นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ในเดือน พ.ค. นี้ กระทรวงการคลัง จะประเมินภาวะเศรษฐกิจใหม่อีกครั้ง หลังจากที่สถานการณ์ต่าง ๆ เปลี่ยนไปโดยเฉพาะปัจจัยด้านการเมือง ซึ่งแม้จะยังไม่ส่งผลกระทบในทันทีแต่เชื่อว่าภายในเดือน มี.ค.นี้ จะสะท้อนให้เห็นจากตัวเลขดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการลงทุน ซึ่งขณะนี้ สศค. ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระดับที่ 5% เพราะมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ตามที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่หากการเมืองยืดเยื้อเศรษฐกิจจะขยายตัวเพียง 4.5% หากจบลงด้วยดีจะขยายตัวในระดับ 5.5% อย่างไรก็ตาม ในปี 49 นี้ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตตามเป้าหมายได้ต้องขึ้นอยู่กับการส่งออกเป็นหลัก เพราะดัชนีการลงทุนของภาคเอกชนเริ่มชะลอตัวลง เนื่องจากสินค้าวัตถุดิบ และสินค้าทุนมีการนำเข้าลดลงในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา สำหรับเศรษฐกิจในเดือน ก.พ.นี้ เชื่อว่ายังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยดุลการค้าจะขาดดุลประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากมีการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าการนำเข้าขยายตัวประมาณ 13.1% ขณะที่มูลค่าการส่งออกขยายตัวประมาณ 12% และการคาดการณ์ครั้งนี้ ยังคงเชื่อว่าภาครัฐสามารถบริหารจัดการสินค้านำเข้าสำคัญ 3 ประเภทได้ตามที่กำหนดไว้ คือ มีการนำเข้าน้ำมันดิบไม่เกิน 8.5 แสนล้านบาร์เรล นำเข้าเหล็กไม่เกิน 1.1 ล้านตัน และนำเข้าทองคำไม่เกิน 12 ตัน แต่ดุลการค้าอาจลดลงต่ำกว่าที่คาดการณ์ได้เช่นกันหากรัฐบริหารจัดการการนำเข้าสินค้าทั้ง 3 ประเภทได้ต่ำกว่าเป้าหมายเช่นเดียวกับเดือน ม.ค. 49
เดลินิวส์ 14 มีนาคม 2549
ไม่มีความเห็น