ข้อ 61
ความละเมิดมิได้ของบรรณสารและเอกสารทางกงสุล
บรรณสารและเอกสารทางกงสุลของสถานทำการทางกงสุลที่มีหัวหน้าเป็นเจ้าพนักงานกงสุลกิตติมศักดิ์จะถูกละเมิดมิได้ตลอดเวลา และไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใดโดยมีเงื่อนไขว่า บรรณสารและเอกสารเหล่านั้นจะต้องแยกเก็บไว้ต่างหากจากกระดาษเอกสารและเอกสารอื่น ๆ และโดยเฉพาะแยกจากหนังสือติดต่อส่วนตัวของหัวหน้าสถานทำการทางกงสุลและของบุคคลใดที่ปฏิบัติงานกับหัวหน้าสถานทำการทางกงสุล และแยกจากวัสดุ หนังสือ หรือเอกสารที่เกี่ยวกับวิชาชีพ
หรือการค้าของบุคคลดังกล่าว
ข้อ 62
การยกเว้นจากอากรศุลกากร
รัฐผู้รับจะอนุญาตให้นำเข้าและยกเว้นจากอากรศุลกากร ภาษี และค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องทั้งปวง นอกจากค่าธรรมเนียมในการเก็บรักษา การขนส่งและบริการที่คล้ายกันตามกฎหมายและข้อบังคับซึ่งรัฐผู้รับอาจกำหนดให้ใช้กับ
สิ่งของดังต่อไปนี้ คือ ตรา ธง แผ่นป้าย ดวงตรา หนังสือ สิ่งพิมพ์ทางราชการ เครื่องเรือนสำนักงาน เครื่องมือสำหรับสำนักงาน และสิ่งของที่คล้ายกันที่จัดส่งโดยหรือตามคำขอของรัฐผู้ส่งให้แก่สถานทำการทางกงสุล โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเป็น
สิ่งของเพื่อใช้ในราชการของสถานทำการทางกงสุลที่มีหัวหน้าเป็นเจ้าพนักงานกงสุลกิตติมศักดิ์
ข้อ 63
การดำเนินคดีอาญา
ถ้ามีการดำเนินคดีต่ออาญาเจ้าพนักงานกงสุลกิตติมศักดิ์ เจ้าพนักงานผู้นั้นต้องปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ อย่างไรก็ตาม การดำเนินคดีจะต้องกระทำด้วยความเคารพตามที่เจ้าพนักงานผู้นั้นพึงได้รับโดยเหตุแห่งตำแหน่งทางราชการของเจ้าพนักงานดังกล่าว เว้นแต่เมื่อเจ้าพนักงานดังกล่าวถูกจับกุมหรือกักขัง จะต้องกระทำในลักษณะที่จะ
ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ทางกงสุลให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อมีความจำเป็นที่จะกักขังเจ้าพนักงานกงสุลกิตติมศักดิ์ การดำเนินคดีต่อเจ้าพนักงานผู้นั้นจะต้องกระทำโดยใช้เวลาน้อยที่สุด
ข้อ 64
การคุ้มครองเจ้าพนักงานกงสุลกิตติมศักดิ์
รัฐผู้รับมีหน้าที่ให้การคุ้มครองที่อาจจำเป็นแก่เจ้าพนักงานกงสุลกิตติมศักดิ์โดยเหตุแห่งตำแหน่งทางราชการของเจ้าพนักงานดังกล่าว
ข้อ 65
การยกเว้นการจดทะเบียนคนต่างด้าวและใบอนุญาตถิ่นที่อยู่
เจ้าพนักงานกงสุลกิตติมศักดิ์จะได้รับยกเว้นจากข้อผูกพันทั้งปวงตามกฎหมายและข้อบังคับของรัฐผู้รับเกี่ยวกับการจดทะเบียนคนต่างด้าวและใบอนุญาตถิ่นที่อยู่ ยกเว้นเจ้าพนักงานกงสุลกิตติมศักดิ์ซึ่งประกอบกิจกรรมทางวิชาชีพหรือทางพาณิชย์ในรัฐผู้รับเพื่อผลกำไรส่วนตัว
ข้อ 66
การยกเว้นจากการเก็บภาษี
เจ้าพนักงานกงสุลกิตติมศักดิ์จะได้รับยกเว้นจากภาษีอากรทั้งปวงที่เรียกเก็บจากค่าตอบแทนและค่าบำเหน็จที่ได้รับจากรัฐผู้ส่งในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ทางกงสุล
ข้อ 67
การยกเว้นจากการให้บริการและให้ส่วนบำรุงส่วนบุคคล
รัฐผู้รับจะยกเว้นให้กับเจ้าพนักงานกงสุลกิตติมศักดิ์จากการให้บริการส่วนบุคคลทั้งปวงจากการให้บริการสาธารณะทั้งปวงไม่ว่าชนิดใดก็ตาม และจากพันธะทางทหาร เช่น พันธะที่เกี่ยวกับการเรียกเกณฑ์ ส่วนบำรุง และการเรียกเอาที่อยู่เพื่อการทหาร
ข้อ 68
ลักษณะการให้เลือกได้ของสถาบันเจ้าพนักงานกงสุลกิตติมศักดิ์
แต่ละรัฐมีเสรีที่จะวินิจฉัยว่าจะแต่งตั้งหรือรับเจ้าพนักงานกงสุลกิตติมศักดิ์หรือไม่
หมวด 4
บทบัญญัติทั่วไป
ข้อ 69
ตัวแทนทางกงสุลซึ่งมิได้เป็นหัวหน้าสถานทำการทางกงสุล
1. แต่ละรัฐมีเสรีที่จะวินิจฉัยว่าจะตั้งหรือยอมรับสำนักตัวแทนทางกงสุล ที่ดำเนินการโดยตัวแทนทางกงสุลซึ่งรัฐผู้ส่งมิได้แต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าสถานทำการทางกงสุล
2. เงื่อนไขที่สำนักตัวแทนทางกงสุลที่อ้างถึงในวรรค 1 ของข้อนี้อาจดำเนินกิจกรรม และเอกสิทธิและความคุ้มกันที่ตัวแทนทางกงสุลที่รับผิดชอบสำนักตัวแทนทางกงสุลนั้นอาจจะอุปโภคจะกำหนดโดยความตกลงระหว่างรัฐผู้ส่งกับ
รัฐผู้รับ
ข้อ 70
การปฏิบัติหน้าที่ทางกงสุลโดยคณะผู้แทนทางฑูต
1. บทบัญญัติของอนุสัญญานี้ใช้กับการปฏิบัติหน้าที่ทางกงสุลโดยคณะผู้แทนทางฑูตด้วย เท่าที่จะใช้ได้
2. ให้แจ้งชื่อของสมาชิกในคณะผู้แทนทางฑูตซึ่งได้รับมอบหมายให้อยู่ในแผนกกงสุล หรือรับผิดชอบปฏิบัติหน้าที่ทางกงสุลของคณะผู้แทนนั้นไปยังกระทรวงการต่างประเทศของรัฐผู้รับหรือไปยังเจ้าหน้าที่ที่กระทรวงนั้นกำหนด
3. ในการปฏิบัติหน้าที่ทางกงสุล คณะผู้แทนทางฑูตอาจติดต่อกับ
(ก) เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของเขตกงสุล
(ข) เจ้าหน้าที่ส่วนกลางของรัฐผู้รับ ถ้ากฎหมาย ข้อบังคับ และประเพณีปฏิบัติของรัฐผู้รับหรือความตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องอนุญาตให้กระทำได้
4. เอกสิทธิและความคุ้มกันของสมาชิกในคณะผู้แทนทางฑูตที่อ้างถึงในวรรค 2 ของข้อนี้ จะยังคงอยู่ภายใต้บังคับของกฎเกณฑ์ของกฎหมายระหว่างประเทศเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางฑูต
ข้อ 71
คนชาติหรือผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรของรัฐผู้รับ
1. เว้นแต่ความสะดวก เอกสิทธิและความคุ้มกันเพิ่มเติมเท่าที่รัฐผู้รับจะให้ เจ้าพนักงานกงสุลซึ่งเป็นคนชาติ หรือมีถิ่นที่อยู่ถาวรของรัฐผู้รับจะอุปโภคเฉพาะความคุ้มกันจากเขตอำนาจและความละเมิดมิได้ในตัวบุคคลในส่วนที่เกี่ยวกับการกระทำที่เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ในทางราชการซึ่งกระทำในการปฏิบัติหน้าที่และเอกสิทธิที่ได้บัญญัติไว้ในวรรค 3
ของข้อ 44 ในส่วนที่เกี่ยวกับเจ้าพนักงานกงสุลเหล่านี้ รัฐผู้รับจะผูกพันตามพันธะที่กำหนดในข้อ 42 เช่นเดียวกันถ้ามีการดำเนินคดีอาญาต่อเจ้าพนักงานกงสุลเช่นว่านั้น การดำเนินคดีนั้นจะต้องกระทำในลักษณะที่จะขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ทางกงสุลให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เว้นแต่เมื่อเจ้าพนักงานกงสุลดังกล่าวถูกจับกุมหรือกักขัง
2. สมาชิกในสถานทำการทางกงสุลอื่นซึ่งเป็นคนชาติหรือมีถิ่นที่อยู่ถาวรของรัฐผู้รับ และสมาชิกในครอบครัวของบุคคลดังกล่าวตลอดจนสมาชิกในครอบครัวของเจ้าพนักงานกงสุลที่อ้างถึงในวรรค 1 ของข้อนี้ จะอุปโภคความสะดวก
เอกสิทธิและความคุ้มกันเท่าที่รัฐผู้รับให้แก่บุคคลดังกล่าว สมาชิกในครอบครัวของสมาชิกในสถานทำการทางกงสุลและสมาชิกในคณะคนรับใช้ส่วนตัวซึ่งเป็นคนชาติหรือมีถิ่นที่อยู่ถาวรของรัฐผู้รับจะอุปโภคความสะดวก เอกสิทธิและความคุ้มกันเท่าที่รัฐผู้รับให้แก่บุคคลดังกล่าวเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ดี รัฐผู้รับจะต้องใช้อำนาจเหนือบุคคลเหล่านั้นในทางที่จะไม่
ก่ออุปสรรคโดยไม่จำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ของสถานทำการทางกงสุล
ข้อ 72
การไม่เลือกปฏิบัติ
1. ในการใช้บทบัญญัติของอนุสัญญานี้ รัฐผู้รับจะไม่เลือกปฏิบัติระหว่างรัฐ
2. อย่างไรก็ดี ไม่ถือว่ามีการเลือกปฏิบัติ
(ก) เมื่อรัฐผู้รับใช้บทบัญญัติข้อใดของอนุสัญญานี้อย่างจำกัดเพราะมีการใช้บทบัญญัตินั้นอย่างจำกัดแก่สถาน
ทำการทางกงสุลของรัฐผู้รับในรัฐผู้ส่ง
(ข) เมื่อตามจารีตประเพณีหรือความตกลง รัฐต่าง ๆ ให้ผลปฏิบัติแก่กันและกันที่เป็นการอนุเคราะห์มากกว่าที่
บทบัญญัติของอนุสัญญานี้กำหนด
ข้อ 73
ความสัมพันธ์ระหว่างอนุสัญญานี้กับความตกลงระหว่างประเทศอื่น
1. บทบัญญัติของอนุสัญญานี้จะไม่กระทบกระเทือนต่อความตกลงระหว่างประเทศอื่นที่ใช้บังคับระหว่างรัฐภาคีแห่งความตกลงดังกล่าว
2. ไม่มีข้อความใดในอนุสัญญานี้ที่จะขัดขวางรัฐในการทำความตกลงระหว่างประเทศ เพื่อยืนยันหรือเพิ่มเติม
หรือขยายบทบัญญัติของอนุสัญญานี้
หมวด 5
บทบัญญัติสุดท้าย
ข้อ 74
การลงนาม
อนุสัญญานี้จะเปิดให้ลงนามโดยรัฐสมาชิกทั้งปวงของสหประชาชาติหรือของทบวงการชำนัญพิเศษหรือภาคี
แห่งธรรมนูญศาลยุติธรรมระหว่างประเทศและโดยรัฐอื่นใดที่สมัชชาสหประชาชาติเชิญให้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ดังนี้
จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ.1963 ณ กระทรวงการต่างประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐออสเตรีย และต่อจากนั้นจนถึงวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 1964 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติในนครนิวยอร์ก
ข้อ 75
สัตยาบัน
อนุสัญญานี้จะต้องได้รับการสัตยาบัน สัตยาบันสารจะต้องมอบไว้กับเลขาธิการสหประชาชาติ
ข้อ 76
ภาคยานุวัติ
อนุสัญญานี้จะยังคงเปิดให้ภาคยานุวัติโดยรัฐใด ที่อยู่ในประเภทหนึ่งประเภทใดในสี่ประเภทที่ระบุไว้ในข้อ 74 ภาคยานุวัติสารจะต้องมอบไว้กับเลขาธิการสหประชาชาติ
ข้อ 77
การมีผลใช้บังคับ
1. อนุสัญญานี้จะมีผลใช้บังคับในวันที่สามสิบต่อจากวันมอบสัตยาบันสารหรือภาคยานุวัติสารฉบับที่ยี่สิบสองไว้กับเลขาธิการสหประชาชาติ
2. สำหรับแต่ละรัฐที่สัตยาบันหรือภาคยานุวัตินี้หลังจากการมอบสัตยาบันสารหรือภาคยานุวัติสารฉบับที่ยี่สิบสองแล้ว อนุสัญญานี้จะมีผลใช้บังคับในวันที่สามสิบหลังจากการมอบสัตยาบันสารหรือภาคยานุวัติสารของรัฐเช่นว่านั้น
ข้อ 78
การแจ้งโดยเลขาธิการ
เลขาธิการสหประชาชาติจะแจ้งให้รัฐทั้งปวงที่อยู่ในประเภทหนึ่งประเภทใดในสี่ประเภทที่ระบุไว้ในข้อ 74 ทราบถึง
(ก) การลงนามอนุสัญญานี้และการมอบสัตยาบันสารหรือภาคยานุวัติสารตามข้อ 74 75 และ 76
(ข) วันที่อนุสัญญานี้จะมีผลใช้บังคับตามข้อ 77
ข้อ 79
ตัวบทที่ถูกต้อง
ต้นฉบับของอนุสัญญานี้ซึ่งตัวบทภาษาจีน ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศลภาษารัสเซีย และภาษาสเปน มีความถูกต้องเท่าเทียมกัน จะมอบไว้กับเลขาธิการสหประชาชาติผู้ซึ่งจะส่งสำเนาที่ได้รับรองแล้วไปยังรัฐทั้งปวงที่อยู่ในประเภทหนึ่ง
ประเภทใดในสี่ประเภทที่ระบุไว้ในข้อ 74
เพื่อเป็นพยานแก่การนี้ ผู้มีอำนาจเต็มซึ่งลงนามข้างท้าย โดยได้รับมอบอำนาจโดยถูกต้องเพื่อการนี้จากรัฐบาลของตน ได้ลงนามอนุสัญญานี้
ทำ ณ กรุงเวียนนา เมื่อวันที่ ยี่สิบสี่ เมษายน คริสตศักราชหนึ่งพันเก้าร้อยหกสิบสาม
ว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุล ซึ่งทำเมื่อวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2506 เพื่อให้สอดคล้องกับประเพณีปฏิบัติในนานาอารยประเทศ ในการนี้ จะต้องมีกฎหมายเพื่ออนุวัตการให้เป็นไปตามอนุสัญญาฯ ดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
-----------------------------------------------------------
หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ประเทศไทยจะเข้าเป็นภาคีอนุสัญญากรุงเวียนนา
ไม่มีความเห็น