“ โรงเรียนชาวนา
มูลนิธิข้าวขวัญ
ค้นพบเทคนิคการควบคุมวัชพืชในนาข้าวแบบหว่าน นำตรม
โดยการไม่ใช้สารเคมี”
เก็บปัญหามาแก้ไข
โรงเรียนชาวนาของมูลนิธิข้าวขวัญ
ซึ่งเปิดทำการสอนกับเกษตรกร เพื่อให้เกษตรกร ลด ละ เลิก
การใช้สารเคมีในการเกษตร
ลดต้นทุนการผลิต เกษตรกรมีรายได้เพิ่ม
ลดหนี้สิน และสามารถพึ่งพาตนเองได้
หลักสูตรที่ใช้มี 3 หลักสูตร ได้แก่
หลักสูตรแรกเรียนเรื่องการจัดการศัตรูพืชโดยระบบชีววีธี
หลักสูตรนี้นักเรียนชาวนาเขาได้เรียนรู้ถึง
พิษภัยและอันตรายของสารเคมีที่ใช้ในการเกษตร
เทคนิคและความรู้ที่นักเรียนชาวนาจะต้องเรียนรู้ได้แก่พืชสมุนไพรที่มีอยู่ในท้องถิ่น
เพื่อนำมาใช้ทดแทนสารเคมีที่เคยใช้
ร่วมทั้งการเรียนรู้ถึงระบบนิเวศน์
ประเภทและชนิดของแมลงที่อยู่ในแปลงนา
ปล่อยให้แมลงในแปลงนาควบคุมกันเอง
หลักสูตรที่สองการปรับปรุงบำรุงดิน
นักเรียนชาวนาได้เรียนรู้ถึง ประโยนช์ของอินทรียวัตถุ
ที่มีในท้องถิ่น
เริ่มที่การไม่ทำลายอินทรียวัตถุไม่เผาฟาง
ใช้จุลินทรีย์ น้ำหมักฮอร์โมนสูตรต่าง ๆ
ใช้ลาดและฉีดพ่นแปลงนา
ส่วนหลักสูตรที่สามนั้น
เรื่องการพัฒนาพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับระบบเกษตรกรรมยั่งยืน
ในหลักสูตรนี้นักเรียนชาวนาได้เรียนรู้ถึงการคัดเลือกและการเพาะปลูกข้าวจากข้าวกล้อง
เพื่อนำไปปลูกเป็นข้าวพันธุ์ต่อไป
ในหลักสูตรนี้นักเรียนชาวนาได้เรียนรู้ถึงวิธีการผสมพันธุ์ข้าว
เพื่อการพัฒนาข้าวให้ได้ข้าวสายพันธุ์ใหม่ตามที่ต้องการ
การพัฒนาพันธุ์ข้าวนั้นเป้าหมายเพื่อว่าเมื่อมีข้าวสายพันธุ์ที่ดีที่ไม่ตอบสนองต่อปุ๋ยเคมี
มีความต้านทานโรคแมลง
และเป็นพันธุ์ที่คุณภาพดี
จากหลักสูตรโรงเรียนชาวนาของมูลนิธิข้าวขวัญ
ดูเหมือนว่าไม่มีสารเคมีในเส้นทางการทำนา
แต่รูปแบบและวิธีการทำนาที่ต้องทำนาแบบหว่านน้ำตรมนั้น
ทำให้เกษตรกรต้องพึ่งพาสารกำจัดวัชพืชอยู่
การทำนาที่ไม่ใช้สารกำกัดวัชพืชนั้นมีอยู่วิธีเดียวคือการทำนาดำ
ซึ่งเป็นวิธีกรทำนาที่เคยทำมาในสมัยก่อน ที่อาศัยน้ำฝน
ใช้แรงงานการเตรียมดินจากควาย
ใช้แรงงานการปักดำจากสมาชิกในครอบครัวเพราะคนในสมัยนั้นอยู่กันแบบครอบครัวใหญ่และมีลูกมาก
ต่างกับสมัยทุกวันนี้
การทำนาต้องรีบทำให้ทันกับการส่งน้ำมาของระบบชลประทาน
พันธุ์ข้าวก็เปลี่ยนจากข้าวนาปีมาเป็นข้าวนาปรัง
แรงงานการเตรียมดินใช้รถไถสามารถเตรียมได้วันละหลายไร่
แรงงานในครอบครัวที่จะทำนามีน้อย
รูปแบบการทำนาจึงเปลี่ยนมาเป็นการทำนาแบบหว่านน้ำตรม
ซึ่งจะต้องใช้สารกำจัดวัชพืช
สารเคมีกำจัดหญ้า
สารเคมีกำจัดวัชพืชที่เกษตรกรใช้มี อยู่ 2 แบบ
คือแบบคุมการงอกของเมล็ดหญ้า
เกษตรกรจะฉีดพ่นหลังจากหว่านข้าว 2-3
วันต้นข้าวงอกแล้ว
สารเคมีชนิดทำหน้าที่คลุมที่ผิวหน้าของดิน
ทำให้เมล็ดวัชพืชไม่สามารถงอกได้
แต่ฤทธิ์ของสารคุมหญ้าจะอยู่ได้ไม่นาน ประมาณ 4-5 วัน
ก็จะหมดฤทธิ์ หรือถ้าหากแปลงนาแห้งมากดินในแปลงนาแตกระแหง
มีร่องดินแตกเมล็ดหญ้าจะงอกขึ้นมาได้
และถ้าหากมีฝนตกหลังฉีดพ่นสารเคมี
หญ้าจะขึ้นมาได้
ส่วนการกำจัดหญ้าแบบที่สองนั้นเกษตรกรจะใช้แบบคุมและฆ่าหญ้า
สูตรนี้จะทำหน้าที่คุมเมล็ดหญ้าไม่ให้งอกและทำหน้าที่ฆ่าต้นหญ้าที่งอกแล้วให้ตาย
เกษตรกรจะทำการฉีดพ่นเมื่อข้าวอายุประมาณ 5-7
วัน
สารเคมีคุมและฆ่านี้จะมีผลหลังจากฉีดพ่นต้นหญ้าที่งอกแล้วใบจะไหม้และตาย
และมีผลกับต้นข้าวเช่นกันเพราะจะทำให้ปลายใบของข้าวไหม้
ต้นข้าวจะเหลือง
ปี |
สารฆ่าแมลง |
สารฆ่ารา |
สารฆ่าวัชพืช |
สารกลุ่มอื่นๆ |
รวม |
|||||
|
ปริมาณ (ตัน) |
มูลค่า(ล้านบาท) |
ปริมาณ (ตัน) |
มูลค่า (ล้านบาท) |
ปริมาณ (ตัน) |
มูลค่า (ล้านบาท) |
ปริมาณ (ตัน) |
มูลค่า (ล้านบาท) |
ปริมาณ (ตัน) |
มูลค่า (ล้านบาท) |
2520 |
2,806 |
345 |
1,131 |
59 |
2,874 |
170 |
44 |
7 |
8,832 |
581 |
2525 |
2,890 |
673 |
1,683 |
132 |
2,983 |
461 |
94 |
23 |
7,650 |
1289 |
2530 |
5,881 |
806 |
4,530 |
288 |
3,967 |
570 |
247 |
88 |
14,625 |
1,752 |
2535 |
6,098 |
1,425 |
3,513 |
441 |
8,450 |
1,707 |
418 |
208 |
18,479 |
3,781 |
2540 |
7,526 |
2,095 |
4,588 |
817 |
14,403 |
3,285 |
610 |
201 |
27,127 |
6,398 |
2543 |
6,875 |
2,000 |
4,931 |
1119 |
17,506 |
3,841 |
2,140 |
323 |
31,452 |
7,283 |
สารฆ่าวัชพืช |
ปริมาณ(ตัน) |
มูลค่า (ล้านบาท) |
Glyphosate |
6,772 |
1,185 |
2,4-D |
3,248 |
311 |
Atrazine |
979 |
153 |
Paraquat |
875 |
383 |
Butachlor |
804 |
94 |
Diuron |
481 |
125 |
Alachlor |
434 |
45 |
Propanil |
434 |
86 |
Butachlor + propanil |
358 |
87 |
Thiobencarb |
333 |
62 |
โปรดติดตามต่อ ในตอนหน้า ว่านักเรียนชาวนา เขามีเทคนิค และเรียนรู้อย่างไรจึงจะแก้ไขการควบคุมวัชพืชโดยไม่ใช้สารเคมี
ช่วยส่งข้อมูลเกี่ยวกับ (นาดำกับนาหว่านแบบไหนดีกว่ากันให้หน่อยครับ และการใช้ปุ๋ยที่มีการเปรียบเทียบ) ด้วยนะครับ อยากได้จัง [email protected]
การทำนา แบบดำกับหว่านนั้น การที่จะเลือกทำนาแบบไหนนั้นมีปัจจัยเรื่องน้ำเป็นหลัก รวมทั้งสถาพพื้นที่ การทำแบบหว่านและแบบดำนั้นมีข้อดีและข้อเสียที่ต่างกัน
แต่ถ้าหากต้องการทำแบบอินทรีย์ นั้นแนะนำแบบวิธีดำ เนื่องจากวิธีดำนั้นไม่ต้องใช้สารกำจัดวัชพืช และยังสามารถควบคุมเรื่องข้าววัชชพืชหรือข้าวดีดได้ด้วย
ส่วนเรื่องการใช้ปุ๋ยนั้น มูลนิธิข้าวขวัญไม่ได้ศึกษาด้านปุ๋ยเคมี เราทำเกษตรอินทรีย์ เรื่องการปรับปรุงบำรุงนั้นเราใช้วิธีการหมักฟางทีนาเป็นหลัก และฉีดพ่นน้ำหมักให้ต้นข้าวแทนการใส่ปุ๋ย ซึ่งเราจะฉีดน้ำหมักพืชและสัตว์ ทุก 20 วัน