รู้ผิด..รู้ชอบ..รู้ชั่ว..รู้ดี" (ตอน 2)
บางคน ร่ำเรียนมาจากเมืองนอกเมืองนา กลับมาเป็นนักการเมืองในบ้านเรา แต่ทำตัวไม่เหมือนคนจบจากเมืองนอก ดันมาทำตัวเหมือนคนที่จบมาจากเมืองนา... วันๆไม่ทำอะไร….มาเดิน มะงมมะงาหรา... ให้นกเอี้ยงเกาะเขาเล่นอยู่ในสภา ...
ทำอะไรก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน มาคอยยกมือสนับสนุนไปเรื่อยๆ... พรรคบอกให้ยก ก็ยก...ใช้แต่มือไม่เคยใช้สมอง...
เกิดมาชาติหน้า ถ้ารู้ว่าจะมาเป็นนักการเมืองแบบนี้ ไม่ต้องเอาสมองมาด้วยก็ได้ … เอาแต่มือข้างขวามาอย่างเดียว ไม่รู้ชาวบ้านเลือกเข้ามาได้ยังไง อย่างนี้...ถือว่าสอบตกทุกวิชาทั้ง วิชาจริยธรรม คุณธรรม ศีลธรรม รวมทั้ง วิชาหน้าที่พลเมือง ตกครบชุด...ไม่น่าจะมายืนในสภาเล้ย….
นี่ละครับ! ท่านสมาชิกทั้งหลาย ที่เป็นปัญหา สำหรับบ้านเมืองเรา ผมได้ประชุมหารือกันแล้ว ถ้าพวกผมได้เป็นรัฐบวม พวกผมจะรื้อสูตรและระบบการเรียนการสอนใหม่ทั้งหมด
ผมจะให้มีการสะสมคะแนนตั้งแต่เด็กๆ
โดยเฉพาะตั้งแต่ระดับชั้นประถมปีที่ 1
ถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
เป็นการสะสม "ทุนศีลธรรม" และ "ทุนหน้าที่พลเมืองไทย"
ถือเป็นภาคปฎิบัติอันสำคัญ ทุกโรงเรียนต้องนำไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม
โดยให้นักเรียน ทำเป็นบันทึก ในระหว่างเรียน
เป็นการเตรียมตัวก่อนเข้ามหาวิทยาลัย
ว่าในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ แต่ละเดือน แต่ละปี
เด็กๆได้ทำคุณประโยชน์อะไร....
ให้กับโรงเรียน
ให้กับวัด
ให้กับบ้าน
ให้กับสังคม
ให้กับชุมชน
ให้กับท้องถิ่นหรือ
ให้กับประเทศที่ตนเกิดมาบ้าง
สิ่งที่เด็กๆทำถือเป็นคะแนนสะสมหลักอันสำคัญ
ที่จะทำให้เด็กๆเข้าสู่มหาลัยได้ไม่ยาก
นอกจากนั้นคะแนนสะสมอีกอันหนึ่ง ซึ่งถือเป็นคะแนนภาคปฏิบัติ
คือการรู้แจ้งเห็นจริงในการปฏิบัติทางศาสนาที่ตนนับถือ
ทั้งพุทธ ทั้งคริสต์ อิสลาม และอื่นๆ
อย่างน้อยๆอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
ในขณะที่เรียนมหาลัย ก็เช่นเดียวกัน
ต้องเคร่งครัด ในเรื่องเหล่านี้
แม้กระทั่งปีสุดท้าย ก่อนจบมาเป็นบัณฑิต, มหาบัณฑิต, ดุษฎีบัณฑิต
นักศึกษาชายต้องบวชเสียก่อน อย่างน้อยหนึ่งพรรษา ในวัดที่กระทรวงศึกษากำหนด
นักศึกษาหญิง ต้องบวชชีหรือภิกษุณี
หรือถือศีลเป็นเวลา 3 เดือน เป็นอย่างน้อย
ถึงจะมีสิทธิและศักดิ์ ในการรับปริญญาไปประกอบวิชาชีพได้อย่างสมบูรณ์
ถือเป็นภาคบังคับเหมือนเรียนวิชารักษาดินแดน(รด.) อย่างไรอย่างนั้น
ส่วนข้าราชการ ก่อนมีการเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง
ทางกระทรวง ทะบวง กรม ต่างๆ ต้องกำหนดไว้
อย่างเคร่งครัดว่า...ก่อนรับตำแหน่งใดๆ
ต้องถือศีล ปฏิบัติธรรม วิปัสสนากรรมฐาน
ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เป็นระยะเวลา 6 เดือน
มิฉะนั้นจะถือว่าขาดคุณสมบัติ
ไม่เช่นนั้นแล้ว...เวลาได้เป็นใหญ่เป็นโตไปแล้ว
อาจไปกินตามน้ำ ทวนน้ำ ใต้โต๊ะ บนโต๊ะโดยไม่ละอายต่อบาป
ฉะนั้น...ถือเป็นกฎเหล็กที่ทุกคนต้องปฏิบัติ
ถ้าหากจะไปรับตำแหน่งหน้าที่ใหญ่ขึ้น
ส่วนข้าราชการระดับ 8 ขึ้นไปทุกหน่วยงาน
รวมทั้งนักการเมือง ในระดับผู้บริหารทั้งหลาย ที่มีอำนาจหน้าที่สำคัญๆ
นอกจากจะมีคุณสมบัติครบตามที่หน่วยงานกำหนดแล้ว
ผู้จะรับตำแหน่งสำคัญๆเหล่านี้ได้
ต้องสอบผ่าน"นักธรรมเอก"ให้ได้เสียก่อน
มิฉะนั้นจะถือว่าขาดคุณสมบัติ โดยแช่เเข็งอยู่อย่างเดิม…
เพราะถ้าขาดศีลไม่มีธรรมอยู่ในสามัญสำนึก
หากได้เป็นใหญ่เป็นโต... มีอำนาจวาสนาขึ้นมา
ก็อาจใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบง่ายๆ../...
สวัสดีครับ อาจารย์
แวะมาลงชื่อบอกว่าคิดถึงครับ
หายไปนานเลยครับ
พวกนกเอี้ยงเกาะ เฉาตายแน่
ขอบพระคุณที่อาจารย์"รับผิดชอบ"ต่อการหายไปนานๆ ค่ะ
สวัสดีครับ
วันนี้ดูทีวีเห็นอาจารย์คุยเรื่องตะไคร้กำจัดงูได้ อิๆๆ
แล้วก็คิดถึงขึ้นมา พอมาเปิด g2k ก็มีบันทึกใหม่มาให้อ่านพอดี
หวังว่าสบายดีนะครับ
สวัสดีค่ะ ขอมาอ่านด้วยค่ะ ติดตามมาจากฟังอาจารย์พูด ค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์พนม
เมื่อวันก่อนเปิดบันทึก ผะหมี ของอาจารย์ ให้อาจารย์ภาษาไทยท่านหนึ่งอ่านอยู่เลยคะ คุยๆ กันว่าเดี๋ยวนี้อาจารย์ไม่ค่อยมาเขียนบันทึกเลย ..อิอิ วันนี้มาแล้วได้อ่านบันทึกของอาจารย์พอดีค่ะ
ดีจังเลยค่ะ ถ้ามีเกณฑ์แบบนี้ในสังคมเรา สังคมคงจะน่าอยู่กว่านี้นะคะ ขอเสนอค่ะอาจารย์ ครูที่จะได้รับใบประกอบวิชาชีพต้องผ่านการบวชอย่างน้อย 1 พรรษา ฮา... ดีไหมค่ะ
ขอบคุณอาจารย์ค่ะสำหรับเรื่องดีๆ
ว่าแต่ว่าเรา 2 คน จะถูกรุมมั๊ยเนี่ย!!
อันนี้ไม่แน่ใจนะคะ อิ๊อิ๊ แต่เรื่องดีๆ แบบนี้น่าจะมีคนสนับสนุนมากกว่ามารุมนะคะ
มิมพยายามเขียนบันทึกที่เกี่ยวกับคุณธรรมจริยธรรมของครูอยู่หลายบันทึกค่ะ อยากช่วยกันย้ำเตือนเพื่อจะได้ไม่หลงลืมจรรยาบรรณวิชาชีพกันไปนะคะ เพื่อสร้างสังคมที่ดี ครูควรเริ่มที่ตัวครูด้วยการเป็นแบบอย่างที่ดีก่อนแล้วค่อยนำไปสอนศิษย์ อันนี้มิมยึดถือมาตลอดค่ะ....
แล้วจะคอยติดตาม ปริศนาผะหมี ตอนต่อไปค่ะ...ขอบคุณค่ะ