สวัสดีครับ
เล่าเรื่องเมืองหงสา บันทึกนี้ลัดคิวการนำเสนอของบันทึกอื่นๆ เพราะเป็นปรากฏการณ์ที่อยากนำมาเล่าสู่ แลกเปลี่ยนครับ
หมู่นี้ไปเยี่ยมพี่น้องชาวเกษตรกรในเมืองหงสาไม่ว่าจะเป็นซอกไหนมุมใด ก็ได้ยินเสียงบ่นเรื่องพืชผลถูกทำลายด้วยเจ้า “หนูขี” ในบางพื้นที่หน่วยงานกสิกรรมต้องจัดหาเมล็ดพันธุ์พืชทดแทนอย่างเร่งด่วน เพื่อไปแจกจ่ายให้พี่น้องปลูกใหม่ แต่ก็ยังหวั่นกันว่าเจ้าหนูขีจะมากินอีกรอบหรือไม่
“หนูขี” ฟังดูชื่อก็น่ารัก ได้เห็นตัวแล้วยิ่งน่ารัก ตัวเล็กๆขนสีน้ำตาลนุ่มๆ ขนท้องสีขาว ดูไปดูมาเหมือนตัวบ่างผสมตัวกระรอก หากแต่ไม่มี(ปีก)เหมือนบ่าง และไม่มีพวงหางสวยเหมือนกระรอก ที่หงสานี่ไม่เห็นพี่น้องนิยมกินกันสักเท่าไหร่ นี่ถ้าหากพี่น้องชาวโซ่ดงหลวงของผมมาเห็นละก็ รับรองไม่มีกองทัพหนูขีได้มาทำลายพืชผลแน่ๆ พี่น้องชาวโซ่ดงหลวงเรียกหนูว่า “กะไน” ส่วนชาวไทลาวเรียกว่า “หนูหวาย” นำมาแกงมีรสออกขมๆนิดหน่อยอร่อยลิ้น เคยเห็นพี่น้องไทบรูดงหลวงไปใส่ “ลวง”ได้มาทีละสี่ห้าสิบตัว เอามากินอิ่มแล้วที่เหลือก็ให้แม่บ้านนำไป “แลกข้าว”
แต่ก็ไม่ยืนยันความถูกต้องครับว่า “หนูขี” นี่คือ หนูหวาย (noisy rat) บ้านเรา เพราะเห็นว่ามีหนูอีกสองชนิดที่หน้าตาคล้ายกันคือ หนูขนเสี้ยนดอย (chestnut rat) และหนูฟานเหลือง (yellow rajah rat) ต้องออกตัวไว้ก่อนกันพลาด เพราะผมก็ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในเรื่อง หนูหนู หรือน้องหนู สักเท่าไร แต่เท่าที่ถามพี่น้องที่นี่เขาว่าที่เรียก “หนูขี” เพราะว่าปีใดที่สังเกตเห็นต้นไผ่ออกดอก (ทางนี้เรียก ออกขี) ปีนั้นจะพบเห็นหนูชนิดนี้มากกว่าปกติ จึงเรียกชื่อตามนี้
เข้าเรื่องบทบาทของเจ้ากองทัพ “หนูขี” ที่สร้างกองทุกข์ให้ชาวไร่ที่หงสาครับ ปีนี้ต้นไผ่ไม่ได้ออกดอก แต่กองทัพหนูขีกลับเพิ่มกำลังพลร้อยเท่าพันทวี จากนั้นน้องหนูก็ไปหาอาหารด้วยการ ขุดกินเมล็ดข้าวไร่ ข้าวโพด ถั่วแระที่ชาวไร่เพิ่งหยอด น้องหนูได้ทดลองกินพืชพรรณที่ชาวเกษตรกรปลูกทุกช่วงระยะการเจริญเติบโต แล้วก็ชอบกินทุกๆช่วงเสียด้วย ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดที่ยังไม่งอก ที่กำลังงอก ต้นอ่อน ต้นวัยหนุ่มสาว แถมยังมีจมูกติดเรดาร์รู้ได้ว่ามีการปลูกซ่อมที่หลุมไหน แล้วตามไปจัดการเมล็ดที่เพิ่งปลูกภายในคืนเดียว ได้ร่วมประเมินกับอ้ายน้องรัฐกรห้องกสิกรรม พบว่ามีความเสียหายทั่วทุกที่ในหงสาไม่ว่าจะเป็นเขตพูดอย หรือเขตเทศบาล บางแห่งเสียหายเกือบร้อยส่วนร้อยทีเดียว บางแห่งก็เสียหายหกสิบเจ็ดสิบส่วนร้อย โชคเข้าข้างผมที่เจ้าหนูขีไม่นิยมหมากงาสวนผมจึงปลอดภัย
ลองคิดถึงผลสืบเนื่องจากการทำลายพืชผลของหนูขี ที่จะสร้างความลำบากให้พี่น้องชาวไร่เมืองหงสา
· อันดับแรกคงเป็นการขาดแคลนอาหาร พี่น้องชาวลาวเทิง ชาวลาวใหม่(ลั๊วะ) ล้วนพึ่งพิงการปลูกข้าวไร่ ไม่มีข้าวไร่ให้เก็บเกี่ยวก็ไม่มีข้าวกิน
· สร้างหนี้สินให้พี่น้องชาวไร่ข้าวโพด เพราะพี่น้องทุกคนล้วนไปซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดลูกผสมมาจากพ่อค้า(ชาวไทย) แบบ “เอามาก่อนขายแล้วหักเงิน” อันนี้ไม่เป็นไรไม่ได้ขายนี่นาเอาไว้ขายได้ปีหน้าค่อยเก็บเงินนะครับท่าน “เสี่ยทั้งหลาย” เราต้องช่วยรับความเสี่ยงกันเนาะ
· ขอบ่นแทรกบันทึก “เห็นไหมละครับท่านผู้ชม เกษตรแผนใหม่พืชพันธุ์ใหม่ก็ต้องพึ่งพาเมล็ดพันธุ์เขาต้องซื้อเขาตลอด แพงเสียด้วยกิโลกรัมละหลายสิบบาท ปลูกได้ครั้งเดียวเก็บเอาไว้ทำพันธุ์ต่อไม่ได้ ไม่เหมือนสมัยก่อนเห็นพันธุ์บ้านไหนดีก็ไปขอมาครั้งเดียว แล้วก็เก็บพันธุ์ไว้ปลูกได้เรื่อยๆ ถ้ากลับไปเป็นหนุ่มได้จะขอเรียนดอกเตอร์ทำวิทยานิพนธ์เรื่องการปรับปรุงพันธุ์พืชลูกผสมให้มันสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์เองได้ดูสักตั้ง ว่าแต่ว่าวิชาเจเนติกก็คืนครูไปหมดแล้ว”
· แต่พี่น้องหลายคนก็ไปกู้เงินธนาคารพัฒนาการเกษตรเขามาแล้วนั่นสิครับ พี่น้องบางส่วนก็ไปเอาปูนซีเมนต์ เหล็ก ตะปู เถ้าแก่มาสร้างบ้านแปงเรือนตามกระแสความนิยม “เฮือนก่อ” แล้วปลูกข้าวโพดใช้คืนนะซี จะเอาข้าวโพดที่ไหน
ผมลองวิเคราะห์สาเหตุ การแพร่ระบาดของหนูขี แล้วได้ข้อสมมุติฐานตามประสาคนปัญญาจำกัดว่าอาจเป็นเพราะ
· ในระยะสองสามปีมานี้ป่าไม้ในหงสาถูกทำลายแผ้วถางไปมาก เพื่อปลูกข้าวโพด ยางพารา ไม้กฤษณา และการสัมปทานตัดไม้ ทำให้แหล่งอาหารในธรรมชาติของเขาหมดไป จึงหันมากินพืชผลของเกษตรกร
· มีการปลูกข้าวโพดช่วงสองสามปีมานี้ ทำให้หนูคิดว่ามีแหล่งอาหารมากมายเลือกกินเท่าไรก็ไม่หมดจึงเพิ่มจำนวนประชากรขึ้นตามความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งอาหาร
· การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมินิเวศน์ ภูมิอากาศ ภาวะโรคร้อนโรคเย็นนี่จะมีส่วนร่วมเป็นสาเหตุหรือเปล่าอันนี้ฝากช่วยกันคิด
· ข้อสุดท้ายคิดแบบเข้าข้างตัวเองคือ หนูขีเขารู้ว่า อาจาน เป ลี่ ยน มาอยู่หงสา เขาเลยอพยพมาอยู่ด้วย เอ หรือว่าเขาจะมาลองวิชา
สวัสดี
สวัสดีเจ้าค่ะ ลุงเปลี่ยนจ๋า
คิดถึงงงงงงงงงง สบายดีไหมค่ะ ฝนตกหรือเปล่า รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ หลานแวะมาเยี่ยมค่ะ
เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ --->น้องจิ ^_^
สวัสดีครับพี่หมอเจ๊ น้องออต และหลานจิ
ขอบคุณสำหรับการห่วงใย และคำทักทายจากเมืองไทยครับ
ตอนนี้หงสา ฝนตกทุกวัน แต่ก็ต้องออกสนามทุกวัน
วันนี้วันอาทิตย์มานั่งเขียนรายงานที่สำนักงาน เลยได้มีโอกาสใช้เน็ตติดจ่อโลกภายนอกบ้างครับ
ถ้าฤดูหนาวหนูจะอ้วนมัน ไม่มีกลิ่นสาปมาก
เป็นโปรตีนคนยาก
ช่วยลดประชากรหนูทางอ้อม
สวัสดีครับพี่เปลี่ยน
เมื่องกลางเดือนที่ผ่านมา ผมขับรถกลับน่าน ช่วงกลางคืน พบหนูออกมาวิ่งตามข้างทางจำนวนมาก มากผิดปกติ(ซึ่งปกติจะไม่เห็นมากมายขนาดนี้) อาจเป็นเพราะว่ามีการเผาป่าและใช้ยาฆ่าหญ้ากันมากมังครับ
สวัสดีค่ะ อาวปาลี
ลืมบอกไปว่า สามปี ก็จะรอให้พ่ออาวและน้องเอื้องมาเยือนท่าบ่อ แต่ว่าๆๆๆ ไม่มี หนูๆๆๆ เด้อ
กินปิ้งหนูอร่อยไหมลุงเปลี่ยน ไม่คิดถึงเมืองขอนแจ่นเลยน่ะ ลุงนกอยู่ทางนี้สบายดีบ่อ