โลกเราเหมือนกำลังวิ่งเข้าสู่จุดแตกดับ จากสถานการณ์ทุกด้าน ภัยพิบัติ สังคม การเมือง ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดจากจิตใจและการกระทำของมนุษย์ หรือเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติจนก่อเกิดวิกฤติ ที่นำความหายนะมาสู่โลก เมื่อมองถึงเหตุปัจจัยที่นำมาจนเกิดเหตุการณ์ที่นำภัยพิบัติจนก่อเกิดความเสียหายกอย่างใหญ่หลวงนั้นน่าจะมาจากมนุษย์นี้เองเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นต้นเหตุที่สำคัญ ก่อนนี้ป่าไม้ แม่น้ำลำธาร อากาศบริสุทธิ์ จิตใจของมนุษย์มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน อยู่กันแบบพี่แบบน้องพึ่งพาอาศัยกัน แบ่งปันคำว่า เห็นแก่ตัวแทบไม่มี ยังจำได้เมื่อเป็นเด็กหากหาปลามาได้จะนำมาแบ่งกันกินโดยแบ่งปันไปให้บ้านต่าง ๆ ไม่มีเหลือเก็บไว้ หากแต่สังคมปัจจุบันหาไม่เห็นภาพอย่างที่กล่าวมาแล้ว อาจจะกล่าวได้ว่ากาลเวลาเปลี่ยนแปลงสรรพสิ่งหรือความเป็นอนิจจัง แต่ความเป็นอนิจจังไม่ได่ก่อเกิดจากกฎแห่งไตรลักษณ์ แต่เกิดจากการทำลายล้างของน้ำมือมนุษย์ โดยอ้างการพัฒนามาบังหน้า เช่นต้องตัดถนนผ่านป่า ต้องสร้างเขื่อนใหญ่เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า เขื่อนใหญ่ที่สุดในเมืองจีนอาจคือสาเหตุของแผ่นดินไหวที่นำความหายนะครั้งใหญ่มาสู่ชาวจีนหรือไม่ ต้องส่งเสริมอุตสาหกรรมทุกด้านเพื่อความเจริญของชาติ คนที่มาบตาพุดเป็นมะเร็งมากที่สุดใน ซึ่งยังไม่มีใครหาคำตอบให้ได้ว่าความเจริญจะจบลงตรงไหนดี แต่กาลเวลาที่ผ่านมาพอจะให้บทเรียนแก่มนุษย์แล้วว่า การแสวงหาอะไรก็ความที่เอาความต้องการเป็นหลักเห็นทีจะจบไม่ลงแน่ แต่จะจบลงตรงที่นำหายนะมาสู่โลกแน่นอน มนุษย์ต้องลดความเห็นแก่ตัวให้เหลือน้อยที่สุด และหันมาทำความดี คือหยุดความเห็นแก่ตัว ด้วยการอ้างการพัฒนาที่ไร้ทิศทางเพราะขาดการศึกษาที่แท้จริงถึงผลกระทบที่ตามมา บางครั้งหาทางออกไม่เจอ อย่างไรก็ตามหากเรามาหยุดคิดหรือเพียงหยุดนิ่งแล้วหันมาทำความดีคือ เป็นผู้หยุดการทำลายโลกน่าจะเป็นทางที่จะทำให้โลกอยู่เพื่อลูกหลานของเราในอนาคต นะครับ
ขอบคุณคุณบัวปริ่มน้ำมาก ๆ ครับ ที่มาร่วมด้วยช่วยกันคิด