งานของเธอ....งานของฉัน...ชีวิตของเรา...


 

งานกับชีวิตเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ได้....ทั้งสองส่วนเป็นบรรยากาศเสริมกันหากไม่เป็นจริงเช่นที่กล่าวแล้วคงไม่มีคำแซว ล้อเลียน หยอกเอินกันว่า.วันนี้หัวหน้าท่าทางทิศทางลมไม่ค่อยดี...สงสัยทะเลาะกับคนที่บ้านมา....อิ...อิ....

ดิฉันติดใจเรื่องนี้มาหลายวัน  ตั้งใจจะเขียนถึง..แต่เอ! มันจะเล่าออกมามุมไหนดี

กระแสสังคม...ทัศนคติ...กับการตัดสินใจ
สภาพครอบครัวดิฉันเอง พ่องานเยอะ แม่งานยุ่ง อยากให้ลูกเรียนเก่ง พ่อแม่มักออกนอกบ้านไปทำงานที่คั่งค้างในวันหยุด..... หาที่ดี ๆ กวดวิชาให้ลูกในวันหยุด...

จนเธอตัดพ้อ

"แม่...ลูกไม่อยากเรียนพิเศษในวันหยุด...เพราะไม่มีวันไหนที่เราได้อยู่บ้านด้วยกันเลย"

ย้อนไปในสมัยเก่าก่อน...ย้อนไปในสิ่งที่ยังชัดแจ่มอยู่ในความทรงจำ สมัยดิฉันมีสถานะเป็นลูก มองเห็นความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างงานกับชีวิต  งาน...งานคือการช่วยกันหายังชีพ ดิฉันรับรู้มาเช่นนั้น

ดิฉันมีพ่อรับราชการทหาร แม่มีอาชีพค้าขายเสร็จจากราชการทหาร หลังเลิกงาน และวันหยุด เวลาทั้งหมดจะช่วยกันทำงานเลี้ยงหมู ปลูกผัก ไปตลาด เย็บผ้า (ที่บ้านเราทำงานกันตลอดเวลา) มีกิจกรรมร่วมกัน ตั้งแต่พี่คนโต จนมาถึงน้องช่วยกันทำงานยังชีพแตกต่างกันไปตามวัย พ่อไปทำงานในวันหยุดน้อยมาก หรือหากไปก็จะติดพวกเราไปที่ทำงานด้วย

ดิฉันรับรู้ว่า "บ้าน"  "งาน" "ครอบครัว" แทบจะเป็นอันเดียวกันสนิทใกล้กันอย่างมาก


ในปัจจุบัน "งาน" มีความหมายเปลี่ยนไป บางคนมีเงินยังชีพได้โดยไม่ต้องทำงาน หลายคนทำงานแต่ไม่ได้เพื่อยังชีพ  

ไม่ไกลเลย....คือบ้านของดิฉันเอง เราทำงานคนละเรื่องกัน เธอมีงานของเธอ ฉันมีงานของฉัน วันหยุดไหนที่เธอต้องไปทำงาน ฉันเลี้ยงลูก วันหยุดไหนที่ฉันมีงานเธอเลี้ยงลูก วันหยุดไหนที่เรามีงานกันทั้งสองคน ลูกอยู่กับแม่ซึ่งได้รับการยอมรับว่าจัดการงานเลี้ยงลูกได้ดีกว่า ทำไปเลี้ยงไป....

ทุกวันนี้ ดูเหมือนงานดิฉันจะพรากความเป็นครอบครัวไปสู่สิ่งใหม่ ด้วยความขลังขององค์กรที่ดูเหมือนเป็นสภาพแวดล้อมที่ห่างเหินกับชีวิตส่วนที่เหลือของดิฉัน ทำให้ดิฉันไม่ค่อยกล้าพาลูกไปที่ทำงานเพราะลูกดิฉันเข้าข่ายซนวายร้าย จะไปก็ต้องแอบพาไปในวันหยุด...ที่ไม่มีใครอยู่ หรือนายไม่อยู่
ไม่เช่นนั้น จะเรียกว่า..มิสามารถจัดสรรชีวิตได้

ยังไงงานก็แยกจากชีวิตไม่ได้... งานพัฒนาความคิดทัศนคติมุมมองเราในขณะเดียวกันคุณภาพงานก็สะท้อนจากคุณภาพชีวิตของเรา บรรยากาศความคิดสร้างสรร จินตนาการ เกิดได้ในสภาพจิตใจที่เหมาะสม หมายถึงทั้งที่ทำงานและที่บ้านมีบรรยากาศเอื้อให้ทำงาน

ลูกสาวดิฉันส่งสัญญาณให้ดิฉันคิดหนัก ...ทิ้งประเด็นให้ ดิฉันคิดต่อ...


กระแสสังคม...ทัศนคติ...กับการตัดสินใจ  

"ยกเลิกการเรียนกวดวิชาของลูกทั้งหมด"

"ลาออกจากงาน เลี้ยงลูก"

"คุยกันให้เข้าใจกับที่ทำงาน....ว่าฉันมีลูกเล็กที่ต้องฟูมฟัก..."

"ยกเลิกการมีสามี...หรือภรรยาที่มีงานยุ่ง"

งานของเธอ....งานของฉัน...ชีวิตของเรา...

 

 

หมายเลขบันทึก: 191204เขียนเมื่อ 29 มิถุนายน 2008 15:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ผมอาจจะมีชีวิตที่ไม่ต่างกัน
ค้นหาสมดุลในเรื่องเหล่านี้ไม่ค่อยเจอ
แต่เพราะการงานคือชีวิต
และคนรอบกายก้เข้าใจในวิถีเช่นนี้
...

แวะมาขอบคุณพี่จิ๊บ.

ผ้าป่าหนังสือสำเร็จลุล่วง...

ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะครับ

สวัสดีค่ะ

ก่อนอื่น ขอบอกว่า ปัญหาของเรา ไม่ใช่ัปัญหาของคนอื่น ดังนั้น การที่เราจะให้คนอื่นมาเข้าใจและยอมรับในปัญหาของเรานั้น คงยาก คงทำได้เีพีัยงรับฟัง

และไม่สนับสนุนให้ทำในทุกข้อที่เขียนมาข้างต้น

หากวันใดลูกเกิดคิดหาทางออกของปัญหา โดยการบอกว่า "งั้นลูกขอแก้ัปัญหาโดยการลาออกจากการเป็นลูกของแม่ จะทำอย่างไร"

โดยส่วนตัวครอบครัวดิฉัน ก็ไม่ต่างกับครอบครัวของคุณเมตตา แต่จะคุยกับลูกทุกครั้งว่า "เมื่อไหร่ลูกรู้สึกเหนื่อย และไม่ไหวแล้วกับการเรียนพิิเศษ ให้บอกแม่ทันทีนะ แม่จะไม่บังคับ"

เห็นด้วยกับที่คุณแผ่นดินพูด นั่นคือ ทำให้คนรอบข้างเข้าใจในวิถีชีวิตของเรา ซึ่งคนรอบข้างที่เราจะคุยได้ดีที่สุด คือ คนข้างกายเรานั่นเอง

ไม่ถือเป็นการชี้แนะนะคะ เพียงแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท