ผู้วิจัย นายกมล ตงศิริ
ส.ม.1 มมส สาขาพฤติกรรมศาสตร์และการส่งเสริมสุขภาพ
บทคัดย่อ
เอดส์เป็นปัญหาสาธารณสุขที่มีความสำคัญในลำดับต้นทั่วโลกปัจจุบันเป็นที่ยอม
รับกันแล้วว่า
โรคเอดส์เป็นภัยอย่างร้ายแรงและแพร่ระบาดไปอย่างรวดเร็วในทุกภูมิภาคทั่วโลก
และจังหวัดสกลนครเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีปัญหาของโรคเอดส์เช่นกัน
ทำให้เกิดนโยบายและการประสานงานระดมทรัพยากรจากทุกส่วน ทั้งภาครัฐ
เอกชนและชุมชนในหลายๆพื้นที่ในลักษณะสังคมประชารัฐ (civil society)
ที่ก่อให้เกิดความร่วมมือทุกหน่วยงาน
เป็นการปรับกระบวนทัศน์วิธีการคิดแก้ปัญหาแบบองค์รวม
และเน้นการสร้างเสริมความเข้มแข็งขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi-experimental
research)
มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของกระบวนการสร้างพลังตามทฤษฎีการสร้าง
พลังอำนาจร่วมกับกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม
การร่วมกิจกรรมและกลวิธีทางสุขศึกษาในการดำเนินงานป้องกันและควบคุมโรคเอดส์
ของจังหวัดสกลนคร กลุ่มตัวอย่าง คือ
สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ที่มีอัตราป่วยด้วยโรคเอดส์สูงของ
จังหวัดสกลนคร ซึ่งกลุ่มทดลอง ได้แก่
สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลปลาโหล จำนวน 32 คน กลุ่มเปรียบเทียบ
ได้แก่ สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลคำบ่อ จำนวน 36 คน
จัดโปรแกรมในการวิจัย 4 สัปดาห์
ซึ่งกิจกรรมที่ดำเนินการจะเน้นการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
การเรียนรู้จากประสบการณ์ซึ่งกันและกัน
เก็บข้อมูลด้วยแบบสัมภาษณ์ที่ผู้วิจัยปรับปรุงและพัฒนาขึ้น
นำข้อมูลก่อนและหลังการทดลองมาวิเคราะห์และทดสอบทางสถิติด้วยสถิติ
Paired-sample t-test และ Independent t-test
ผลการวิจัย พบว่า ภายหลังการทดลอง
สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลที่เข้าร่วมโปรแกรมสุขศึกษามีการเปลี่ยนแปลง
ด้านความรู้เรื่องโรคเอดส์
ทำให้กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มมากกว่าก่อนทดลองและมากกว่ากลุ่มเปรียบ
เทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<.001)
ในด้านการรับรู้ความรุนแรงของโรคเอดส์
ด้านการรับรู้โอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์
ด้านการรับรู้บทบาทหน้าที่ในการดำเนินงานป้องกันและควบคุมเอดส์
ด้านทัศนคติต่ดเอดส์ ผู้ป่วยเอดส์และผู้ติดเชื้อเอดส์
ด้านความคาดหวังในความสามารถของตนเอง
และด้านการนับถือและเห็นคุณค่าตนเอง
โดยสรุป
การใช้กระบวนการสร้างพลังในการพัฒนาศักยภาพของสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล
ในกรดำเนินงานป้องกันและควบคุมโรคเอดส์ในชุมชน
ที่ประยุกต์ทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจร่วมกับกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมมา
เป็นแนวทางในการจัดกิจรรมนั้น มีประสิทธิผล
ทำให้สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล
มีศักยภาพในการดำเนินงานด้านโรคเอดส์เพิ่มขึ้น
เพื่อสามารถรองรับสภาพปัญหาผู้ติดเชื้อเอดส์ที่มีเพิ่มมากขึ้นในชุมชนและสอด
คล้องกับนโยบายการพัฒนาระบบสุขภาพในอนาคต
อีกทั้งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในกิจกรรมการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม
การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคอื่นๆได้อีก
ความมุ่งหมายของการวิจัย
1.
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจากกระบวนการสร้างพลังในด้านความรู้เกี่ยวกับเอดส์
2.
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลที่เกิดขึ้นจากกระบวนการสร้างพลังในด้านทัศนคติต่อผู้ติดเชื้อเอดส์
3.
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลที่เกิดขึ้นจากกระบวนการสร้างพลังในด้านการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรคเอดส์
4.
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลที่เกิดขึ้นจากกระบวนการสร้างพลังในด้านการรับรู้ปัญหาโรคเอดส์
5.
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลที่เกิดขึ้นจากกระบวน
การสร้างพลังในด้านการรับรู้บทบาทหน้าที่ในการควบคุมป้องกันโรค
การส่งเสริมสุขภาพ
6.
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลที่เกิดขึ้นจากกระบวน
การสร้างพลังในด้านการนับถือตนเองความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง
และความสามารถในการดำเนินงานด้านโรคเอดส์