วันสิ่งแวดล้อมโลก : 5 มิถุนายน ของทุกปี
คุณธรรมต่างๆนั้น ที่เราอาจจะนำมาเป็นข้อคิดเตือนใจนั้น ซึ่งได้นำเสนอไว้หลายแนวดังนี้
คุณธรรมหลัก 4 ประการ ตามแนวคิดของ อาริสโดเติล มีความหมายดังนี้
1. ความรอบคอบ หมายถึง การเล็งเห็นหรือหยั่งรู้ได้ง่าย และชัดเจนว่าอะไรควรประพฤติ อะไรไม่ควรประพฤติ
2. ความกล้าหาญ หมายถึง การกล้าเสี่ยงต่อการเข้าใจผิด กล้าเผชิญต่อการใส่ร้ายและการเยาะเย้ย เมื่อมั่นใจว่าตนกระทำความดี
3. การรู้จักประมาณ หมายถึง การรู้จักควบคุมความต้องการและการกระทำต่างๆให้อยู่ในขอบเขตอันควรแก่สถานภาพและฐานะของบุคคล ไม่ให้เกินความจำเป็นตามธรรมชาติ ไม่ให้ก้าวก่ายสิทธิอันชอบธรรมของผู้อื่น
4. ความยุติธรรม หมายถึง การให้แก่ทุกคนและแต่ละคนตามความเหมาะสม ซึ่งจะต้องระลึกว่าเรามีกำลังให้เท่าใด ควรให้แก่ใครเท่าใดและอย่างไร อาจกล่าวได้ว่าความยุติธรรมเป็นแก่นของคุณธรรมอื่นๆ หลายประการ ซึ่งคุณธรรมอื่นนั้นๆเป็นเพียงแง่ต่างๆของความยุติธรรมนั่นเองผู้มีความยุติธรรมสูงย่อมเพียบพร้อมด้วยคุณธรรมต่างๆมากมาย
คุณธรรม 8 ประการ คือ
1. เป็นผู้มีศรัทธา (ความเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ)
2. เป็นผู้มีศีล(การประพฤติดี ประพฤติชอบ ไม่ประพฤติชั่ว)
3. เป็นผู้มีการศึกษาอบรมดี
4. เป็นผู้มีการสละให้ปัน
5. เป็นผู้มีความเพียร
6. เป็นผู้มีสติ(ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี)
7. เป็นผู้มีสมาธิ(ความมีจิตใจตั้งมั่น ไม่วอกแวก)
8. เป็นผู้มีปัญญา
กัลยาณมิตรธรรม ซึ่งมี 3 หมวด ได้แก่ สังคหวัตถุ 4 ฆราวาสธรรม4 และ สัปปุริสธรรม 7
สังคหวัตถุ 4 ( คุณธรรมอันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวใจผู้อื่น) ได้แก่
1. ทาน คือ การสละให้ปันสิ่งของของตนแก่คนที่ควรให้ปัน
2. ปิยวาจา คือ การพูดจาอ่อนหวาน
3. อัตถจริยา คือ การทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
4. สมานัตตตา คือ ความเป็นคนมีตนเสมอ วางตัวเหมาะสมเสมอต้นเสมอปลายไม่ถือตัว
ฆราวาสธรรม 4 (คุณธรรมสำหรับผู้ที่ไม่ใช่นักบวช) ได้แก่
1. สัจจะ คือ ความซื่อสัตย์ต่อกัน
2. ทมะ คือ การรู้จักข่มจิตของตน เช่น ยับยั้งใจไม่ให้ทำชั่ว ไม่โกรธ เป็นต้น
3. ขันติ คือความอดกลั้น เช่น ทนต่อความอยาก ในทางที่ไม่ดี ทนต่อความเย้ายวนเย้ยหยัน หรือการล่วงเกินของคนอื่น เป็นต้น
4. จาคะ คือ การสละให้ปันแก่คนที่ควรให้
สัปปุริสธรรม 7 ( คุณธรรมของสัตบุรุษ คือคนที่น่านับถือ) ได้แก่
1. ความเป็นผู้รู้จักเหตุผล รู้ว่าสิ่งใดเป็นเหตุแห่งสุข สิ่งใดเป็นเห็นแห่งทุกข์
2. ความเป็นผู้รู้จักผล รู้ว่าสุขเป็นผลจากเหตุนี้ ทุกข์เป็นผลจากเหตุนั้น
3. ความเป็นผู้รู้จักตน รู้ว่าตนเป็นใคร อยู่ในฐานะใด และประพฤติตนให้สมควรแก่ฐานะที่เป็นอยู่อย่างไร
4. ความรู้จักประมาณ เช่น รู้จักประมาณในการหาเลี้ยงชีพในทางที่ชอบและรู้จักประมาณในการบริโภค
5. ความรู้จักกาลเวลาอันสมควรในการประกอบกิจต่างๆ
6. ความรู้จักหมู่ชนและกิริยาที่ควรประพฤติต่อหมู่ชนนั้นๆ ว่าควรประพฤติอย่างไร
7. ความรู้จักเลือกบุคคลว่าใครเป็นคนดีควรคบ ใครเป็นคนไม่ดีไม่ควรคบ
นอกจากนั้นยังมีคุณธรรมของผู้ใหญ่เหนือผู้บริหาร คือ พรหมวิหาร 4 ได้แก่
1. เมตตา คือ ความคิดปรารถนาจะให้ผู้อื่นเป็นสุข
2. กรุณา คือความคิดปรารถนาจะให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
3. มุทิตา คือ การยินดีด้วยเมื่อผู้อื่นได้ดี
4. อุเบกขา คือการวางเฉย ไม่ดีใจ เสียใจเมื่อผู้อื่นวิบัติ
โดยแท้จริงแล้วเราทุกคนมีคุณธรรมประจำ ที่ถูกปลูกฝังและเรียนรู้มาแล้วมากมาย แต่บางครั้งเราอาจจะหลงลืมไปบ้าง ซึ่งเป็นธรรมดาของคน ขอให้เราระลึกในคุณธรรมไว้เสมอ เมื่อใดลืมพยามสงบจิตและตั้งสติให้มั่นที่จะระลึกถึงและยึดถือปฏิบัติ เพื่อตัวเรา นั่นเอง
******************
ขอบคุณค่ะที่นำเรื่องราวดีๆ มาฝาก