แปลกดีครับ เป็นอีกบรรยากาศหนึ่ง ซึ่งควรจะมีขึ้นและออกมาจากใจจริง มันจะทำให้ได้อะไรอีกเยอะ เพื่อนำไปวิเคราะห์และแก้ไขต่อไป
นี้เป็นครั้งแรกที่ผมมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรม AAR
ผมไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมแบบนี้ และไม่เคยทราบเลยว่า คำว่า
" AAR " นะจริง ๆ แล้วมีความหมายว่ายังไงเห็นเปิดอ่านบล๊อค
บ่อยมากที่เจอคำนี้ ก็สงสัยมาตลอดเลยครับ
แต่มาถึงวันสุดท้ายของงานประชุม
เดินเข้าไปในห้องประชุมเห็นเขาจัดเก้าอี้ล้อมวงไว้
ยังคุยเล่นกับอาจารย์บ้างท่านเลยว่าสงใสจะเล่นเก้าอีดนตรี
หรือเปินให้ทำ SWOT ของแต่ละโครงงการ แต่สุดท้ายแล้วไม่ใช่
แต่ก็ดครับดีมากๆ หากสิ่งที่พูดออกมานั้นสามารถนำมากลั่นกรอง
และผ่านกระบวนการวิเคระห์ เอาสิ่งที่ไม่ดีมาปรับปรุง
เอาสิ่งที่มดีมาเป็นกำลังใจ นั้นแสดงไว้เราได้ประโยชน์จากตรงนั้นจริง
แต่คงหน้าจะเสียได้มากหากว่า สิ่งที่ทุก ๆ
ท่านแสดงออกมานั้นมันไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์ ต่อไป
ผมคงสรุปสั้น ๆ ว่าได้อะไร จากการจัดงานครั้งนี้
-
ความคาดหวังก่อนไปงาน
-
-
หวังว่าคงมีการแสดงความคิดเห็นของนักวิจัยในโครงงารต่าง ๆ
อย่างหลากหลายเหมือนการระดมสมอง
-
คงมีการจัดทำคู่มือ และช่องทางการของทุนเพราะเข้าใจว่า
นักวิจัยหลาย ๆ ท่านยังไม่ทราบว่า มีแหล่งทุนอะไรบ้าง
และมีเมื่อไหร่
-
จำนวนผู้เข้างานเนืองจากที่ทางผู้จัดประเมินไว้ 100 คน
-
สิ่งที่ได้ตำกว่าความคาดหวัง
-
-
จำนวนผู้เข้าประชุมตำกว่าที่ประเมินมาก
ผมสรุปประเด็นที่คนเข้าฟังน้อยดังนี้
ตามความเข้าใจผมและจากประสบการณ์ในการจัดประชุมระดับประเทศมาสองสามครั้ง
-
-
การประชาสัมพันธ์ น้อยและช้า
แต่ตรงช้านะผมเข้าใจว่าเป็นกระบวนการทำงานของแต่ละคณะ
ซึ่งครั้งก่อนผมเคยสอบถามไปที่งานของภาคว่าเนื่องจากต้นเรื่องบางเรื่องของผมใช้เวลาเดินทางจากตึกมิ่งขวัญมาที่ภาค
6 วัน ครับเหมือนผมส่งจดหมายไปต่างประเทศเลย
-
ความไม่ชัดเจนของแบบตอบรับ
-
ความไม่เข้าใจในลักษณะงานประชุมของผู้ที่จะเข้าร่วมประชุม
(ยกตัวอย่างผมก็ไม่เข้าใจ ต้องโทรถามมีนาหลายรอบมาก
ต้องทำไงบ้าง) และเมื่อไม่เข้าใจก็ไม่ถาม ไม่พยายามที่จะเข้าใจ
อันนี้คงโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้
แต่คงเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องปรับปรุง
การจัดงานพยายามอย่าให้มีจุดไหนที่กลุ่มลูกค้าหรือเป้าหมายคิดเอง
เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเขาจะไม่คิดและเราจะเสียกลุ่มนั้นไป
-
ช่วงเวลาของการจัดประชุม
เป็นช่วงที่อาจารย์ทุกท่านต้องตรวจข้อสอบ โครงงานต่าง ๆ
-
เอกสารประกอบ
ตามที่กล่าวไป คือสรุป ช่องทางแหล่งทุน เดียวคราวหน้า ผมช่วยสรุปแหล่งทุนสำคัญ ๆ
ไปให้ หากไม่ลืม ประเภทของทุน
หากเปรียบการวิจัยเหมือนการซื้อและขายสิ้นค้า นักวิจัยเป็นผู้ขาย
วิจัยโครงการเหมือนสินค้า ผมว่า
มน. มีนักขายเก่ง ๆ สิ้นค้าดี ๆ เยอะ ครับ
แต่นักขายเหล่านั้นอาจจะยังไม่ทราบว่าสิ้นค้านี้จะขายที่ไหน ตลาดไหน
จะซื้อสิ้นค้าประเภทนี้
-
-
แนวทางแก้ไข
ละจะทำยังไง คงต้องช่วยกันคิดหลาย ๆ ท่านครับ
แต่สำหรับผมคิดว่าควรมียกระดับหน่วยงานวิจัยให้มีหน้าที่และอำนาจมากกว่านี้
หน่วยงานหรือสำนักงานวิจัยและบริการ ยกตัวอย่างของ มจธ.
"ควรหรือไม่ควรจะไปดูงาน"
-
สำนักวิจัยและบริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
(สวท.)
จัดตั้งขึ้นตามประกาศพระราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 114 ตอนที่ 16 ก.
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกิจจานุเบกษาฉบับนี้คือ ให้สำนักวิจัยและบริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เป็นหน่วยงานที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ เพื่อเป็นแหล่งดำเนินการวิจัย
การพัฒนาและการวิศวกรรม ถ่ายทอดเทคโนโลยีสหวิทยบริการ
เพื่อสนองนโยบายด้านการพัฒนาการศึกษาวิทยาศาสตร์และเน้นนโยบายการพึ่งพาตนเอง
สร้างขีดความสามารถของภาครัฐและเอกชน
ในการพัฒนาวิชาการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่างๆ
-
ผู้ที่ดูแลหรือผู้บริหารระดับองค์กร
คณะภาค ควรจะไป แต่นี้ไม่มี เมื่อต้นไผ่ไม่ไป มีแต่ใบกับกิ่งก้านไผ่ไป
มันคงต้องใช้เวลานะครับที่จะให้ไผ่ต้นนั้น (ใผ่แห่งการวิจัย)
จะลู่ลมไปในแนวทางเดียวกันแนวทางแห่งการวิจัย
-
สิ่งที่ได้เกินความคาดหวัง
-
-
ความรู้สึก ในแง่ของความเป็นกันเอง ดีมากๆๆ
-
แนวคิดในการเขียนโครงการชุด เมื่อก่อนผมคิดเสมอว่าไปแล้วได้อะไร
โครงการเราก็เขียนมาเยอะได้มากก็มาก
แต่หลังจากที่ได้รับฟังอาจารย์พีรเดช แล้ว
ย้อนกลับไปมองงานที่เราเขียนหากกลับเอามาเขียนใหม่คิดว่าคงเขียนได้ดีกว่านั้น
ดีครับย่อมรับ
หากบางครั้งเราคิดว่าของเราดีโดยที่ไม่ยอมรับอย่างอื่น
-
รู้จักนักวิจัยเพิ่มมากขึ้น แต่หากมีโอกาส
ขอให้นักวิจัยแต่ละท่านแนะนำตัว กันด้วยระหว่างท่านอาหารหรือในห้อง
หรือควรมีป้ายชื่อ แต่การแนะนำดีว่าป้ายชื่อ
-
เครื่อข่าย
-
สิ่งที่ได้โดยที่ไม่ได้หวัง
-
-
สิ่งที่อยากเห็นและอยากให้เกิด
-
-
การจัดงานลักษณะนี้ต่อไป
-
สภากาแฟ งานวิจัย อาจจะจัดสักมุมหนึ่งในอาคาร หรือห้องไหน
ไว้เจอกันสักอาทิตย์ละครั้งเป็นอบ่างน้อย ที่ห้องพักผม
ผมจะให้นักศึกษาที่ทำงงานกับผม มานั่งดืมกาแฟ
คุยกันทุกวันอย่างน้อยวันละครั้ง มันได้อะไรมากกว่าการดืมกาแฟ
-
หน่วยงานที่ดูแลวิจัยและส่งเสริมการวิจัย
-
มหาลัยแห่งการวิจัยจริง ๆ ในอนาคตอันใกล้นี้
นั้นคือความรู้สึกจริง ๆ และคิดว่าหลาย ๆ ท่านคงรู้สึกเหมือนกัน
เจอกันอีกครั้ง