สรุปสาระวิชากฎหมายลักษณะนิติกรรมและสัญญา ครั้งที่ 1


ไม่ใช่ผู้รู้ แต่เป็นผู้เรียน ที่พากเพียรจะรู้ ถ้าผิดผลาดขอผู้รู้ช่วยชี้แจงด้วย

         วันนี้เป็นวันที่สองของการเรียนนิติศาสตร์  แต่เป็นวันแรกของการเรียนวิชากฎหมายลักษณะนิติกรรมและสัญญา  ซึ่งมีท่านอาจารย์ ดร.จุณวิทย์  ชลิดาพงศ์  เป็นผู้บรรยาย

                วันนี้  มาสายครับ  กว่าจะนั่งรถจากนครปฐมมาถึงธรรมศาสตร์ได้  3  ชั่วโมง  ถึงคณะนิติฯ  ตอน 1 ทุ่มพอดี   อยากเก็บเกี่ยวสาระสำคัญมาฝากเพื่อน ๆ ให้มากที่สุด  แต่ก็คงได้ไม่เท่าที่ควรน่ะครับ  เพราะดูแล้วการจะมาเรียนทันเวลาได้ทุกวันคงเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย (ทำให้เกิดความคิดว่า ให้ห้องเรียนนิติภาคบัณฑิตตอนนี้(รุ่น 51) ควรมีการเกาะกลุ่มกัน   เพื่อจะได้อิงอาศัยกันในการเรียน ช่วยกันเก็บ  จำ  ทำความเข้าใจเนื้อหาที่เรียน แบ่งปันความรู้กันตั้งแต่เริ่มต้นนี้แหล่ะ) 

                เอาล่ะครับ  มาว่าด้วยสาระสำคัญของวิชานี้  เท่าที่คิดว่าพอจะทบทวนให้ชวนระลึกได้กันน่ะครับ   ตอนต้นไม่ทราบว่าอาจารย์สอนอะไรบ้าง (เพื่อนนิติภาคบัณฑิตถ้าเข้ามาเยี่ยมเยียนกันก็ช่วยเสริมเติมด้วยน่ะครับ)  แต่เท่าที่จับประเด็นสำคัญได้ตอนที่มาทันนั้น  มีหลายเรื่องที่น่าสนใจครับ  ตอนต้นท่านอาจารย์ก็จะปูพื้นความรู้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับนิติกรรมก่อน จากนั้นก็ว่าด้วยเรื่องนิติกรรมโดยเฉพาะ ในที่นี้จะขอสรุปมาเชิงถามตอบน่ะครับ  เช่น

                นิติเหตุคืออะไร?  ตอบ  นิติเหตุ  คือ เหตุที่ก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวในทางกฎหมาย (กฎหมายกำหนดให้มีผลทางกฎหมาย)   มี  2  ลักษณะ คือ  1)  เกิดโดยธรรมชาติ    เช่น  เวลาล่วงเลยไปทำให้บุคคลอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์  กลายเป็นผู้บรรลุนิติภาวะทางกฎหมาย   2) เกิดโดยการกระทำของบุคคล   ถ้าตั้งใจให้เกิดผลในทางกฎหมาย (นิติกรรม)  และไม่ตั้งใจให้เกิดผลทางกฎหมายแต่ผลทางกฎหมายก็เกิด เช่น ละเมิด, จัดการนอกสั่ง,ลาภมิควรได้)

                กฎหมายเอกชน กับ กฎหมายมหาชนต่างกันอย่างไร ?  ตอบ  กฎหมายเอกชนเป็นเรื่องระหว่างเอกชนกับเอกชนซึ่งมีฐานะเสมอกัน  ส่วนกฎหมายมหาชนเป็นเรื่องระหว่างรัฐกับเอกชน  ซึ่งรัฐมีอำนาจเหนือกว่าเอกชน (เช่น  การเวนคืนที่ดิน)   แต่อำนาจนั้นต้องเป็นไปตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้  ตามหลักการที่ว่า ไม่มีกฎหมาย ไม่มีอำนาจ  และการที่รัฐจะทำการใด ๆ นั้น  ต้องคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะเป็นหลัก

                ข้อสังเกต 

                - เรื่องระหว่างรัฐกับเอกชนใช่ว่าจะเป็นเรื่องกฎหมายมหาชนเสมอไป  เช่น  กระทรวง ก. ต้องการซื้อเครื่องเขียนไปใช้ในสำนักงาน จึงติดต่อซื้อกับบริษัท ข.  การติดต่อซื้อขายนี้ ไม่ใช่การใช้อำนาจรัฐในทางนิติสัมพันธ์กับเอกชนตามกฎหมายมหาชน

                -ในทางกฎหมายมหาชนนั้น กฎหมายจะต้องเขียนไว้ถึงจะมีอำนาจทำได้  แต่กฎหมายเอกชนถ้ากฎหมายไม่ห้ามไว้  อาจทำได้  แต่ก็มี กรอบ ไม่ใช่มีอิสระที่จะทำทุกเรื่อง  คำว่า กรอบ  หมายถึง  กฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน  นั่นเอง  

                -  อะไรคือ กฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ? อันนี้หลักสำคัญต้องดูที่เจตนารมณ์ของกฎหมายแต่ละเรื่องไป   ถ้าขัดก็ทำไม่ได้  เช่น  ในทางกฎหมายเอกชน  การตกลงที่ต่างจากกฎหมายกำหนดเรื่องดอกเบี้ย   นาย ก.กู้ยืมเงิน นาย ข.  โดยตกลงกันว่าจะต้องจ่ายดอกเบี้ย 20% ต่อปี  อย่างนี้ในทางกฎหมายถือว่าข้อตกลงเรื่องดอกเบี้ยเป็นโมฆะ  นาย ข.ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยและนาย ก.มีความผิดในทางอาญาด้วย    ตามพ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา

                กฎหมายใดบ้างที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ?  ตอบ 

                                * กฎหมายแพ่งและพาณิชย์บางมาตรา  เช่น 

                                - กฎหมายว่าด้วยวัตถุประสงค์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (ม. 150)  เช่น  นาย ก. จ้างนาย ข. ไปฆ่านาย ค.  ผิด ม.150

                                - กฎหมายว่าด้วยแบบของนิติกรรม (ม.152) เช่น  การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์  ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่ 

                                - กฎหมายว่าด้วยความสามารถของบุคคลในการทำนิติกรรม  (ม.153) เช่น  กรณีผู้เยาว์ทำนิติกรรมโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม คือ บิดามารดา เป็นต้น  การนั้นเป็นโมฆียะ 

                                - กฎหมายที่เกี่ยวกับการคุ้มครองความมั่นคงของสถาบันครอบครัว  เช่น กรณีจดทะเบียนสมรสซ้อน 

                                -  กฎหมายที่กำหนดไว้เพื่อคุ้มครองบุคคลภายนอก  เช่น กรณีเรื่องแบบ

                                - กฎหมายที่กำหนดไว้เพื่อคุ้มครองคู่กรณีฝ่ายที่อ่อนแอกว่าในทางเศรษฐกิจ   เช่น  การที่นายจ้างจะตกลงให้ค่าจ้างขั้นต่ำแก่ลูกจ้างต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด  ข้อตกลงนั้นเป็นโมฆะ

                                - กฎหมายเกี่ยวกับอายุความ  เช่น  อายุความการกู้ยืมเงินมีอยู่ 10 ปี ถ้าตกลงกันให้อายุความมี  20  ปี  (เป็นประโยชน์กับเจ้าหนี้) ข้อตกลงนี้เป็นโมฆะ

                                * กฎหมายอาญา

                                * กฎหมายวิธีพิจาณาความ

                                * กฎหมายมหาชน

ข้อสังเกต 

                -  กรณีที่ทำต่างจากที่กฎหมายกำหนด  ซึ่งไม่ขัดกับ กรอบ  สามารถทำได้  เช่น  ม.457  (ตัวบท) ค่าฤาชาธรรมเนียมทำสัญญาซื้อขายนั้น  ผู้ซื้อผู้ขายพึงออกใช้เท่ากันทั้งสองฝ่าย     กรณีนี้ถ้าหากมีการตกลงกันให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจ่ายก็ได้   แต่ที่กฎหมายบัญญัติไว้ก็เพื่อป้องกันในกรณีที่ต่างฝ่ายต่างไม่ตกลงที่จะจ่าย  หรือ ม.458 (ตัวบท) กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ขายนั้น  ย่อมโอนไปยังผู้ซื้อตั้งแต่ขณะเมื่อได้ทำสัญญาซื้อขายกัน   แต่ถ้าตกลงกันต่างจากนี้  เช่น  การซื้อขายรถ  ถ้าตกลงกันว่าอีก 5 วันจะมีการส่งมอบให้  ให้ผู้ซื้อชำระราคาในวันที่ส่งมอบและให้กรรมสิทธิ์โอนในวันที่ชำระราคานั้น  ตกลงกันอย่างนี้ ได้  เพราะ ม.458  ไม่ใช่กฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

                * นิติกรรม  หมายถึงอะไร?   ตอบ   ตาม ป.พ.พ.มาตรา 149  ความว่า  นิติกรรม  หมายความว่า การใด ๆ อันทำลงโดยชอบด้วยกฎหมายและด้วยสมัครใจ  มุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล เพื่อจะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ  

                ประเด็นนี้ท่านอาจารย์ได้แยกองค์ประกอบของนิติกรรมเป็น 6 ประการ ได้แก่

                1)  เป็นการแสดงเจตนา    

                คำว่า การ ซึ่งเป็นคำแรกในตัวบทนี่แหล่ะมุ่งหมายถึง การแสดงเจตนาออกมา   อะไรจึงเรียกว่าเป็นการแสดงเจตนา ?  ก็คือ การคิดตัดสินใจและทำในสิ่งที่คิดตัดสินใจนั้น  โดยรู้สำนึกในสิ่งที่ตนทำนั่นเอง  

ทั้งนี้  การกระทำบางอย่างอาจจะไม่ใช่การแสดงเจตนาก็ได้  เช่น  คนละเมอแล้วมาเซ็นต์สัญญา(ความจริงอาจไม่มี แต่ยกตัวอย่างที่เห็นภาพง่ายๆ ) หรือการที่ถูกบุคคลอื่นใช้กำลังกายบังคับ (บังคับทางกายภาพ) โดยไม่อาจขัดขืนได้  เช่น ถูกจับพิมพ์ลายนิ้วมือทำพินัยกรรม  อันนี้ก็ไม่ใช่การแสดงเจตนาเพราะผู้ทำไม่ได้ทำการโดยคิดตัดสินใจเอง

                แต่กรณีตัวอย่าง เช่น นายเอ  ใช้มีดจี้ข่มขู่ให้นายบีเซ็นต์สัญญา  กรณีนี้เมื่อนายบีเซ็นต์ จัดเป็นการแสดงเจตนา  แต่จะมีผลอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง (ผลคือ  การแสดงเจตนานั้นเป็นโมฆียะ  ตาม ม.164  การแสดงเจตนาเพราะถูกข่มขู่ เป็นโมฆียะ)

                วิธีการแสดงเจตนาทำได้อย่างไรบ้าง ?   ตอบ  วิธีการแสดงเจตนาสามารถทำได้  3  ลักษณะ  คือ  1) การแสดงเจตนาโดยชัดแจ้ง  เช่น  พูด  เขียนหรือแสดงกริยา  เช่น  พยักหน้า    2) การแสดงเจตนาโดยปริยาย  (อันนี้ต้องตีความจึงเข้าใจเจตนา)  เช่น  ผู้ให้กู้ฉีกสัญญากู้  อาจเป็นการแสดงเจตนาโดยปริยายที่จะปลดหนี้ให้แก่ลูกหนี้   3) การนิ่ง  โดยทั่วไปไม่ถือว่าเป็นการแสดงเจตนา  ยกเว้นแต่กรณีที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติหรือปกติประเพณีที่เข้าใจกันและที่กฎหมายบัญญัติไว้  เช่น  เมื่อสิ้นกำหนดเวลาเช่า  แต่ผู้เช่ายังครองทรัพย์สินที่เช่าอยู่  ผู้ให้เช่าก็เฉยอยู่ทั้งที่รู้ว่าสิ้นกำหนดเวลาแล้ว  แต่มิได้ดำเนินการใด ๆ  อันนี้ทำให้เป็นการที่คู่สัญญาได้ทำสัญญาใหม่โดยไม่มีกำหนดเวลา (ตาม ม.570)

                ข้อสังเกต 

                ถ้าไม่มีการแสดงเจตนา  ก็จะไม่มีนิติกรรม

                2)  เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย

                คำว่า ชอบด้วยกฎหมาย นั้น ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีกฎหมายรองรับทุกกรณีไป  แต่ต้องไม่ขัดกับ กรอบ หลักความสงบเรียบร้อยฯ   เช่น  กรอบตาม ม.150 , 152  เป็นต้น

                ข้อสังเกต 

                แม้การกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย   กฎหมายก็ยอมให้เกิดนิติกรรม  แต่เป็นนิติกรรมที่ไม่สมบูรณ์ 

                3)  ทำโดยสมัครใจ   คือ เป็นการตัดสินใจทำเอง

                4)  ต้องการก่อให้เกิดผลผูกพันในทางกฎหมาย

                การกระทำตามารยาทในทางสังคมหรือในทางอัธยาศัยไมตรีหรือการพูดล้อเล่น ไม่เป็นการมุ่งต่อผลในทางกฎหมาย  เช่น  นาย ก.บอกนาย ข.ว่าจะไปส่ง ข.ที่บ้าน  แต่ต่อมา  นาย ค.มาชวน ก.ไปดูหนัง  นาย ก.จึงบอกนาย ข.ว่า ไม่สามารถไปส่งได้  (นาย ข.จะเอาผิดนาย ก.ในทางกฎหมายมิได้)  อันนี้ไม่ใช่นิติกรรม แต่เป็นอัธยาศัยไมตรี

                ข้อสังเกต

                ถ้าทำสิ่งใดโดยไม่มุ่งผลทางกฎหมาย นิติกรรมไม่เกิด   เพราะฉะนั้นโดยภาพรวมอาจจะกล่าวได้ว่า  นิติกรรมจะเกิดไม่ได้  เพราะ 1) ไม่มีการแสดงเจตนา  และ/หรือ 2) ขาดการมุ่งผลทางกฎหมาย  (แต่บางกรณีอาจมีข้อยกเว้น  แม้จะอ้างว่าไม่มีเจตนาที่แท้จริง  ก็เกิดนิติกรรม  เช่น  นาย ก.ส่งหนังสือให้นาย ข. แล้วบอกว่า ให้คุณ  แต่ต่อมา นาย ก.ขอหนังสือคืน  และบอกนาย ข.ว่า  ที่ทำไปเพราะประชด นาย ค. ที่จริงไม่ได้เจตนาจะให้  เหตุดังนี้  จะอ้างว่าไม่มีเจตนา  นิติกรรมไม่เกิดไม่ได้  เพราะตามมาตรา 154  บัญญัติว่า การแสดงเจตนาใดแม้ในใจจริงผู้แสดงเจตนาจะมิได้เจตนาให้ตนต้องผูกพันตามที่ได้แสดงออกมาก็ตาม หาเป็นมูลเหตุให้การแสดงเจตนานั้นเป็นโมฆะไม่ เว้นแต่คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รู้ถึงเจตนาอันซ่อนอยู่ในใจของผู้แสดงนั้น  เพราะฉะนั้น กรณีข้างต้นนี้  ถือว่าเกิดนิติกรรมแล้ว  เพราะ  ข.ก็ไม่รู้ความรู้สึกนึกคิดในใจของ ก.เลยว่าทำไปเพราะประชด ค.

                5)  เป็นผลผูกพันระหว่างบุคคล

                ตรงนี้อย่าหลงประเด็นว่าการทำนิติกรรมต้องทำหลายคนเท่านั้นน่ะ  นิติกรรมฝ่ายเดียวก็มี  คำว่า ผูกพันระหว่างบุคคล นั้น หมายถึง มีผลถึงบุคคลอื่น ๆ ด้วย  เช่น  การทำพินัยกรรม  มีผลถึงลูกหลานที่จะรับมรดก เป็นต้น 

                6)  ผลนั้นคือความเคลื่อนไหวในทางสิทธิ

                ความเคลื่อนไหวในทางสิทธิที่ว่าก็คือ ก่อให้เกิด    เปลี่ยนแปลง โอน  สงวน และระงับสิทธิ

 

นิติกรรม จึงเป็นเครื่องมือที่กฎหมายมอบให้แก่เอกชนไว้สร้างหรือก่อความผูกพันซึ่งกันและกัน   ซึ่งอาจจำแนกออกเป็นกลุ่มตามความสัมพันธ์กับบุคคลได้  3  กลุ่ม  คือ

                1)  นิติกรรมฝ่ายเดียว   เช่น  พินัยกรรม  การบอกล้างโมฆียกรรม

                2)  นิติกรรมสองฝ่าย  ได้แก่  สัญญาต่าง ๆ   เช่น  สัญญาซื้อขาย  สัญญาเช่าทรัพย์สิน

                3)  นิติกรรมหลายฝ่าย  เช่น  การจัดตั้งห้างหุ้นส่วน  บริษัท 

 

ข้อมูลสำหรับอ่านเพิ่มเติม

 

http://e-learning.mfu.ac.th/mflu/1602203/main.htm

 

http://regelearning.payap.ac.th/docu/la102/acro/1.pdf

 

หมายเลขบันทึก: 186104เขียนเมื่อ 4 มิถุนายน 2008 12:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 20:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เก่งจังค่ะ

ไปนั่งเรียนด้วย จดไม่ได้อย่างนี้เลย

เก็บหมดแบบนี้ มีสิทธิ์รอดแล้วค่ะ เทอมนี้

มีชีทวิชานิติกรรมที่อาจารย์ผศ.ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ

ทำสรุปไว้ไปโหลดมาอ่านกันได้ค่ะ

http://law.tu.ac.th/outline/default.html

หรือจะขอถ่ายเอกสารก็ได้นะคะ

นั่งอยู่แถวๆหน้าห้องค่ะ

อาจารย์เขียนดีนะคะ มีตัวอย่างด้วย

สุดยอดเลยครับ ผมเรียนอยู่กลุ่ม1 ต่อไปคงต้องฝากผีฝากไข้ไว้ด้วยคนนะครับ ไม่เคยเรียนกฎหมายมาก่อน ยากจิงๆอ่ะ ขอบคุณมากนะครับสำหรับข้อมูลจากทุกๆท่าน รู้สึกดีใจจังที่มีเพื่อนร่วมชั้นเรียนน่ารักๆแบบนี้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท