จะสอนโครงงานอย่างไรให้เด็กเรียนอย่างสนุก ?


จะมีวิธีการอย่างไรให้นักเรียนสนใจอยากเรียนโครงงาน ?" สอนเด็กไป ศึกษาเด็กไปก็ได้คำตอบกับตัวเองว่า ".. ควรเริ่มต้นที่ความอยากรู้อยากเห็นของนักเรียน โดย ครูคอยกระตุ้น ยั่วยุให้เด็กอยากรู้ อยากเห็น มีข้อสังเกตอย่างหนึ่งว่า เมื่อไรที่ปล่อยให้นักเรียนคิดเองทำเอง จะทำให้นักเรียนไม่เห็นแนวทางที่จะพบกับคำตอบ หรือความสำเร็จของชิ้นงานนั้นๆ

จะสอนโครงงานอย่างไรให้เด็กเรียนอย่างสนุก ?

ไปพบครูถามคำถามนี้ ก็เลยลองเข้าไปร่วมกับครูลองแก้ปัญหาดู   แล้วถามตัวเองว่า " จะมีวิธีการอย่างไรให้นักเรียนสนใจอยากเรียนโครงงาน ?" สอนเด็กไป ศึกษาเด็กไปก็ได้คำตอบกับตัวเองว่า ".. ควรเริ่มต้นที่ความอยากรู้อยากเห็นของนักเรียน โดย ครูคอยกระตุ้น ยั่วยุให้เด็กอยากรู้ อยากเห็น   มีข้อสังเกตอย่างหนึ่งว่า เมื่อไรที่ปล่อยให้นักเรียนคิดเองทำเอง   จะทำให้นักเรียนไม่เห็นแนวทางที่จะพบกับคำตอบ หรือความสำเร็จของชิ้นงานนั้นๆ  ผลสุดท้ายเด็กๆก็จะเกิดความเบื่อหน่าย  ดังนั้น  ครูที่ปรึกษา  คือผ้มีบทบาทสำคัญที่สุด ควรนำตัวอย่างโครงงานที่ทำแล้วประสบความสำเร็จให้ดูหลาย ๆ โครงงาน และ พาไปศึกษานอกสถานศึกษาเพื่อกระตุ้นให้นักเรียนได้คิดและเกิดความสนใจที่จะทำ  โดยได้พบกับความสำเร็จในปัญหาที่ตนเองอยากรู้ก่อน แล้วจึงค่อย ๆ ปรับเข้าส่รูปแบบกฏเกณฑ์การเขียนรายงานและสอนเทคนิกการนำเสนอ  ธรรมชาติของเด็กคือต้องการอิสระและความสำเร็จ  ดังนั้นสิ่งที่ยั่วยุท้าทายให้ทำโครงงาน  ก็ควรเริ่มจากง่าย ๆ ใกล้ตัวก่อน แล้วจึงพัฒนาไปสู่การเรียนร้ที่ไกลตัวและที่ยากขึ้น ๆ

หมายเลขบันทึก: 186629เขียนเมื่อ 6 มิถุนายน 2008 23:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2012 23:28 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ครูกระตุ้นโดยให้นักเรียนเขกหัวกันเอง จนกว่าจะตอบคำถามได้ และเขกไปเรื่อยๆจนกว่าจะคิดหัวข้อที่จะทำโครงงานได้ แบบนี้ใช้ได้ไหมคะ แบบว่าลูกชายโดนแบบนี้คะ โครงงานวิทยาศาสตร์ กลับบ้านหัวบวมเลย

  • ในการสอนโดยใช้กิจกรรมโครงงาน ควรระวังในเรื่อง

 -Structured-ครูกำหนดแนวทางอย่างละเอียด จนเด็กไม่มีโอกาสสร้างสรรค์

-ควร Semi-Structured  กำหนดกรอบบ้าง พอที่จะไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง เหมาะสมสำหรับเด็กที่มีความสามารถในระดับ "เก่งปานกลาง"

-ควร Unstructure- ไม่กำหนดแนวทางหรือกรอบ(อาจมีกติกาเล็กน้อย) ให้เด็ก คิด ออกแบบ หรือดำเนินการตามที่ตนสนใจ เหมาะสำหรับ "เด็กเก่ง"...

  • ในกรณีที่ อาจารย์ Nongyao เล่า ข้างต้น...แหม ครูเรา ใช้เทคนิคการสอนแบบแปลก ๆ  "เขกหัวกันเอง หรือแลกเปลี่ยนกันเขกหัว"...ไม่แน่ใจว่าจะเป็นเทคนิคการสอนของประเทศไหน ไปดูงานที่ไหนมา  ถ้าเอามาใช้ในมหาวิทยาลัย "เขกหัว จนหัวขาด" ก็คงจะยังไม่ได้หัวข้อวิทยานิพนธ์อยู่ดี...เฮ้อ

ขอบพระคุณท่าน ดร.สุพัฒตร์

การกำหนดกรอบ กติกา เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องสร้างปลูกฝังให้เด็กรู้และทำตาม แต่สิ่งสำคัญ เทคนิคการสอนและทัศนคติของครู ผ้บริหารโรงเรียนต้องสามารถดูแล กำกับและป้องปรามพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของครูให้ได้ ครูยุคปฏิรูปจึงควรปรับตัวในเรื่องการเปิดใจกว้าง พัฒนาวิธีการใช้คำถามเชิงสร้างสรรค์ เทคนิคการสร้างขวัญกำลังใจ และต้องไม่เอาอารมณ์ตนเป็นใหญ่ ถ้าผมเป็นอาจารย์ Nongyao ครูคนนี้ต้องขอดูตัว

มีตัวตนจริงๆนะคะครูคนนี้ เป็นครู คศ3 กำลังทำ คศ.4 แต่ท่านผอ.ท่านกรุณาตักเตือนให้แล้ว ท่านบอกอย่าใช้วิธีการแบบนี้เลย ท่านไม่อยากลงหน้า 1 โรงเรียนใหญ่นะคะ

เวรกรรมมีจริง ครูYAO ผมเห็นมาหลายคนแล้ว วิ่งเต้นจนลึมเด็ก ลึมหน้าที่ที่พระองค์ท่านมอบให้พร้อมเงินเดือน สุดท้ายเป็นอัมพฤก นอนดูเงินเดือน ลูกหลานก็ยื้อแย่ง เงินหลวงเหมาะสำหรับคนมีบุญที่ร้คุณแผ่นดินบั้นปลายชีวิตจะเป็นครูของแผ่นดินที่ศิษย์กราบไหว้บูชา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท