สถิติสำคัญผู้สูงอายุไทย
2550 |
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เรื่องสถิติสำคัญผู้สูงอายุไทย 2550 สรุปสาระสำคัญดังนี้ |
1. โครงสร้างประชากรไทย: จากอัตราเกิดของประเทศไทย ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 42.2 คนในปี 2507 เป็น 10.9 คนต่อประชากรพันคนในปี 2548 ทำให้ประชากรวัยเด็กอายุ 0-14 ปี มีจำนวนลดลง ในขณะที่ประชากรวัยสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เพิ่มมากขึ้น โครงสร้างของประชากร จึงมีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ปี 2550 ประเทศไทยมีประชากรสูงอายุประมาณ 7.1 ล้านคน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มอายุ 60-69 ปี ร้อยละ 58.8 กลุ่มอายุ 70-79 ปี ร้อยละ 31.7 และกลุ่มอายุ 80 ปีขึ้นไป ร้อยละ 9.5 |
2. การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย: ตามนิยามสังคมผู้สูงอายุ หมายถึง การมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 10 ของประชากรทั้งประเทศ ประเทศไทย จึงอยู่ในเกณฑ์ที่ได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ มาตั้งแต่ปี 2548 ขณะที่ประเทศญี่ปุ่น ได้เข้ามาแล้วถึง 30 ปี ประเทศสิงคโปร์ เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุปี 2543 และปี 2550 ประเทศญี่ปุ่นมีผู้สูงอายุร้อยละ 29 สิงคโปร์มีผู้สูงอายุร้อยละ 11.9 ขณะที่ประเทศไทยมีผู้สูงอายุร้อยละ 10.7 ของประชากรทั่วทั้งประเทศ |
3. ลักษณะการอยู่อาศัยอย่างไทย: ผู้สูงอายุมากกว่าร้อยละ 58.3 ยังมีการอยู่แบบครอบครัวขยาย อย่างวัฒนธรรมไทย ขณะที่ร้อยละ 31.0 มีการอยู่แบบครอบครัวเดี่ยว ตามวัฒนธรรมตะวันตก และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียว ผู้สูงอายุอยู่กับคู่สมรสโดยลำพัง และผู้สูงอายุที่อยู่กับหลาน มีสถิติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง |
4. การดูแลผู้สูงอายุ: ผู้สูงอายุกลุ่มใหญ่ คือ ร้อยละ 59 เป็นกลุ่มที่มีอายุ 60-69 ปี ยังมีสุขภาพที่แข็งแรง จึงทำให้ผู้สูงอายุมากกว่าร้อยละ 89 สามารถดูแลการทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเองได้ มีเพียงร้อยละ 11.5 เท่านั้นที่ไม่สามารถดูแลตนเองได้ กรณีนี้ผู้ดูแลส่วนใหญ่จะเป็นบุตร โดยเฉพาะบุตรสาว คู่สมรสหรือภรรยา จะเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุชาย มากถึงร้อยละ 53.2 ในขณะที่สามี จะเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุหญิง เพียงร้อยละ 11.5 เท่านั้น |
5. การเยี่ยมเยียนผู้สูงอายุ: ผู้สูงอายุไทยมากกว่าร้อยละ 80 ได้รับการเยี่ยมเยียนจากบุตรหลาน และญาติมิตรต่างๆ โดยเฉพาะในวันผู้สูงอายุ วันที่ 13 เมษายน ซึ่งตรงกับวันหยุดสงกรานต์ของไทย บุตรหลานที่จากบ้านไปอยู่ต่างถิ่น จะกลับไปเยี่ยมเยียนผู้สูงอายุที่บ้าน |
6. การเตรียมพร้อมรับมือการเข้าสู่สังคมสูงอายุ: ประเทศญี่ปุ่น เป็นสังคมผู้สูงอายุที่มีประชากรสูงอายุประมาณร้อยละ 30 และได้มีการเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่ปี 2502 ปัจจุบัน มีกฎหมายบำนาญแห่งชาติ มีระบบประกันการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว นอกจากนี้ ยังมีระบบโครงข่ายคุ้มครองทางสังคม โดยส่วนใหญ่งบประมาณในระบบนี้ เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้สูงอายุมากถึงร้อยละ 70.4 |
แหล่งที่มา : ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช. “สถิติสำคัญผู้สูงอายุไทย 2550.” มติคณะรัฐมนตรี. 3 เมษายน 2551. |
สมัยนี้ น่าเห็นใจคนแก่น่ะครับ ที่บุตรหลานต้องออกไปทำงานหามรุ่งหามค่ำ แทบไม่มีเวลาที่จะเลี้ยงดูคนแก่เลย
สวัสดีครับ คุณaonjung
ด้วยความเคารพรัก
สวัสดีครับ อ.ศิริพร เกื้อกูลนุรักษ์
ด้วยความเคารพรัก
เรามักจะมองสถิติผู้สูงอายุ ที่สัดส่วนของประชากรสูงอายุ ในโครงสร้างประชากรโดยรวม แต่ที่สำคัญไม่น้อยกว่าก็คือ ปริมาณ ของประชากรสูงอายุ ที่เพิ่มขึ้น เพราะคงปฎิเสธไม่ได้ว่า ผู้ที่เข้าสู่วัยที่เรากำหนดให้เรียกว่าสูงอายุ คือ 60 ปีขึ้นไปนั้น เสมือนเครื่องยนต์ที่เดินมานาน ย่อมมีความเสื่อมถอยของสังขารเกิดขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องผ่านประสบการณ์ชีวิตที่เครียดและปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ทั้งต้องแบกรับภาระคนรุ่นเยาว์มาจนเขาเหล่านั้นพึ่งพาตนเองได้ในระดับหนึ่ง ผู้สูงอายุเหล่านนั้น ย่อมสัมผัสกับภาวะเสี่ยงมาในวัยต้น และเริ่มแสดงอาการของพยาธิสภาพต่างๆ จนถึงระดับการเกิดโรคเรื้อรัง ปริมาณของผู้สูงอายุเหล่านี้มีมากน้อยเพียงใด? มีผู้สูงอายุจำนวนเท่าไหร่ ที่ป่วยและต้องการรับการสนับสนุน การดูแลทั้งโดยการดูแลตนเอง และการได้รับการดูแลจากระบบการดูแลสุขภาพ ที่รวมทั้งการดูแลที่บ้าน และในสถานบริการ ลักษณะความจำเป็นด้านสุขภาพของผู้สูงอายุเหล่นนี้ ต้องการการดูแลในลักษณะที่เป็นองค์รวม และต่อเนื่องระยะยาว (Longterm care)
การดูแลผู้สูงอายุ ไม่ใช่เพียงการคัดกรองโรคแล้วจ่ายยาให้หากมีพยาธิสภาพ เพราะบ่อยครั้งที่แม้มียา ก็ทานไม่ถูกต้อง ไม่ทานตามที่กำหนด ทานยาไม่ต่อเนื่อง จะด้วยเหตุ หูตาฝ้าฟาง อายุฉลากยาไม่เห็น หรือหลงๆลืมๆ หรือ ไม่ทานต่อเนื่องเพราะอาการดีขึ้น ฯ
ลฯ นี่ยังไม่รวมถึงผู้สูงอายุ ที่ตกอยู่ในกับดักของความยากจน (Poverty trap) ทั้งจนเงิน และยังเจ็บป่วย แต่ยังต้องดิ้นรนเลี้ยงตัวเอง ถูกทอดทิ้ง ให้อยู่โดดเดี่ยว ฯลฯ
ประเด็นที่ยกขึ้นมาพล่ามในที่นี้ คงไม่ได้หวังแค่การจัดระบบสงเคราะห์ ไม่ได้ให้มองว่าผู้สูงอายุ เป็นภาระ แต่อยากจะรับข้อคิดเห็นในเชิงการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ ให้สามารถดำรงชีพได้อย่างสมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ในฐานะที่เป็นคน และเป็นผู้มีคุณูปการต่อสังคมมาในช่วงต้นของชีวิต ให้สามารถมีความสุขในบั้นปลายของชีวิตอย่างสมอัตภาพ
ขอบพระคุณ อ.ชนินทร์ ครับ ที่เข้ามาอธิบายขยายความถึงความจำเป็นที่ทุกภาคส่วนต้องหยิบยกประเด็นสังคมผู้สูงวัยเป็นหัวใจของการขับเคลื่อนงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้วยความเคารพรัก