เด็กญี่ปุ่นกับ การฝึกกระบวนการคิดอย่างง่าย


การสอนกระบวนการคิดอาจจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

    ทุกวันนี้เราจะเห็นว่าการปฏิรูปการศึกษา  จะเน้นการเกิดผลที่ตัวผู้เรียนเป็นหลัก  มีการปฏิรูปการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้นักเรียนสามารถคิดได้ด้วยตนเอง  แต่ว่ายังมีครูหลายท่านอาจจะมองไม่เห็นภาพ  ว่าจะนำมาใช้อย่างง่ายได้อย่างไร  แต่ว่าเมื่อได้ไปที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง  ก็มีโอกาสเข้าไปดูการจัดการเรียนการสอนภาษาญี่ปุ่นหรือที่เรียกว่า ภาษาแม่ ให้กับนักเรียน  ซึ่งในกระบวนการเรียนการสอนจะแฝงการฝึกทักษะกระบวนการคิดเข้าไปตลอด  โดยมีตัวอย่างกระบวนการเรียนการสอนดังต่อไปนี้

    ใน 1  คาบเรียนจะใช้เวลา 45 นาที  แผนการสอน เรื่องภาษาญี่ปุ่น   เรื่อง  อาหารที่ชอบ

โดยสืบเนื่องจากคาบที่แล้วครูให้นักเรียนช่วยกันระดมสมองว่า  พฤติกรรมแบบใหนที่คู่สนทนาเราไม่ชอบ  คำพูดที่ไม่ควรใช้ในบทสนทนาเป็นอย่างไร  คู่สนทนาที่ดีควรใช้คำพูดแบบไหน  จากนั้นก็เขียนใส่กระดาษแผ่นใหญ่ติดไว้หน้าห้อง

เริ่มเรียนโดย 

1 . ทวนของเดิมจากที่เขียนไว้ในกระดาษ 

2. จากนั้นให้นักเรียนฟังบทสนทนา  ของคนคู่หนึ่ง  เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องอาหารที่ชอบ  พอฟังจบ  ให้นักเรียนจดสิ่งที่ได้ฟังมา  แนวการถาม  แนวการตอบ  ครูถามนักเรียน 2-3 คน  ว่าเป็นอย่างไร น้ำเสียง  บทสนทนา  คำพูดที่ใช้ มีจุดดี  จุดด้อยตรงไหน  ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็น 

3. ให้นักเรียนจับคู่ฝึกพูดบทสนทนา เรื่องอาหารที่ชอบ

4. เรียกนักเรียน 2 คู่สนทนาให้เพื่อนฟัง

5. เรียกนักเรียน 2-3 คน ถามว่าเพื่อนพูดเป็นอย่างไร  ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็น  บอกจุดี  จุดด้อยของเพื่อน ซึ่งนักเรียนบางคนก็บอกว่าบทสนทนาไม่เร้าใจ  ควรทำให้น่าสนใจเพิ่มขึ้น  ก็เสนอความคิดเห็นต่าง ๆ  จากนั้นครูถามเพิ่มว่า  ควรเสริมอะไรเข้าไปในบทสนทนาเพื่อให้สมบูรณ์  ฟังความคิดเห็นของนักเรียนหลาย ๆ คน

6. ครูเขียนลำดับการสนทนา  คำพูดที่ควรเพื่อให้สามารถสนทนาลงลึกเข้าไปเช่น  ทำไมจึงชอบ  คำถามย้ำ จากสิ่งที่ได้ยิน  สรุปจุดดี  จุดเด่นที่นักเรียนเสนอความคิดเห็น  พร้อมทั้งอธิบายเพิ่มเติม

7.ให้นักเรียนจับคู่ฝึกพูดบทสนทนา เรื่องอาหารที่ชอบอีกครั้ง

8. เรียกนักเรียน 2 คู่สนทนา  คู่เดิม  ให้เพื่อนฟัง

9.  ให้นักเรียนเปรียบเทียบจครั้งแรกที่สนทนา  กับครั้งหลังว่าเป็นอย่างไร  ต่างกันตรงไหน  มีการพัฒนาขึนอย่างไร

10. ให้นักเรียนจดสิ่งที่นักเรียนเรียนมา ลงสมุด  เป็นบันทึกของตนเอง  สรุปด้วยตนเอง 

11. สุ่มเรียกนักเรียนอ่านสิ่งที่นักเรียนได้จากการเรียนในห้องนี้ให้เพื่อนฟัง

12. ครูสรุปอีกครั้ง

ตัวครูผู้สอนจะมีใบเรียกชื่อนักเรียนในมือ  พยายามถามนักเรียนเท่า ๆ กัน  นักเรียนทุกคนเทือ่โดนถามจะรู้สึกเป็นปกติ  เพราะว่าทุกคาบก็จะถูกถามเช่นกัน  กรให้นักเรียนวิจารณ์เพื่อน ก็จะเป็นการฝึกความคดของนักเรียนอย่างง่ายโดยที่นักเรียนไม่รู้ตัว  ทุกวิชาจะมีลักษณะเช่นนี้เสมอ  จะต้องถกถามตลอด

เป็นอย่างไรบ้างคะ  ไม่ยากเลย  เห็นแล้วรูสึกว่าเป็นการสอนการคิดที่แฝงไปกับบทเรียนได้อย่างง่ายๆ  ลองไปทำดูนะคะ  แล้วจะได้รู้ว่านักเรียนเราก็มีมุมมองที่น่าสนใจอยู่นะคะ

 

หมายเลขบันทึก: 192454เขียนเมื่อ 6 กรกฎาคม 2008 10:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 15:32 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

สวัสดีเจ้าค่ะ

น้องจิแวะมาเยี่ยมเยียน สบายดีไหมเจ้าค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ --->น้องจิ ^_^

สวัสดีค่ะหนูมะขาม

ตามมาดูว่าเป็นอย่างไรบ้างคะ เป็นห่วงค่ะที่ถามไปคราวที่แล้วไม่แน่ใจว่าทำได้หรือเปล่า เพราะไม่เห็นทำเลยค่ะ ลองตามดู เวลาตอนพี่คลิกที่ภาพแล้วดึงมา ตอนที่ค้างอยู่ยังมีเครื่องห้ามอยู่ แต่พอผ่านช่องข้อความที่จะตอบ..ก็จะวางภาพลงได้ไม่มีเครื่องหมายค่ะ แต่สำึคัญต้องดูตรงเหนือช่องข้อความ ให้เปลี่ยนเป็นคำว่า ไม่ใช้งานตัวจัีดการข้อความก่อนที่จะคลิกดึงภาพค่ะ แต่ถ้ายุ่งยากมากก็เขียนชื่อคนที่เราอยากคุยด้วยแล้วตอบคอมเม้นท์เลยก็ได้ค่ะ คนอื่นก็ทำกันเยอะค่ะ เลือกตามวิธีที่คิดว่าสะดวกนะคะ เอาใจช่วยค่ะ

พี่อุ๊ชอบเวลาที่หนูมะขามเล่า คือเล่าได้น่าติดตามและเรื่องมีประโยชน์ค่ะ เลยขอติดตามดูนะคะ แล้วจะกลับเมืองไทยเมื่อไหร่คะ..

Pเย่ ๆ ทำได้แล้ว  ขอบคุณพี่อุ๊มากค่ะ  ปีหน้าเดือนมีนาคมก็จะได้กลับบ้านแล้ว  อยากกินน้ำพริกกะปิมากๆๆ

พอดีหนูมะขามเป็นมือใหม่มากเลยคะ  ไม่เคยเขียนเรื่องหรือบทความอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย  พอเริ่มเขียนก็หนักใจ  แต่ว่าก็อยากเขียนในแนวสบาย ๆ คลายเครียดน่ะค่ะ  เล่าจากประสบการณ์ตรง  ขอบคุณมากนะคะทีชอบ

ฝึกเด็กบ้านเราให้ได้สักครึ่งหนึ่งก็ดีซินะ

จริงด้วยจ้าป้าทอง ถ้าเราทำได้สักครึ่งหนึ่งของเขา เด็กบ้าเราจะมีคุณภาพกว่านี้แน่นอน

  • มาดูวิธีการสอนแบบญี่ปุ่นค่ะ
  • ทำอย่างไรเด็กบ้านเราจะมีทักษะการคิดที่ดี เรียกว่าคิดเป็นแก้ปัญหาได้ ไม่ใช่ท่องจำมาสอบ
  • วันนี้ มีสอบนักศึกษา พบว่านักศึกษา กว่า 80 % ไม่เตรียมตัวมาก่อนเลย เฮ้อ ...พูดไม่ออกบอกไม่ถูก

โทษเด็กทั้งหมดก็ไม่ถูกหรอกนะ ผู้ใหญ่ก็มีส่วนที่ไม่เห็นแก่ส่วนรวม เด็กเป็นผลพวงของการสร้างปัญหาของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะด้านความคิดที่ยึดอัตตา..ทางการศึกษา...พูดมากไปก็เครียดเปล่า เราพยายามทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน

จริงค่ะ ถ้าเราทั้งครูปรับกระบวนกาสอน พยายามให้นักเรียนคิดเยอะ ๆ รวม ๆแล้วพยายามคนละนิด คุณภาพชีวิตก็น่าจะดีขึ้นนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท