“กูแปร”


สิ่งที่เห็นอาจะไม่เป็นอย่างที่คิด

ข่าวคาวในแวดวงการศึกษาจากรั้วท่าพระจันทร์มิใช่ข่าวคาวแรกและข่าวคาวสุดท้ายอย่างแน่นอน ตราบใดที่สังคมยังทำตัวเป็นสังคมหน้าบางหรือมองว่าเรื่องเพศศึกษาหรือการสื่อสารทางเพศเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ ไม่ควรเอามาพูดต่อหน้าที่สาธารณะในขณะที่คนมองว่าเป็นสิ่งที่น่าอับอายกลับมีลูกเป็นสองเป็นสาม และยิ่งเกิดความสงสัยว่าลูกหลานของท่านเหล่านั้นเกิดจากการผสมพันธุ์จริง หรือผสมพันธุ์จากหลอดแก้ว แต่ก่อนที่จะพิพากษาว่าเป็นความผิดของใครทั้งหมดมาดูตัวอย่างเรื่องเบาสมองกรณีต่อไปนี้

ไม่คำว่าแก่สำหรับการเรียนรู้ ยังใช้ได้ดีในสังคมยุคข้าวยากหมากแพงที่ต้องมีใบปริญญาเป็นบันไดทั้งการไต่เต้าและเอาเต้าไต่เพื่อขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น รวมทั้งสามนางฟ้าชุดขาวอย่าง สายสมร อรวดี และศรีสุดา ทั้ง สามคนเป็นพยาบาลวิชาชีพ จบวิทยาลัยพยาบาลมาเช่นเดียวกันแต่คนละช่วงเวลา สายสมรนั้นปัจจุบันมีประสบการณ์ทำงานร่วม 20 ปี อีกไม่กี่ปีก็จะขอเกษียณอายุก่อนวัยอันควร(ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าวัยอันควรเป็นอย่างไร) อรวดี จบจากวิทยาลัยพยาบาลมาแล้ว 10ปี พอดิบพอดีตอนนี้อายุ 30 กว่า ๆ ปัจจุบันอยู่ในหน้าที่ผู้ช่วยแพทย์ในห้องศัลยกรรมชายโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ส่วนศรีสุดาเป็นน้องนุชสุดท้องจบจากวิทยาลัยพยาบาลได้ 2 ปี อายุ20 กว่า ๆ ด้วยความเป็นเด็กรุ่นใหม่ถึงแม้จะอายุน้อยประสบการณ์ก็ไม่แพ้รุ่นพี่ทั้งเรื่องทฤษฎีและปฏิบัติไม่ว่าเรื่องอะไร ดวงชะตาทำให้ทั้งสามคนได้มาอยู่ร่วมกันในการฝึกหลักสูตรพิเศษเรื่องการดูแลคนไข้เฉพาะทาง โดยเฉพาะคนไข้ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ การที่ได้เจอคนไข้มากมายหลายประเภท ทั้งหญิงและชาย จึงทำให้ทั้งสามคนที่มีหน้าที่ทำแผล เช็ดทำความสะอาดในจุดซ่อนเร้นของผู้ป่วย ซึ่งหากเป็นคนไข้ผู้ชายก็จะมีสู้มือบ้างเป็นเรื่องปกติและก็เป็นเรื่องปกติเช่นเดียวกันที่มักจะมีการนำสิ่งที่พบเห็นมาเล่าให้เพื่อนพยาบาลด้วยกันฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ขนาดที่ไม่เหมาะสมกับตัว หรือปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นระหว่างการทำความสะอาด และวันหนึ่งขณะที่ทั้งสามคนกำลังเข้าเวรอยู่กลางดึกมีคนไข้ชายประสบอุบัติเหตุมาเข้ารับการรักษาซึ่งเขาช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เรื่องจากแขนและขาหัก ดังนั้นหน้าที่ในการดูแลคนไข้จึงเป็นของพยาบาลทั้งสามคน วันแรกเป็นหน้าที่ของสายสมรซึ่งอาวุโสสูงสุด เมื่อทำความสะอาดและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คนไข้เสร็จเรียบร้อยแล้ว พยาบาลรุ่นน้องก็ถามขึ้นว่า คนไข้เป็นไงมั่งพี่

สายสมรเอาแฟ้มงานเก็บเข้าที่เดิมพร้อมกับบอกว่า รู้สึกตัวดี มีสติดีแต่แขนขาขยับไม่ได้ คนไข้เป็นคนมีมารยาทมาก เกรงใจเราที่เราเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ จะขอบคุณทุกครั้งเลย แต่ที่น่าแปลกใจนะ.... สายสมรทิ้งช่วงจนเพื่อนร่วมงานหันหน้ามามอง ก่อนที่จะเอื้อนเอ่ยอีกครั้ง พี่ทำงานโรงพยาบาลมา 20 ปี เจอของคนไข้มาเป็นหมื่น แต่ของคนนี้แปลกสุด ๆ....

สายสมรเงียบไปอีกก่อนที่จะส่งเสียงกระซิบกระซาบเหมือนกลัวใครได้ยิน ตอนที่พี่เช็ดที่ตรงนั้นของเค้านะ เห็นมีรอยสักตั้งแต่ส่วนโคนจรดถึงส่วนหัวด้วยด้วย แต่ไม่รู้มันหมายความว่ายังไงจะถามเค้าก็ไม่กล้า กลัวเค้าอาย

แล้วเค้าสักเป็นรูปอะไรหล่ะ ทั้งอรวดีและศรีสุดา ถามขึ้นเกือบพร้อมกัน มันสักว่า กูแปร ซึ่งไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร พยายามคิดยิงคิดไม่ออกเหมือนกัน พวกเธอรู้มั้ย? ซึ่งก็ไม่มีใครทราบความหมาย แต่ก็ไม่มีใครใส่ใจสิ่งเหล่านี้ไปมากกว่างานที่รับผิดชอบจึงทำงานกันต่อ

เช้าวันที่สองเป็นเวรของอรวดีในการเข้าไปทำความสะอาดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าคนไข้ซึ่งก็ไม่ลืมที่จะแอบมองจุดนั้นของคนไข้ตามที่พยาบาลรุ่นพี่ได้มองเห็นประโยคปริศนาเมื่อวาน ก่อนที่จะเดินออกห้องไป

และเมื่อถึงหน้าเคาน์เตอร์ เธอก็เอ่ยกับเพื่อนร่วมงานด้วยน้ำเสียงปกติดเพื่อรายงานสิ่งที่พบเห็น พี่สายสมรดูผิดหรือเปล่า สงสัยทำงานมากไปจนตาลาย ไม่เห็นมีเลยคำว่า กูแปร หนูเห็นเค้าสักไว้ว่า กูคือผู้ชนะเมืองแปร ต่างหาก

ชั้นตาไม่ฝาดแน่ แถมชั้นจับพลิกไปพลิกมา จนเห็นว่ามันสักไว้ กูแปร แน่นอน มันจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเป็นไปได้ไง งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ให้ยัยศรีสุดาเป็นกรรมการนะถ้าใครผิดต้องเสียเงินห้าร้อยนะ สายสมรพูดกับอรวดีพร้อมกับท้าทายเพราะเชื่อมั่นในสายตาการทำงานที่ไม่มีผิดพลาดมาตลอด 20 ปี (การพนันเป็นสิ่งไม่ดี ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำ เด็ก และคนชราควรใช้วิจารณญาณในการจินตนาการต่อ)

วันรุ่งขึ้นเป็นเวรของศรีสุดาในการที่จะต้องเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำความสะอาดให้กับคนไข้รายนี้ ก่อนที่จะเข้าไปในห้องคนไข้ รุ่นพี่ทั้งสองคนก็กำชับเป็นหนักเป็นหนาว่าให้ดูดี ๆ เพราะมีเงินเดิมพันอยู่ถึง 500 บาท เมื่อเข้าไปสักพักใหญ่ซึ่งนานกว่าปกติดและแล้วศรีสุดาก็กลับออกมา รุ่นพี่ทั้งสองคนก็รีบวิ่งกรูเข้าไปถามเพราะต่างฝ่ายต่างมั่นใจในสิ่งที่ตนเองเห็นและจะเป็นฝ่ายได้รับเงินพนันแต่ก็ต้องผิดหวังทั้งคู่ เมื่อศรีสุดาบอกว่า คนไข้ไม่เห็นเป็นคนไม่เรื่องมาก ไม่เหมือนที่พี่ว่าเลย จะให้เช็ดตรงนั้น เช็ดตรงนี้ เดี๋ยวให้ประคองนอน เดี๋ยวให้ประคองนั่งอยู่นั่นแหละ แถมแอบมองนมหนูอีก อ้อ! ที่พนันกันพวกพี่ทั้งสองคนนั่นแหละผิดทั้งคู่ อ่านไม่ครบหรือเปล่าเพราะเมื่อกี้ตอนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ หนูอ่านกี่รอบกี่รอบมันก็สักไว้ว่า กูชื่อจะเด็ด กูคือผู้ชนะสิบทิศ กูคือผู้พิชิตเมืองแปร มา จ่ายมาคนละ 500.......มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ?

จากกรณีดังกล่าวข้างต้นอยากอธิบายเพิ่มเติมว่า การมีอารมณ์ทางเพศของชายและหญิงจะมีความแตกต่างกัน การได้รับสื่อกระตุ้นทางเพศทำให้ชายและหญิงมีการตอบสนองที่แตกต่างกันในมิติทางอารมณ์ซึ่งเกิดจากการทำงานของสมองส่วนอยากที่เป็น Hypothalamus ซึ่งทำงานต่อเนื่องกับ ศูนย์การตื่นตัวทางเพศ โดยที่อารมณ์ของฝ่ายชายและหญิงจะได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมนทางเพศที่แตกต่างกันทำให้การตอบสนองต่างกัน ฝ่ายชายจะตอบสนองชัดเจนในเรื่องของ Sex และการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งความรู้สึกดังกล่าวจะสิ้นสุดชั่วคราวเมื่อมีการหลั่ง หรือถึงจุดสุดยอด  ส่วนอารมณ์ทางเพศของฝ่ายหญิงจะแสดงออกในรูปแบบของความรัก ความห่วงหาอาทรและการกอดสัมผัสมากกว่าการร่วมเพศโดยตรง

ในกรณีของ อาจารย์นกเขา นอกจากที่กลไกหรือความต้องการที่เกิดขึ้นซึ่งสามารถอธิบายในเชิงสรีรวิทยาได้อย่างไม่อยากนักแล้วนั้น ยังมีผลพวงเพิ่มเติมจากการมีความอยากมากกว่าความคิด สมองส่วนอยากมีอิทธิพลเหนือสมองส่วนคิดหรือหลายคนพยายามอธิบายว่าเป็นความบกพร่องทางศีลธรรมหรือเหตุผลใด ๆ ก็ตาม แต่อยากให้มองหลายมิติควบคู่กันซึ่งในกรณีนี้อยากจะให้มองส่วนที่เป็นตัวกระตุ้น นั่นคือ ฝ่ายหญิง เพราะหากว่าฝ่ายหญิงมีรูปร่างและหน้าตาเป็นอาวุธแล้วต่อให้แต่งกายนุ่งน้อย ห่มน้อยเขียนหน้าทาปากมาทอดกายให้เชยชมถึงที่รโหฐานก็ใช่ว่าฝ่ายชายซึ่งต่อให้มีสมองส่วนอยากใหญ่กว่าส่วนคิดเป็นสิบเท่าก็คงไม่เอาอารมณ์เปลี่ยวเปล่าเหงาอ้างว้างไปเฉียดใกล้ แต่ในทางตรงข้ามไม่เฉพาะต่อกรณีที่เกิดขึ้นแต่รวมถึงกรณีการข่มขืน หรือการล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเมาสุรา และฝ่ายหญิงที่แต่งตัวยั่วยวนโชว์สัดส่วนเพราะถือว่าใครมีดีก็อยากโชว์หรือจะโชว์ก็ตัวเค้าใครจะมีสิทธิไปว่าอะไรได้แถมยังถือว่าเป็นการทำบุญทางสายตาแก่ผู้พบเห็นนั่นก็ไม่ว่ากระไร หากแต่ต้องทราบว่าถึงแม้จะเป็นสิทธิของเราแต่ในมุมมองของผู้ชาย(แท้ ๆ) เขาไม่ได้คิดแบบนั้นเสมอไปเพราะมันคือตัวกระตุ้นทางเพศดี ๆ นี่เอง และยิ่งแม่สาวมั่น ปากจัดชอบเอาชนะระรานผู้ชายชีกอทั้งหลาย นั่นก็ยิ่งเหมือนเป็นการท้าทายและยั่วยุเขาให้เกิดการโต้ตอบทางสัญชาติญาณ ทั้งในรูปแบบของการใช้ความรุนแรง การล่วงละเมิดทางวาจาหรือทางกายหรือประทุษต่อทรัพย์และชีวิตและยิ่งทำให้บรรดาสาวแก่แม่หม้ายเป็นเดือดเป็นแค้นเพิ่มขึ้นหากเกิดกรณีเขาจะฆ่าแต่ไม่ข่มขืนเพราะมีรูปร่างและหน้าตาเป็นอาวุธจะยิ่งอายไปใหญ่(หรือเปล่า) ดังนั้นการทำความเข้าใจเรื่องสัญชาติญาณทางเพศ ตัวกระตุ้นที่มีต่ออิทธิพลทางเพศ หรือแม้แต่ในเรื่องการเคารพสิทธิของผู้อื่น การปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม การสื่อสารเรื่องเพศในทุกมิติตามช่วงวัยและอายุที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ มากกว่ารอให้ถึงวันที่คุณหรือคนรู้จักต้องสวมหมวกไหมพรม ใส่แว่นดำ เดินขึ้นโรงพักแถลงข่าวพร้อม อดีตส.ส.ปวีณาอย่างที่พบเห็นกันบ่อยขึ้นในช่วงที่ผ่านมาและบ่อยยิ่งๆ ขึ้นในอนาคต

 

หมายเลขบันทึก: 179216เขียนเมื่อ 28 เมษายน 2008 14:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท