สวัสดีครับ
วันนี้ไปเยี่ยมบ้านปากห้วยยางริมน้ำสิงมาครับ
ความจริงเรามีแผนไปทำงานบ้านม้งดอนใหม่ต่อจากวันก่อน แต่เมื่อไปถึงพบว่าพวกเราถูกตัดหน้าไปด้วยคณะพรรคเมืองเรียกประชุมชาวบ้านเพื่อ “ลงเวียกพื้นฐาน” นี่เป็นเรื่องปกติที่มักพบเจอในการทำงานที่นี่ครับ หลายครั้งที่เราเข้าไปนัดหมายไว้ก่อน แต่ต้องหลีกทางให้ทีมงานจากรัฐ โดยปกติทางเมืองใช้วิธีฝากหนังสือนัดไปกับชาวบ้านที่มาตลาด หรือนักเรียน บางครั้งก็ไปบ้างไม่ถึงบ้าง
ช่วงนี้ทางอำนาจรัฐพรรคเมือง กำลังลงทำงานในชุมชนครับ แต่ละบ้านใช้เวลาสี่ห้าวัน วันแรกเป็นการอบรมปลุกระดมแนวคิดทางการเมือง การระดมกำลังแรงงานให้ดุหมั่นเวียกงานการผลิต สองสามวันต่อมาเป็นการเก็บกำข้อมูลรายละเอียด พื้นที่ไร่นาเรือกสวนงัวควายช้างม้า รายได้รายจ่าย อันนี้พบว่าพนักงานเขาร่วมกับคณะจัดตั้งบ้านลงสำรวจรายละเอียดดีมากๆ (ไม่เหมือนการทำจปฐ. หรือกชช ๒ค. ของประเทศสารขันธ์สมัยก่อน ที่ผู้ใหญ่บ้านแปลว่า กชช. คือ กูกับผู้ช่วยฯ) ส่วนวันสุดท้ายเป็นการคัดเลือกผู้นำหมู่บ้าน หรือคณะจัดตั้งบ้าน ซึ่งคนที่จะสามารถได้รับการคัดเลือกต้องเป็นสมาชิกพรรคเท่านั้น ในหมู่บ้านหนึ่งๆมีคนที่เป็นสมาชิกพรรคห้าหกคน ในการลงเวียกพื้นฐานพนักงานก็จะซาวเสียงดูว่าชาวบ้านชอบใคร แล้วจะพิจารณาคัดเลือกคนกลุ่มนั้นขึ้นมาเสนอให้ชาวบ้าน “ป่อนบัตร”เลือกตั้งว่าจะเอาใครเป็นนายบ้าน คนที่ได้คะแนนรองลงมาก็เป็นรองฯไป เขาจะทำอย่างนี้สามปีต่อครั้งครับ
เอาเป็นว่าผมต้องหลีกไปทำงานบ้านปากห้วยยางแทนด้วยเหตุนี้ครับ ที่บ้านปากห้วยยางผมได้ข่าวว่ามีชาวไทดำอาศัยอยู่ห้าครอบครัว ปนกับพี่น้องส่วนใหญ่ที่เป็นชาวขะมุ ผมอาศัยเวลาหลังกินข้าวกลางวัน แวะไปคุยกับพี่น้องไทดำ ได้ความรู้ใหม่ๆมาเล่าสู่กันฟังดั่งนี้ครับ
พี่น้องไทดำที่หงสาไม่เคยไปวัดไม่ไหว้พระ พ่อเฒ่าบอกว่าเป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ใดแล้ว พวกท่านนับถือผีปู่ตาผีเรือน หากจะทำบุญก็เลี้ยงผี “ทานพาข้าวกลางเรือน” พ่อเฒ่าเล่าว่า ชาวไทดำถือว่า “อยู่เฉยๆก็ได้บุญแล้ว” เพราะ
“กาลครั้งหนึ่ง มีพระพุทธรูปตกน้ำจมไปคนหลายเผ่าหลายคนพากันไปงมก็ไม่ได้ แต่มีบรรพบุรุษชาวไทดำเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถงมขึ้นมาได้ ดังนั้นไทดำจึงได้อานิสงค์ได้บุญแล้ว คนลาว คนลื้อมาทีหลังอยากได้บุญก็ต้องหมั่นไปวัด” นี่เป็นนิทานหรือคติควมเชื่อของชาวไทดำครับ พ่อเฒ่ายังเล่าว่า “เพื่อนพ่อเฒ่าเป็นคนรวยอยากเข้าฮีตลาวอยากทำบุญกับพระกับวัดก็ไปกินไปทานที่วัดในเมืองหงสา ต่อมาปรากฏว่าครอบครัวของผู้นั้นจนลงๆ ลูกหลานล้มตายจนไม่มีผู้สืบสกุล” นี่ก็เป็นอีกความเชื่อหนึ่งที่น่าสนใจครับ
ความจริงชาวเผ่าไทเรานับถือผีมาก่อน หมู่ไทน้อยไทใหญ่เริ่มนับถือพระมาภายหลังโดยรับมาจากอาณาจักรทวาราวดี แล้วต่อๆกันไป เช่นชาวลื้อ ชาวเขินรับจากล้านนาอีกที ชาวไทที่แยกออกไปก่อน เช่น ไทดำที่แยกจากสิบสองจุไท เดียนเบียนฟู จึงสืบต่อการนับถือผีสืบต่อมาครับ
ขออนุญาตแลกเปลี่ยนเพียงเท่านี้ก่อนครับ ไฟฟ้าจะมอดภายในห้านาทีนี้แล้วครับ
เป็นควมฮู้ที่น่าสนใจจริงๆ...ผมก็สนใจเรื่องไทดำอยู่ที่เดียว
สวัสดีครับคุณเป ลี่ ยน
ความเชื่อที่ฝังรากลึกจนเป็นจิตวิญญาณน่ากลัวมากครับ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ
ผมเพิ่งรู้จากบันทึกนี้นะครับ
ว่ามีก่รนับถือผีด้วยเป็นความเชื่อที่แปลกดีนะครับ
มิถุนายนนี้จะไปเยี่ยมยามที่หงสา เป็นไปได้ไหมครับ
อยากไปพักตัวเองสักเดือน อิอิ
ประมาณระหว่างวันที่ 29-1 2 3 อาจจะมีการประชุม Kick Off meeting `เลยแจ้งให้ทราบนะเปลี่ยน
ประมาณระหว่างวันที่ 29-1 2 3 อาจจะมีการประชุม Kick Off meeting `เลยแจ้งให้ทราบนะเปลี่ยน
สุข สดชื่น สมหวัง ปีใหม่สงกรานต์ แข็งแรงๆครับ
สวัสดีครับผม
ขอบพระคุณทุกๆท่านที่แวะเข้ามาฝากความคิดความเห็น ฝากข่าวสาร ฝากคำพรชัยวันปี๋ใหม่ครับ
ขอบคุณรวมไปถึงท่านผู้แวะเข้ามาอ่านแบบไร้หลักฐานด้วยครับ
ขอปั๋นปอนปี๋ใหม่ให้ กู้คู้กู้คนสุขะพาบแข็งแฮง อายุหมั้นยืนยาวร้อยซาวขวบข้าวเน้อ