สวัสดีจากเมืองหงสาครับ
วันนี้ไปเยี่ยมชุมชนบ้านห้วยเยออีกครั้งครับ บ้านห้วยเยอเป็นชุมชนเล็กๆของชาวขะมุ ที่ผมไปเยี่ยมเยียนเมื่อไรก็พบเจอเรื่องราวน่าประทับใจที่เป็นอัตลักษณ์ของชาวขะมุให้พบเห็นและนำมาเล่าสู่กันฟังแทบทุกครั้ง วันนี้มีสองเรื่องที่น่าสนใจครับ
เมื่อแรกเข้าไปถึง รถหยุดที่บ้านนายบ้านเหมือนที่เคยทำเป็นปกติ คนลาวเรียกว่า “ไปให้ลามาให้คอบ(แจ้ง หรือบอกกล่าว)” แต่บ้านนายบ้านวันนี้เงียบเชียบไม่เห็นผู้คน สักครู่ใหญ่เห็นรองนายบ้านวิ่งมาเชิญไปที่บ้านพร้อมแจ้งว่านายบ้าน “คาเวียก = ติดงาน” อยู่ในป่า ขอเชิญเจ้านายไป “เฮดเวียก”ที่บ้านเขา
ระหว่างทางขึ้นเนินไปบ้านรองนายเราผ่านบ้านผู้เฒ่าแนวโฮม (ตำแหน่งผู้อาวุโสประจำหมู่บ้านที่ได้รับเลือกให้สังกัดพรรคฯโดยมากจะเป็นนายบ้านเก่าที่หมดวาระ) ที่บ้านผู้เฒ่าแนวโฮมบ้านห้วยเยอวันนี้คึกคักเป็นพิเศษ แต่น่าแปลกใจที่คณะของเราไม่ได้ถูกเชื้อเชิญให้แวะร่วมงาน รองนายบ้านเล่าว่าเขากำลัง “เฮดฮีต”กันอยู่ (เข้าใจว่าต้องเป็นพิธีกรรมที่เขาทำกันเฉพาะภายในแน่ๆ) สอบถามท่านแนวลาวสร้างชาติที่เป็นหัวหน้าคณะไปด้วยกัน โชคดีที่ท่านเป็นชาวขะมุ เลยได้รับข้อมูลที่ชัดแจ้งว่า เป็นขั้นตอนหนึ่งของพิธีแต่งงานนั่นเอง พร้อมกันนั้นผมก็อาศัยความกลมกลืนของรูปร่างหน้าตาแทรกตัวในหมู่พี่น้องชาวขะมุ และได้สังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดแล้วนำมาขอคำอธิบายจากท่าน “จันไตย” สหายแนวลาวสร้างชาติภายหลัง
อ้ายจันไตยอธิบายว่าเป็นวัน “พาสะใภ้กลับมาเยี่ยมพ่อตาแม่ยาย” กล่าวคือคู่สมรสนี้แต่งงานแล้วพาเจ้าสาวออกไปอยู่บ้านเจ้าบ่าวเลย พอได้สองสามวันจึงพากันกลับมาเยี่ยมบ้านของเจ้าสาวซึ่งก็อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันนั่นเอง ผมเห็นคู่แต่งงานใหม่ไหว้คาราวะพ่อแม่ฝ่ายภรรยาด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ ฝ่ายพ่อแม่ก็ให้โอวาท และแบ่งปันทรัพย์สินวัวควายให้ไปตั้งตัว “เรียกเงิน/ทรัพย์สร้างตัว” เปรียบไปแล้ว ก็เหมือนกับการ “สมมา” “รับไหว้” “ยกน้ำชา” ของพี่น้องทางภาคอีสาน ภาคกลาง และพี่น้องเชื้อสายจีนนั่นเอง
แต่ที่ผมเห็นแตกต่างออกไปก็คือ ผมเห็นเขาให้คนวัยหนุ่มสาวสองคนนั่งบนเก้าอี้ แล้วให้คู่แต่งงานใหม่ถือดอกไม้ธูปเทียนไหว้ตั้งแต่เท้าของทั้งคู่ขึ้นไปจนถึงศีรษะ ท่านจันไตยได้อธิบายว่า เป็นการขอขมา ต่อพี่ชาย พี่สาวของเจ้าสาว ที่น้องสาวออกเรือนก่อนพี่ทั้งสองคน ในหมู่ชาวขะมุเขาถือกันว่าหากน้องแต่งงานก่อนจะทำให้พี่ไม่ได้ออกเรือน
พาข้าวชาวขะมุบ้านห้วยเยอ
เรื่องที่ประทับใจอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือ ผมไปพบครอบครัวหนุ่มสาวนักพัฒนาชุมชน ที่เรียนจบแล้วมาแฝงตัวอยู่ในหมู่บ้าน ทั้งคู่เป็นชาวหลวงพระบาง ได้รับงบประมาณจากรัฐให้มาประจำในชุมชน มิน่าไปห้วยเยอคราวนี้ผมเห็นความสะอาดสะอ้านผิดหูผิดตา มีป้ายรนณรงค์รักษาความสะอาด มีถังขยะ มีห้องน้ำครบ มีแผนการพัฒนาหมู่บ้านขึ้นป้ายไว้ที่บ้านผู้นำ มีการเพาะปลูกพืชใหม่ๆ เห็นแล้วผมอดชื่นชมน้องนักพัฒนาทั้งสองไม่ได้ อดชื่นชมรัฐบาลลาวไม่ได้ เมื่อไรหนอ ที่รัฐบาลพี่ไทยจะจัดงบจ้างนักพัฒนาไปประจำหมู่บ้านท้องถิ่นที่ห่างไกลอย่างนี้บ้าง ผมอดคิดถึงเพื่อนกุ้ยกับครอบครัว(เจ้าคมเคียว กับเจ้าขวัญข้าว)ที่ดงหลวงไม่ได้ และผมก็นึกถึงน้องสาวทั้งหลายของอินแปง ที่ทั้งหมดต่างทำงานในชุมชนเช่นเดียวกันนี้ หากแต่ขาดการเหลียวแลจากภาครัฐ ไม่เหมือนน้องชาวลาวทั้งสองคนนี้
วันนี้ผมจากบ้านห้วยเยอมาด้วยอารมณ์สับสนครับ
สวัสดีครับท่านเปลี่ยน