เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2551 ผมได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์คุณหมอสุริยเดว ทรีปาตี กุมารแพทย์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี(โรงพยาบาลเด็ก) เพื่อการประเมินแผนการเรียนรู้สู่สุขภาวะ ของ สสส. คุณหมอให้ข้อคิดหลายอย่างในเรื่องการพัฒนาเด็กและเยาวชน สิ่งหนึ่งที่คุณหมอพูดถึง คือ “เด็กแต่ละคนมีต้นทุนในชีวิตแตกต่างกัน” ถ้าเรามีเครื่องมือดี ๆ เราจะสามารถวัดได้ว่าลูกของเรา หรือคนในครอบครัวเรา มีต้นทุนในชีวิตมากน้อยเพียงใด เพียงพอที่จะคุ้มกันไม่ให้เกิดภาวะเสี่ยงในชีวิตได้หรือไม่
ต่อมา เช้าวันที่ 17 พ.ค.51 9.30 น. ได้อ่านบันทึกของ นายทอง ใน G2K เรื่อง สอนลูก...จากฉากหนึ่งในทีวี(http://gotoknow.org/blog/naitong/182918 )
จากการฟังและการอ่าน 2 เรื่อง ดังกล่าวข้างต้น แนวคิดของคุณหมอสุริยเดว และนายทอง เป็นเรื่องที่สอดคล้องกัน เป็นเรื่องของการสร้างภูมิคุ้มกันแก่เด็กไทย ในการนี้ ทำให้ผมนึกถึงงานวิจัยเรื่องหนึ่งที่ตนเองเคยทำ ในปี 2539-40 เรื่อง ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการติดยาเสพติดของเยาวชนในสถานศึกษา ในงานวิจัยเรื่องนั้น มุ่งหาตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับการติดยาเสพติดของเยาวชนในสถานศึกษา ซึ่ง ข้อค้นพบที่สำคัญ ประการหนึ่ง คือ บรรยากาศในครอบครัว และที่โรงเรียน เป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการติดยาเสพติดของเยาวชน เฉพาะบรรยากาศในครอบครัว พบว่า "การทานข้าวพร้อมกับลูก" "การดูทีวีร่วมกับลูก" "การไปเดินออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับลูก" โดย มีการพูดคุย แลกเปลี่ยน สอน หรือสอดแทรกแง่คิดต่าง ๆ เข้าสู่สมองของลูกขณะทำกิจกรรม หรือใช้สถานการณ์ในทีวี เป็นสื่อในการร่วมอภิปราย และเสนอแนวทางการแก้ปัญหาร่วมกัน ฯลฯ การกระทำเหล่านี้ช่วยเพิ่มต้นทุนชีวิตและเพิ่มภูมิคุ้มกันแก่ลูก ป้องกันการเกิดภาวะเสี่ยงในชีวิตลูก ได้เป็นอย่างดี บรรยากาศเหล่านี้ จะไม่ปรากฏในครอบครัวของเด็กที่ติดยาเสพติด แต่ปรากฏให้เห็นอย่างมากในครอบครัวเด็กดี ๆ ทั่วไป
อ่านบันทึกของ นายทอง แล้ว ก็ย้อนคิดว่า “เมื่อไหร่จะมี
คู่มือครอบครัวไทย เสียที” จะช่วยให้สามารถเพิ่มคุณพ่อ-คุณแม่ที่มีคุณภาพอย่าง นายทองให้มากขึ้นได้แน่ๆ ครับ..จะช่วยเพิ่มต้นทุนชีวิต และวัคซีนในการป้องกันเด็กและเยาวชน จะช่วยส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนไทยเติบโตอย่างมีคุณภาพและเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป
สวัสดีครับ นายทอง
เรียน นายทอง
ปัญหาครอบครอบแตกแยก หย่าร้างมีมาก เพราะมีครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย(เสียสาวเมื่ออยู่ ม.ศ.)นักเรียนต้องอาศัยอยู่กับปู่ย่าตายาย ไม่มีเวลาได้เลี้ยงดูอย่างเต็มที่ เด็กก้าวร้าว ไม่สนใจการเรียน ขาดเรียน ตอนอยู่ประถมยังไม่ค่อยเท่าไร แต่พออยู่ระดับมัธยมสิ มีปัญหามากขึ้นเป็นปัญหาสังคม ทำลายของส่วนรวม เช่น ม้านั่งหินในสวนสาธารณะ ที่โรงเรียน งัดแงะโรงเรียน ขีดเขียนฝาผนังโรงเรียน ลักเล็กขโมยน้อย และที่ตามมาอีกคือปัญหาเรื่องเพศ ยาเสพติด แก้ปัญหายาก ทั้งๆที่เมื่อระดับประถมโรงเรียนได้ดูแลเป็นอย่างดี กินอาหารกลางวันฟรีทุกคน