ชีวิตต้องสู้ ของครูจน ๆ


ครูจนๆอย่างผมมันต้องเจียมตัว .เขาเป็นคู่สร้างคู่สมที่ผมไม่คิดเป็นอื่น ไม่สวยแต่ดีสำหรับผม ..ช่วงเวลาสร้างตัว ปี ๒๕๒๔-๒๕๓๘ สี่ปีเต็มที่สู้ชีวิต มีความสุขกับรายได้ที่มี และครอบครัวที่เป็นอย่ ..."" นี่ครูกับเมียมาแล้ว...เรียกไอ้พวกในบ้านมาซื้อ...ครูแกจะได้กลับ...." เสียงท่านหม่อม หรือคุณหญิง ร้องเรียกคนใช้ในบ้านมาซื้อของเป็นประจำ บางวันท่านสั่งให้เอาผักสดจากบ้านนอกอยุธยามาขาย (ผมก็ไปเก็บกลางนาโดยเฉพาะ ผักบ้ง ผักกะเฉด ผักเปาะแปะ ตำลึง ของพวกนี้ไม่ต้องลงทุน หาเวลาไปเก็บเท่านั้นก็ได้กำไร ๕๐-๑๐๐ แล้ว)". " " เราทำมาหากิน ดีกว่าไปบากหน้าขอยืมเขามากิน พี่จะไม่ขอใครกิน ยืมเขาให้ก็ต้องเอาไปคืน..พี่ต้องไม่มีเรื่องกับใครอีกแล้ว.. เราต้องอย่ได้ด้วยตัวเราเอง ใครช่วย ใครเมตตาจำบุญคุณท่านไว้ แล้วต้องไปทดแทนบุญคุณ ๑๔ ปีเต็มที่รู้ทาสแท้ของความจน ความอด ความหิว และสายตาของคนที่มองเราอย่างแตกต่าง บ้างพูดเยาะเย้อถากถางเพราะเห็นว่าจน บ้างพูดส่งขวัญให้กำลังใจ...."

ชีวิตต้องสู้  ของครูจนๆ

ครูจนๆอย่างผมมันต้องเจียมตัว  ทุกวันเสาร์-อาทิตย์  ตีสองครึ่ง ต้องตื่น ทิ่งลูกไว้ตามลำพังบ้าง ให้น้องและคนข้างบ้านมาช่วยดูแลบ้าง... เดินออกไปซื้อของขายตั้งแต่มืดสองหาบกับเมียสุดที่รัก  (เขาเป็นคู่สร้างคู่สมที่ผมไม่คิดเป็นอื่น  ไม่สวยแต่ดีสำหรับผม)  ....  ถึงแม้เธอจะมีความรู้เพียง ป.๗ แต่ความรับผิดชอบ การดูแลลูก สามี และความอดทน มีสูงกว่าคนจบปริญญา... ผมจึงอยู่กับเธอได้..และเต็มใจที่จะต้องร่วมสร้างชีวิตที่ดีร่มกัน

          เราซื้อผักสด ...  ข้าวหมาก.... เห็ดฟาง.... ข้าวหลาม.... ผักผลไม้ที่พอจะหาได้ตามฤดูการ  เพื่อไปขายให้แม่บ้านในกรุงเทพฯ แถวสามเสน  ลงทุนวันละ ๔๐๐-๗๐๐ ต่อหาบ ทุกวันเราต้องมีทุนไว้ไม่ต่ำกว่า ๑,๕๐๐ บาท  ถ้าขายหมด ก็ได้กำไร ๒๐๐-๔๐๐ บาท  หักค่าอาหาร  หักใช้หนี้สร้างตัวเหลือเก็บวันละ ๑๐๐ บาท นั่นคือช่วงเวลาสร้างตัว ปี ๒๕๒๔-๒๕๓๘  สี่ปีเต็มที่สู้ชีวิต  มีความสุขกับรายได้ที่มี และครอบครัวที่เป็นอย่  ห่วงมากคือลูกสาวคนแรก ไม่เคยให้ความสุขกับลูกเต็มที่   ลูกเปิ้ลต้องอด ๆ หยาก ๆ อยู่ตามลำพังยามที่ผมและเมียออกไปหากินในวันเสาร์-อาทิตย์  คืนใดที่ลูกเปิ้ลตืนมาพร้อมก็จำต้องอ้มใส่หาบพาออกไปขายของแล้วเลยไปถึงสามเสนด้วย  บางวันก็อ้มไป  หาบไป  บางวันก็เอาใส่กระจาด หาบกะเตงๆๆไป    ....  

          ตีห้า  นั่งรถไฟภาชี-กรุงเทพฯ ลงสถานีรถไฟสามเสน  วางของขายหน้าสถานีรถไฟ(ได้การอุปการะจากท่านเผอิญ  ศรีภูธร อดีต สส.อยุธยาให้วางหาบขายหน้าบ้าน)   จนถึง สามโมงเช้า ผมกับเมียสุดที่รักเดินตามกันไปคนละหาบ  เข้าซอยเล็ก-ซอยน้อย ไปโผล่สี่แยกราชวัตร    เดินทะลุออกไปถนนสุโขทัย... ยอนกลับมาขึ้นแฟรตตำรวจทั้ง ๕ ชั้น ๒ แฟรต.. เดินอ้อมต่อไปหลังโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย  เลยเข้าไปขายในซอยวรารักษ์ จนคนทั้งซอยรู้จักและเปิดประตูรับ  ในซอยนั้นมีคุณหญิง.. ท่านหม่อม...และคหบดีหลายท่านที่ให้ความอนุเคราะห์  แม้ว่าป่านนี้ท่านจะละสังขารไปหมดแล้ว ก็ไม่เคยลึมความเมตตาที่ทุกท่านมีให้โดยเฉพาะคุณยายขาว  คุณปู่แวว   คุณครูมณฑา  ท่านหม่อม.ฯ..  คุณหญิง ฯ... และอีกหลาย ๆ ท่าน

         "  นี่ครูกับเมียมาแล้ว...เรียกไอ้พวกในบ้านมาซื้อ...ครูแกจะได้กลับ...." เสียงท่านหม่อม หรือคุณหญิง ร้องเรียกคนใช้ในบ้านมาซื้อของเป็นประจำ   บางวันท่านสั่งให้เอาผักสดจากบ้านนอกอยุธยามาขาย (ผมก็ไปเก็บกลางนาโดยเฉพาะ ผักบ้ง  ผักกะเฉด ผักเปาะแปะ  ตำลึง ของพวกนี้ไม่ต้องลงทุน  หาเวลาไปเก็บเท่านั้นก็ได้กำไร ๕๐-๑๐๐ แล้ว)

           โชคดีของผมที่ทำอะไรก็ได้รับความเมตตาจากหลายๆ ท่าน เดินไปจนถึง  สี่ย่าน  ซอยเขาดิน  แล้วเลี่ยวขวาหันหน้ากลับ  เดินลัดเลาะ เข้าตรอกซอกซอย  กลับมาจนถึงสถานีรถไฟสามเสน  มารอรถไฟ บ่ายสองโมง  เวลานั่งรถไฟไปและกลับเป็นเวลาหลับพักผ่อนของเรา 

          กลับถึงภาชี สี่โมงครึ่ง  รีบไปซื้อเผือก มัน ต้มไว้ขาย  ไปเก็บผักกระถิน ผักเปาะแปะ และผักบุ้งกลางนา  มาจัดเป็นกำ  ๆ  ช่วงนั้นมีอยู่สามชีวิต  ลูกเปิ้ลไม่เคยได้ของเล่นอะไรเลยจากพ่อ-แม่ เพราะเงินที่ได้เรามีพอกินไปวัน ๆ 

          บ้านที่มีอยู่  ได้จากเงินกู้สหกรณ์ครูมาซื้อที่ดินผ่อนส่งไว้ ๒ งาน(สามหมื่นบาท เมื่อปี ๒๕๒๔)  ขุดบ่อเล็ก ๆไว้พอเอาดินมาพูลปลูกบ้านเพิงหมาแหงนพอหลบฝนทนหนาว โชคดีที่บริเวณบ้านมีสภาพแวดล้อมที่ดีแม้จะไกลคน แต่ทุกคนที่รู้จักก็เมตตา

          " เราทำมาหากิน  ดีกว่าไปบากหน้าขอยืมเขามากิน  พี่จะไม่ขอใครกิน  ยืมเขาให้ก็ต้องเอาไปคืน..พี่ต้องไม่มีเรื่องกับใครอีกแล้ว.. เราต้องอย่ได้ด้วยตัวเราเอง   ใครช่วย  ใครเมตตาจำบุญคุณท่านไว้  แล้วต้องไปทดแทนบุญคุณ  ๑๔ ปีเต็มที่รู้ทาสแท้ของความจน  ความอด  ความหิว และสายตาของคนที่มองเราอย่างแตกต่าง  บ้างพูดเยาะเย้อถากถางเพราะเห็นว่าจน   บ้างพูดส่งขวัญให้กำลังใจ...."

            วันนั้น  ถึงวันนี้  ผมได้ดีเพราะไม่ทิ้งหนังสือ  อ่านทุกเล่ม   เรียนร้เมื่อมีโอกาส  คบทุกคนแต่เลือกไปกับคนบางนที่ดีที่สุด  สวดมนต์ภาวนา  และกราบไหว้พ่อ-แม่-ผู้มีพระคุณ   จึงทำให้ผมมีวันนี้

            วันนี้ผมและครอบครัว พร้อมจะช่วยคนอื่น  ๆ ด้วยโครงการพัฒนาชีวิตครูโดยความอนุเคราะห์จากธนาคารออมสิน  แต่คุณต้องอย่ในกรอบของวินัยทางการเงิน...

หมายเลขบันทึก: 190136เขียนเมื่อ 24 มิถุนายน 2008 21:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน 2012 15:16 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • ตามมาชื่นชมท่าน ศน
  • กว่าจะมีวันนี้ได้ไม่ธรรมดาเลยนะครับ
  • ขอบคุณครับ
  • ผมแอบอ่านมวยไทยบ่อยๆๆ
  • อิอิๆๆ
  • บางที อาจเคยพบกันก็ได้
  • ฮ่าๆๆ

ขอบคุณครับท่าน ขจิต ฝอยทอง

ในยามนั้นไม่กล้าที่จะปรึกษาพึ่งพาใคร

แต่บัดนี้สามารถนำมาเล่าส่กันฟังได้อย่างภาคภูมิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท