สรุปสถานการณ์ในแต่ละด้าน
๑. สถานการณ์ด้านผู้ใช้
๑.๑ รูปแบบการใช้งาน : การสนทนาออนไลน์, การสร้างเว็บบล็อก, การใช้อินเทอร์เน็ต เพื่อการศึกษา
๑.๒ อายุของผู้ใช้งาน : มีอายุลดน้อยลง (เด็กใช้งานเป็นจำนวนมาก)
๑.๓ ความทั่วถึง : การกระจายตัวด้านการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตยังไม่สูง ยังกระจุกตัวอยู่ในเขตเมืองเป็นส่วนใหญ่
๒. สถานการณ์ด้านเทคโนโลยี
๒.๑ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน
๒.๒ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีซอฟท์แวร์
๓. สถานการณ์ด้านกฎหมาย
๓.๑ วิธีการแก้ปัญหาโดยใช้จริยธรรม (Norm) มากกว่าการออกกฎหมาย
๓.๒ ข้อจำกัดของกฎหมายคือ โครงสร้างพื้นฐานที่จะต้องมีรองรับ ภายหลังจากการออกกฎหมายแต่ละฉบับ (ในปัจจุบันที่เกิดปัญหาเนื่องจากขาดโครงสร้างฯ ทำให้กฎหมายไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก)
๓.๓ ความล้าหลังของกฎหมายบางฉบับ
๓.๔ ต้องให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนในเรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย เพราะกฎหมายไม่สามารถแก้ไขปัญหาสังคมได้ ถ้าสังคมไม่เคารพกฎหมาย ดังนั้นกฎหมายจึงต้องเป็นสิ่งที่สังคมให้การยอมรับและตกลงร่วมกัน
๔. สถานการณ์ด้านการรู้เท่าทันของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต
๔.๑ การจัดการที่ผู้ใช้ (User)
๔.๒ การจัดการที่ช่องทางเข้าถึง
๔.๓ การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ
๕. สถานการณ์ด้านการจัดการ
๕.๑ การขาดเจ้าภาพหลักที่เข้มแข็งและมีการทำงานที่ต่อเนื่อง
๕.๒ การมีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่อ่อนแอ (เครือข่ายภาคประชาชน, ภาควิชาชีพ, ภาครัฐ, ภาควิชาการ)
๖. การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ
๖.๑ การสร้างเจ้าภาพในการทำงานด้วยการสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็ง
๖.๒ การสร้างโครงสร้างพื้นฐานในการแก้ไขปัญหาการจัดการ
๗. แนวทางการแก้ไขปัญหา
๗.๑ เครื่องมือในการแก้ปัญหา เช่น กฎหมาย, จริยธรรม, การแข่งขันทางการตลาด, ซอฟท์แวร์
๗.๒ แนวทางการแก้ไขปัญหา เช่น การให้ข้อมูลความรู้แก่ประชาชนในด้านต่างๆ , การเลิกใช้มาตรการปิดกั้น ด้วยการบล็อก (Block) เว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็ก เพราะเป็นการปิดกั้นที่ส่งผลเกินขอบเขต และไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่จะใช้กับเด็กรุ่นใหม่ในทุกวันนี้ได้
๗.๓ ต้องสนับสนุนให้เกิดการใช้ไอซีทีอย่างสร้างสรรค์และเกิดประโยชน์แก่เด็กและเยาวชน จึงต้องลงทุนในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานและเพิ่มทักษะการใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น โดยอาศัยความร่วมมือระหว่างโรงเรียนและผู้ปกครอง
๗.๔ การทำกิจกรรมเพื่อปลูกฝังการใช้ไอซีทีอย่างสร้างสรรค์ต้องทำแบบคู่ขนานคือ ทำทั้ง On Line และ Off Line
๗.๕ ควรมีการจัดทำคู่มือ (ในลักษณะ Quote of Conduct) การใช้ไอซีทีอย่างสร้างสรรค์และปลอดภัยเพื่อเผยแพร่แก่ผู้ใช้ไอซีทีทุกคน เพื่อให้สามารถเพิ่มทักษะในการดูแลตัวเองได้ตลอดเวลา (โดยไม่ตกเป็นเหยื่อ)
๗.๖ การจัดทำฐานข้อมูลต่างๆ โดยหน่วยงานหรือองค์กรของไทย เพื่อให้ตรงกับลักษณะของผู้ใช้งานที่เป็นคนไทยจริงๆ ไม่ต้องพึ่งพิงการซื้อข้อมูลจากต่างประเทศซึ่งอาจใช้ได้ไม่ทั้งหมด
สวัสดีค่ะแนท
ขออนุญาตแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ
การสร้างภูมิคุ้มกันสำหรับคนรุ่นใหม่ในด้านการใช้ ict เป็นเรื่องสำคัญครับ ซึ่งปัจจุบันผมคิดว่าภูมิคุ้มกันยิ่งมีน้อยลง เนื่องจากสภาพครอบครัว เศรษฐกิจ
ในขณะเดียวกันการผลิตบุคลากรทางด้านนี้ของไทยก็ยังไม่ค่อยมีคุณภาพ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ
ขอแลกเปลี่ยน เพิ่งเข้ามาอ่าน อดไม่ได้ที่จะเสนอความคิดเห็น เท่าที่ติดตาม หากจะได้แบ่งกลุ่มอายุ หรือกลุ่มผู้บริหาร กลุ่มผู้ปฏิบัติ กลุ่มผู้อาสุโส
กลุ่มผู้อาวุโสเช่นอย่าง ศ.นพ.วิจารณ์ฯ เป็นผู้นำในหลาย ๆ เป็นแบบอย่างการใช้ ICT อย่างสร้างสรรค์ กลุ่มผู้บริหาร ผอ.ดิศกุลฯ อยู่ระดับต้น ๆ กลุ่มเด็กเห็นจะได้แก่น้องจิ จ.สุพรรณฯ
ผมมองย้อนมาที่น่าน เห็นการใช้ ICT หากเทียบตามสัดส่วนแล้วยังไม่น่าพอใจนัก กฎหมายอย่างเดียวคงยาก เพราะการบังคับใช้ต้องอาศัยคน ๆ ที่ไปดำเนินการ รู้ไม่ทันคนใช้ ICT จะสักแต่ว่าได้ไปตามรอบที่กำหนด คือ ได้ออกตรวจตราแล้ว
นักเรียน นักศึกษา ครูอาจารย์ที่เรียน ICT มีไม่น้อย จำนวนเครื่องคอมฯ ที่แจกจ่ายไปยังสถานศึกษา หรือที่มีอยู่ที่ส่วนราชการไม่น้อยเช่นกัน เหลือบไปที่หน่วยงานราชในเวลาทำงาน ยังปล่อยให้น้อง ๆ MSN & CHAT หน้าตาเฉย แบบนี้น้อง ๆ จะมีสมาธิที่ดีในการทำงานได้อย่างไร?
"สถานการณ์ผู้ใช้เพื่อการศึกษามาเป็นอันดับสุดท้ายเลยหรือคะ..."
พี่แจ๋วหมายถึง การใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อหาความรู้ใช่ไหมค่ะ
ถ้าใช่ ก็ต้องบอกว่า
ต้องยอมรับความจริงค่ะว่า เราใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษาน้อยมาก (ไม่รวมพวกที่ทำรายงานโดยใช้วิธี copy and paste นะคะ พวกนั้นยิ่งไม่ใช่ใหญ่เลย)
ส่วนใหญ่ที่เรานิยมใช้อินเทอร์เน็ตกันก็เพราะเป็นสถานที่ที่เรา(มักคิดกันว่า)อยู่ในที่มืด
ไม่มีใครรู้จักเรา ดังนั้นสิ่งที่น่ากลัว(กว่า)ก็คือ พวกเขา(ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่)จะคิดว่า ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร เขาจึงกล้าทำอะไรบางอย่างที่ไม่เหมาะสมจนถึงขั้นผิดกฎหมาย
ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้ค่ะ แต่ทุกคนคงต้องช่วยๆ กัน :)
สวัสดีค่ะอ.จารุวัจน์
ไม่ได้เข้ามาเช็คนาน ต้องขอโทษด้วยที่ตอบช้าค่ะ
เห็นด้วยกับท่านอ.จารุวัจน์ค่ะที่ว่าภูมิคุ้มกันเด็กเราตอนนี้มีน้อยมาก
ที่ประชุมวันนั้น ก็เห็นพ้องต้องกันว่า เราควรจะเร่งสร้างความรู้เท่าทันสื่อ
ให้กับเด็กและเยาวชนของเราในวันนี้ให้มากขึ้นและกระจายให้ได้มากที่สุด
เพราะทุกวันนี้การใช้อินเทอร์เน็ตก็เหมือนการหัดขับรถเองค่ะ
ไม่รู้จักทั้งมารยาท จริยธรรม และกฎหมาย น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณ Panu
การใช้กฎหมายอย่างเดียว บางครั้งกลายเป็นการบีบให้คนที่ใช้ดีๆ
อาจต้องลงไปใช้วิธีใต้ดิน (คือบางข้อบีบให้คนดีต้องขวนขวายหาทางใช้
ซึ่งบางครั้งก็ไปละเมิดกฏหมายบางอย่าง เนื่องจากกฎหมายมีหลายฉบับ)
การใช้กฎหมายจึงไม่ใช่ทางออกสำหรับทุกวันนี้ ทางออกในวันนี้
(เท่าที่คิดกันได้จากที่ประชุม) คือ เรื่องของจริยธรรมการใช้สื่อค่ะ
เป็นเรื่องนามธรรมที่ทำยาก แต่ถ้าค่อยๆ เปลี่ยนทัศนคติ และร่วมกันทำ
อย่างมีความหวัง นั่นคือสิ่งที่มีพลังจนสามารถเปลี่ยนสังคมได้นะคะ
ทุกคนต้องช่วยกันค่ะ อย่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ใครคนใดคนหนึ่ง