานครั้งต่อไป ต้นทุนจะต้องต่ำลง เพื่อให้เกิดกำลังสูงสุดและตอนนี้ดิฉันให้ญาติเด็กหญิงอาภัสรา เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารร่วมกับผู้อำนวยการโรงเรียนเพื่อควบคุมการใช้จ่ายและรายงานให้ Mr.Paul Hemmaplardh และ Mr.Fred Croson  ทราบเป็นระยะ   เชื่อหรือไม่ค่ะว่า ดิฉันใช้เวลา 3 เดือน เท่านั้น ในการทำงาน 2 ชิ้นนี้  ใช้งบประมาณทางราชการ 1,139 บาท เป็นค่าถ่ายเอกสารและค่า CD แต่ดิฉันสามารถหาเงินทุนการศึกษาให้เด็กได้ถึง 143 ราย กับอีก 1 โรงเรียน รวมมูลค่าถึง

 802,200 บาท              ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่ตั้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ที่หน่วยงานจะแสวงหาทุนจากองค์กรภายนอก นี่ไม่ใช่โชคช่วย นี่ไม่ใช่เรื่องฟลุ๊ก แต่เป็นเรื่องของการ

แสวงหาโอกาส โดยแท้จริง

  สุดท้ายนี้ ดิฉันในฐานะครูคนหนึ่งที่อยากจะเห็นลูก ๆ ของดิฉันทั้ง 56,212 คน ได้มีโอกาสทางการศึกษาทัดเทียมกับคนอื่น กราบขอบพระคุณท่านประเสริฐ และคุณทัศนีย์ พุ่งกุมาร ที่ได้สละทุนทรัพย์ส่วนตัวให้กับนักเรียน ที่ดิฉันถือเสมือนลูกคนหนึ่งของดิฉัน กราบขอบพระคุณ

คุณสมเกียรติ  ดีปา ที่เข้าใจในเจตนารมณ์ของดิฉันและทำให้ความตั้งใจที่ดิฉันจะกระทำเพื่อเด็ก ๆ

ให้ประสบผลสำเร็จ กราบขอบพระคุณ คุณชัยวัฒน์  พิบูลย์ศิริกุล เจ้าของร้าน พิบูลย์ศิริโอสถ ที่อาสาเป็นเครือข่ายและช่วยดิฉันหาทุนการศึกษา ขอบใจน้องแต๋น น้องหมวย พี่หน่อย พี่ไพรินทร์

พี่ประพัฒน์ และเจ้าหน้าที่ในเขตพื้นที่การศึกษาที่ช่วยดิฉันทำงานชิ้นนี้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเลย และกราบขอบพระคุณท่านรองฯสุกันฑ์  ส่างช้าง ที่ให้คำแนะนำและคำปรึกษาแก่ดิฉันตลอดเวลา ขอบพระคุณ  ดร.สุพจน์  ดวงเนตร และ Mr.Finnbogi  Samuelsen ที่คอยให้กำลังใจ และชี้แนะแนวทางในการทำงานของดิฉัน

                        ยังมีเด็กนักเรียนอีกจำนวนมากที่ขาดแคลนโอกาสทางการศึกษา โดยเฉพาะเด็ก

ตัวน้อย ๆในเขตพื้นที่ภาคอีสาน หากท่านใดได้ฟังหรือได้อ่านบทความนี้ของดิฉัน มีความประสงค์

จะช่วยดิฉันทำงานอีกแรง ขอได้โปรดเผยแพร่บทความของดิฉันให้เพื่อน ๆ ของท่านได้รับทราบ

หรือท่านใดที่มีความประสงค์จะช่วยเหลือเด็กนักเรียนของดิฉันให้มีโอกาสทางการศึกษาทัดเทียมผู้อื่น ขอได้โปรดติดต่อดิฉันได้ที่ [email protected]  หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ (66) 081 717 6078

                        ดิฉันทำงานด้วย จิตวิญญาณของความเป็นครู และ รับราชการเพื่อเป็นเกียรติประวัติของวงศ์ตระกูล

  

ภาพซ้าย : ที่อยู่นักเรียน  ภาพขวา : ผุ้อุปการคุณ

หมายเลขบันทึก: 193070เขียนเมื่อ 9 กรกฎาคม 2008 14:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:16 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
  • ขอชื่นชมกับท่าน ศน ด้วยครับ
  • ทำเพื่อเด็กเป็นสิ่งดี
  • แนะนำว่า
  • รบกวนถ่ายรูป เอามาแสดง
  • แล้วส่งไปให้เจ้าของทุนดูด้วยครับ
  • ขอบคุณครับ

ขอชื่นชมด้วยความจริงใจ

อ่านแล้ว อิ่มบุญทั้งผู้ให้ อิ่มใจทั้งผู้รับ อิ่ทั้งบุญ+ใจสำหรับผุ้อ่านทุกๆท่านด้วย

ขอบพระคุณทุกท่านน่ะค่ะ ที่ให้กำลังใจ ดิฉันกำลังรวบรวมเรียงความที่เขียนด้วยลายมือเด็กนักเรียนเพื่อจัดทำเป็นรูปเล่มมอบให้เจ้าของทุน และสพฐ.ได้ออกใบประกาศเกียรติคุณให้กับ เจ้าหน้าที่ผู้แสวงหาและเจ้าของทุนแล้ว ลงนามโดย ท่าน เลขา สพฐ. คุณหญิง ดร.กษมา วรวรรณ ณ อยุธยา

ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม

วันนี้พานักเรียนเข้าร่วมแข่งขันโครงงานต้องประสบกับความเหนื่อยใจกลับมา กรรมการดูเสมือนจับผิดนักเรียนขอข้าพเจ้า คำถามที่ถามดูเจตนาต้องการลองภูมิเด็ก เด็กตอบไม่ได้เพราะคำถามนอกกรอบเกินที่เด็กจะทำได้ แม้แต่ผู้ประเมินเองดิฉันไม่ทราบว่าทราบมากแค่ไหน ไม่เหมาไปซะทุกคนนะคะ บางท่านแสดงให้เห็นเจตนาพิรุธเกินไป ดิฉันเหนื่อยนักค่ะ ทราบว่าทุกคนไปแบบทุ่มเทแต่ถ้าได้รับผลตอบแทนแบบน่าหน่ายอย่างนี้คิดว่าหลายท่านคุยเหมือนกัน เราทุกคนมุ่งหวังสูงมากกับการแสดงนิทรรศการที่โรงแรมนภาลัย ทราบถึงเจตนาท่านผู้รับผิดชอบดูค่ะต้องขออภัยถ้าหากกระทบทำให้ท่านต้องเสียหาย ท่านค่ะความบกพร่องตั้งแต่เทคนิคที่ท่านไม่อำนวยให้ผู้รายงานบนเวที ไม่จัดหาคอมพิวเตอร์ ปล่อยให้ทุกคนต้องไปเปิดคอมเครื่องนั้นที่ เครื่องนั้นที่ทำให้เสียเวลานัก ส่วนกรรมการท่านก็ประชุมกัน บ่ายโมงถึงได้ตรวจงาน ท่านคงประจักษ์นะคะว่าทุกคนมาลงเวลาแต่เช้าทุกท่าน แต่ท่านต้องยอมรับความช้าและไม่วางแผนของคณะกรรมการเอง จริงๆท่านน่าจะประชุมล่วงหน้าก่อนประเมิน ทำให้เห็นข้อบกพร่องยิ่งขึ้น ถ้าหากล่วงหน้าท่านคงปรับปรุงให้ดีมากกว่านี้

เรียนท่านอาจารย์ทุกท่านที่เคารพค่ะ

ตัวข้าพเจ้าได้นำนักเรียนไปประกวดโครงงานท่านทราบไหมคะคนที่ตรวจท่านเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนค่อนข้างจะมีวุฒิภาวะสูงแต่การถามนักเรียนเหมือนเจตนาให้นักเรียนจนมุมเหลือเกิน นักเรียนตอบไม่ได้หน้าซีดเสียคะแนนค่ะ กรรมการบางท่านตรวจของท่านเองค่ะ เหนื่อยใจนักถ้าอย่างนี้มาตรฐานอยู่ที่ไหนคะ อยู่ที่ท่านตรวจกดคะแนน ท่านตรวจลองภูมิเด็ก เด็กทำจริงแกล้งถามเด็กว่าเด็กทำจริงหรือไม่จะไปดูทีโรงเรียน ท่านนึกถึงหัวใจครูผู้สอนซิคะ เขาเหนื่อยมากแค่ไหนกับการกว่าจะได้โครงงานนี้มา ครูผู้สอนเต็มที่ รบกวนท่านกรรมการบางท่าน (ท่านผอ.พนมชัย นันทศรี และทีม ได้กรุณาอย่าตำหนิในรายที่เด็กทำไม่ได้เลยนะคะ บางคนแก่แล้วยังทำไม่ได้ก็มี่ ทางที่ดีท่านน่าจะเป็นกรรมการที่ให้กำลังใจผู้ทำกิจกรรมน่าจะดีที่สุด ถามว่าโรงเรียนของท่านนะทำดีแค่ไหนคะ อยากเห็นจังนะท่านกรรมการที่เคารพ

มีโอกาส เป็นพิธีกร วันมอบทุนการศึกษา ที่โรงเรียน อุดรพิทยานุกูล จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 30/04/2551 คู่กับ คุณครูอรอนงค์ ณ หนองคาย เห็นการทำงานของคุณครู นิภารัตน์ แล้ว ขอชื่นชมด้วยความจริงใจ ครับ เหตุผลเพราะ .....

ครู นิภารัตน์ ทำงานในเชิงรุก ซึ่ง เกือบทุกองค์กร ในภาคเอกชน ต้องการบุคลากรประเภทนี้ และ บุคลากรทุกคน ที่ร่วมงาน กับ บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ จะต้องเป็นคนประเภทนี้ด้วย จึงจะสามารถอยู่ได้ โดยเฉพาะสถานะการณ์ ปัจจุบัน มีการแข่งขันค่อนข้างสูง ผู้ที่มีความพร้อม ผู้ที่มีความขยัน อดทน รักในงานที่ทำเท่านั้น จึงจะมีความสุข และไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย และมีความสุขในการทำงาน

เป็นกำลังใจให้นะครับ ครูน้อง

จาก...ต๋อย/นพดล คันทะพรม

บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อีสาน

083-2445006

ขอบคุณคุณต๋อยมาก ๆ น่ะค่ะ ที่ให้กำลังใจ พึ่งเคยพบคุณต๋อยครั้งแรกก้อในวันพิธีมอบทุนการศึกษา แล้วก้อไม่ได้ติดต่อกับคุณอีกเลย ทำให้แปลกใจมากที่เห็นคุณต๋อยเข้ามาอ่านบทความ ฝากเผยแพร่บทความให้พนักงานในเครือเจริญโภคภัณฑ์และ กราบเรียนให้คุณพ่อประเสริฐ และคุณแม่ทัศนีย์ พุ่งกุมาร ทราบด้วยน่ะค่ะ ตอนนี้น้องเอา ภาพถ่าย CD ไปต่อยอดแล้ว และประสบผลสำเร็จในระดับหนึ่ง พึ่งเขียนเป็นบทความเสร็จ คงจะได้ติดตามอ่านในเร็ว ๆ นี้ค่ะ...ครูน้อง อุดรเขต 3

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท