อานันท์ ชี้ หายนะสังคม&การเมืองไทย


สังคมไทยตอนนี้ มันจึงน่าเบื่อมาก เพราะไม่ได้ทำอะไร คนไทยก็คงจะห่อเหี่ยวลงเรื่อยๆ

สัมภาษณ์พิเศษ "อานันท์ ปันยารชุน""
By nongnart

อานันท์ ชี้ หายนะสังคม&การเมืองไทย เหตุขาดข้อเท็จจริงไร้สติปัญญาแก้ปัญหา

"   "ถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญแล้วจะส่งผลให้การบริหารราชการแผ่นดิน ทำไม่ได้หรือไม่ อย่างไร ต้องตอบให้ได้ และต้องตอบให้ได้ด้วยว่าต้องรีบแก้เพราะอะไร"  
 
เมื่อค่ำวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี และนายกกรรมการธนาคารไทยพาณิชย์  ให้สัมภาษณ์ หลังร่วมงานประกาศผลและมอบรางวัล Bai PHo Business Awards by Sasin ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาดน้อย

อดีตนายกรัฐมนตรี เริ่มต้นให้สัมภาษณ์ถึงบรรยากาศการเมืองไทยที่กำลังตึงเครียดในขณะนี้ ว่า สังคมไทยถึงจุดแบ่งขั้วกันชัดเจนมากขึ้น แต่ละขั้วมีจุดยืนที่เข้มข้น หนักแน่น โอกาสแตกหักจึงมีมากขึ้นตามไปด้วย 
 สังคมและการเมืองบ้านเรายามนี้จึงควรเร่งหาทางออกที่เหมาะสม จะมาเอาชนะโดยให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้ 100% คงยาก  และสังคมก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นด้วย ถ้าถึงขั้นแตกหักประวัติศาสตร์เคยบันทึกไว้แล้วว่าจะเกิดอุบัติเหตุโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งหากไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุก็ต้องลดอคติ มีสติ และอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและเหตุผล

นายอานันท์มองว่า วันนี้สังคม การเมืองไทย ขาดข้อเท็จจริง สังคมเราจึงต้องหาทางให้ข้อเท็จจริงออกมาสู่สาธารณะ เพราะหากยังหาข้อเท็จจริงไม่ได้  วิกฤติการเมืองก็จะบานปลายออกไปจนไร้ทางออก 

 "ถ้าสังคมมีแต่โกหก มีวาระซ่อนเร้น ไม่พูดความจริง ยิ่งทั้ง 2 ขั้วมองกันคนละเรื่อง ก็ยิ่งหาข้อเท็จจริงและคำตอบเพื่อเป็นทางออกยาก โอกาสเกิดความรุนแรงถึงขั้นแตกหักจะมีมากขึ้น สถานการณ์ตอนนี้จึงอยู่ในขั้นน่าเป็นห่วง"  

นายอานันท์ย้อนอดีต ว่า เราปฏิเสธข้อเท็จจริงมาตลอด ทั้งยังไม่ยอมขวนขวายหาความจริง หนทางที่จะนำไปสู่ข้อเท็จจริงก็ลำบาก ยกตัวอย่างเรื่องปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยืดเยื้อยาวนาน จนกระทั่งวันนี้ยังแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะว่าเราปฏิเสธความจริงมาช้านาน
 "ผมเองไม่อยากเห็นสังคมไทยถึงทางตัน ซึ่งทางออกก็มีอยู่ หากใช้หลักพุทธศาสนา นั่นคือทางสายกลาง คนไทยจะต้องช่วยกันหาทางออก ต้องถามตัวเองว่าต้องการทางออกอย่างไร ที่ไม่ใช้ความรุนแรง อย่าง  2 ฝ่ายที่แบ่งขั้วกันอยู่ขณะนี้ ไม่มีใครถูกและผิดทั้งหมด ตรงนี้จึงต้องมาดูที่ต้นตอของปัญหาอยู่ที่ไหน วิเคราะห์แล้วหาคำตอบ อะไรคือต้นเหตุของปัญหาก็ต้องปลดล็อกตรงนั้น"

อย่างไรก็ตาม เมื่อบรรยากาศตึงเครียดอย่างเช่นขณะนี้ ก็มักจะมองหาคนกลางมาช่วยหาทางออก แต่คนกลางที่เป็นอิสระยามนี้ก็หายากลำบากขึ้นทุกขณะ     อดีตนายกฯ มองประเด็นนี้ว่า "คนกลางเกิดขึ้นโดยธรรมชาติไม่ได้ และคนกลางอยู่ระหว่าง 2 ฝ่าย ฝ่ายความจริง กับความไม่จริง ไม่ได้ แต่คนคนนั้นจะต้องรู้ว่าความจริงอยู่ที่ไหน และระหว่างธรรมะ กับอธรรม ไม่มีความเป็นกลาง 

นอกจากนี้ คนที่จะไกล่เกลี่ยก็ควรต้องเข้าใจความนึกคิดของ 2 ฝ่าย แต่หาก 2 ฝ่ายไม่พร้อมจะเคลียร์ เมืองไทยก็อยู่ไปแบบนี้ สังคมไทยตอนนี้ มันจึงน่าเบื่อมาก เพราะไม่ได้ทำอะไร คนไทยก็คงจะห่อเหี่ยวลงเรื่อยๆ
 "เมื่อเป็นอย่างนี้ ผมคิดว่าในที่สุดควรเลิกคิดว่าจะมีคนมาช่วยแก้ปัญหาให้เรา คนไทยเองต้องช่วยกันแก้ปัญหา"

อย่างไรก็ตาม ทางออกของความขัดแย้งรุนแรง บางฝ่ายมักคิดถึงวิธีการปฏิวัติรัฐประหาร เรื่องนี้ อดีตนายกรัฐมนตรีมองว่า ทหารคงไม่ปฏิวัติ เพราะการรัฐประหารล่าสุด ได้พิสูจน์แล้วว่าปฏิวัติเสร็จแล้ว ไม่รู้จะทำอะไรต่อ ขณะที่ประชาชนเองได้รับบทเรียนจากการปฏิวัติมาแล้ว คงไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีก

อดีตนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง และไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ เพราะหากเป็นเช่นนี้เท่ากับว่า สังคมไม่ได้ให้ความสำคัญกับข้อเท็จจริง จึงใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสิน ซึ่งแน่นอนว่าจะนำไปสู่การพลาดพลั้งที่หาทางออกยากขึ้นไปอีก

การเมืองไทยที่ควรจะหาทางออกในสภาตามระบอบประชาธิปไตย แต่เวลานี้ ทำไม่ได้ เมื่อกลไกระบอบประชาธิปไตยในสภา ทำงานไม่ได้ กลไกการเมืองนอกสภาก็เกิดขึ้น

 ในต่างประเทศ การเดินขบวนโดยไม่ติดอาวุธ สามารถทำได้เต็มที่ แต่วันนี้บ้านเรา ถ้ารัฐบาลมองว่าการเดินขบวนทำไม่ได้ ก็เกิดการปาก้อนหิน เกิดการก่อกวนผู้ชุมนุม มันก็ลำบาก  หากเคารพกติกาที่ตกลงกันไว้ในรัฐธรรมนูญ ต้องให้ชุมนุมได้โดยสันติ

ถ้ามีการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงในการชุมนุม ไม่ว่าจะจากฝ่ายใดก็ตาม รัฐบาลต้องมีความเป็นธรรมในการจัดการปัญหา ขณะที่ฝ่ายผู้ชุมนุมเองก็ต้องรักษากติกาการชุมนุมด้วย

นายอานันท์มองว่า ประชาธิปไตยในโลกใบนี้ ไม่ได้มาโดยไม่มีการสูญเสีย เพราะไม่มีของฟรีในโลก ประชาชนจึงต้องมีจิตสำนึก คุ้มครองประชาธิปไตยที่ได้มาอย่างยากลำบาก ซึ่งระยะยาวก็ต้องให้ความรู้เกี่ยวกับประชาธิปไตยกับสังคมต่อไป

เมื่อกล่าวถึงประชาธิปไตย อดีตนายกรัฐมนตรีได้ยกเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ ว่า ฝ่ายที่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญปี 2550 จะต้องบอกสังคมให้เข้าใจได้ว่า แก้เพราะเหตุใด ถ้ามีรัฐธรรมนูญ 2550แล้ว ส่งผลให้การบริหารราชการแผ่นดิน ทำไม่ได้หรือไม่ ต้องตอบให้ได้  ถ้าตอบไม่ได้ว่าทำไมต้องแก้รัฐธรรมนูญ ก็ไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไร แล้วที่ต้องเร่งรีบแก้ตอนนี้เพราะเหตุใด ขอคำตอบได้ไหม

อย่างไรก็ตาม นายอานันท์ ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2540 กล่าวว่า รัฐธรรมนูญเมื่อประกาศใช้มาระยะหนึ่งหากเห็นว่ามีช่องโหว่ก็สามารถแก้ได้ เช่น กรณีรัฐธรรมนูญปี 2540 ยอมรับกันอย่างแพร่หลายว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดฉบับหนึ่ง  แต่ยังมีข้อบกพร่องบ้าง ซึ่งหากมีฉบับปี 2550 มาเพิ่มมูลค่าก็ดี

อย่างไรก็ตามรัฐธรรมนูญฉบับไหนจะดีหรือเลว มีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไรนั้น ขึ้นกับทั้งตัวเนื้อหารัฐธรรมนูญและผู้ใช้รัฐธรรมนูญด้วยเช่นกัน

หมายเลขบันทึก: 185439เขียนเมื่อ 31 พฤษภาคม 2008 13:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:18 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท