ภัยใกล้ตัวในรั้ว มน. : โชคร้าย หรือ ประมาท


       บันทึกเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ผู้เขียนเองอยากให้ทุกๆคนที่ อยู่ในมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เข้ามาอ่านและระมัดระวังตนเอง จากภัยใกล้ๆ ตัว ที่บางทีเราอาจจะนึกไม่ถึง เรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นกับเพื่อนผม เมื่อวัน ศุกร์ ที่ 28 มีนาคม 2551 ที่ผ่านมานี่เองครับ

       เพื่อนผมเป็นครู และได้ใช้ช่วงเวลาปิดเทอม มาเรียนต่อปริญญาโท เพื่อที่จะพัฒนาตนเอง นำความรู้ที่ได้กลับไปสั่งสอนลูกศิษย์ ให้มีความรู้ความสามารถ และมีจิตใจเป็นมนุษย์ ที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เธอจึงเลือกที่จะมาเรียนที่มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นสถาบันที่ได้เคยสร้างเธอให้เป็นครูอย่างที่เธอฝันไว้ และเป็นสถาบันที่ได้มอบจิตวิญญาณของความเป็นครูให้เธอมาแล้ว จึงไม่มีเหตุผลอื่นใดที่เธอจะไม่มาเรียนที่นี่

     เป็นปรกติที่ทุกวัน (ของคนรักสุขภาพ) หลังเลิกเรียน ในช่วงเย็นที่แดดร่มลมตก เธอก็จะไปวิ่งออกกำลงกาย ซึ่งสถานที่ ที่ชาวมหาวิทยาลัยนเรศวรทุกคนชอบไปวิ่งมากที่สุด คงหนีไม่พ้นบริเวณ รอบสระน้ำหอพระเทพรัตน์ (ติดกับลานสมเด็จฯ) วันนี้ก็เช่นเดียวกันเพื่อนผมก็จะไปวิ่งที่นั่น แต่เนื่องจากวันศุกร์ เธอเลิกเรียนก่อนมาก จึงเอางานมานั่งทำระหว่างที่รอให้อากาศเย็นลง ที่บริเวณหอสมุด

     พอแดดร่มลมตกดีแล้วเพื่อนผม ก็เก็บอุปกรณ์ที่นำมาด้วยเก็บไว้ได้เบาะรถมอเตอร์ไซค์ (บริเวณช่องสำหรับเก็บหมวกกันน็อค) ซึ่งประกอบไปด้วย MP3, MP4, โทรศัพท์มือถือ, กระเป๋าสตางค์, Talking Dict จากนั้นก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปจอดบริเวณริมถนนด้านหน้าลานสมเด็จ ซึ่งเวลานั้นก็มีทั้งนิสิต และอาจารย์ที่มากราบสักการะองค์สมเด็จ และพักผ่อน ซึ่งเป็นภาพที่ชาวมหาวิทยาลัยนเรศวรจะเห็นจนชินตา หลังจากที่เธอจอดรถเสร็จ ก็ไปกราบสมเด็จฯ จากนั้นก็ไปวิ่งต่อที่บริเวณรอบสระน้ำ ผ่านไปประมาณ 1 ชัวโมงเธอก็กลับมาที่รถ

                                        !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    สิ่งที่คาดไม่ถึงก็ได้เกิดขึ้น รถโดนงัดเบาะ สิ่งของทุกอย่างที่เธอใส่ไว้ไม่เหลือให้เห็น เธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูก สิ่งแรกที่นึกได้คือต้องไปแจ้งความ ซึ่งที่ใกล้ที่สุดคือสถานีตำรวจ ตรงประตู 5 เธอไปแจ้งความด้วยสีหน้าตื่นตระหนก กังวล คิดไปต่างๆนาๆ แต่ตำรวจ ที่รับเรื่องกลับพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (หรือมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ จนเป็นเรื่องปรกติ) พอเธอบอกว่ามีบัตรข้าราชการหายไปด้วย จึงมีปฏิกิริยาให้เห็นว่าเอาใจใส่ขึ้นมาบ้าง (นี่ถ้าเป็นนิสิต หรือคนธรรมดาทั่วไป ผมไม่อยากจะคิด) ซึ่งความรู้สึกของเพื่อนนั้น ผมเข้าใจได้ดี (หลังจากที่รถตัวเองถูกขโมยไป... ) ถ้ามีใครสักคนที่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้คงจะบอกความรู้สึกได้ดีว่าเป็นอย่างไร

     สถานที่ที่ทุกคนคาดไม่ถึง ลานสมเด็จฯ ที่นั่นเป็นสถานที่ทุกคนให้ความเคารพนับถือ ในช่วงเย็นจึงมีหลายคนที่มาพักผ่อนกันบริเวณนี้ จึงไม่น่าจะมีคนกล้า กล้าที่จะทำในสิ่งที่ผิด สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น นี่คงเป็นโจทย์ข้อใหญ่ที่ต้องนำกลับมาคิดว่าพวกเราจะทำอย่างไรกันดี ที่จะให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยเรา น้อยที่สุด จะให้มหาวิทยาลัยติดกล้องวงจรปิดโดยรอบ คงเป็นไปไม่ได้!!

    รปภ. นอกจากจะมีประจำตึกต่างๆ แล้ว ถ้ามีสายตรวจคอยตรวจตราบ้าง ก็คงจะดี ไม่น้อย แต่คนที่จะช่วยกันได้มากที่สุดก็คือพวกเราด้วยกันเอง ถ้าพบเห็นเหตุการณ์ที่ผิดปรกติ ต้องช่วยกันแจ้ง รปภ. อย่าเห็นว่าไม่ใช่เรื่องของตน ถ้าวันหนึ่งเป็นเราที่โดนเหตุการณ์ แบบนี้บ้างคงจะรู้สึกเสียใจไม่น้อย

    สุดท้ายฝากเป็นข้อคิด เมื่อก่อนถ้าใครอยู่มหาวิทยาลัยนเรศวรมานาน จะรู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น จนทำให้มีสถานีตำรวจ มาตั้งที่มหาวิทยาลัย วันนั้นเราชาวมหาวิทยาลัยนเรศวรอุ่นใจ หายกังวลไปได้เยอะ จนมาถึงปัจจุบัน ความรู้สึกเหล่านั้นของเรายังเหลืออยู่หรือเปล่า มีเพิ่มขึ้นบ้างไหม??  หรือลดลงมากแค่ไหน??

     เหตุการณ์นี้ผมคิดว่าไม่ใช่รายแรก ที่เกิดขึ้น และคงไม่ใช่รายสุดท้าย แต่สิ่งที่ยังอยู่ก็คือ คนที่เราเรียกว่า "โจร" ยังลอยนวล อยู่  ตราบใดที่เรายังจับไม่ได้ มันต้องเกิดขึ้นอีกแน่นอน ดังนั้นต้องระวังทรัพย์สินของตัวเราเองและคนรอบข้างให้ดีที่สุด ช่วยกันนะครับ เพื่อความสงบสุขของพวกเราทุกคนในมหาวิทยาลัยนเรศวร

..........................................................................................................................

 

  

หมายเลขบันทึก: 174013เขียนเมื่อ 29 มีนาคม 2008 13:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:21 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
  • น้องสาทิตย์ มน. เกิดเหตุอย่างนี้ ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก เราคงช่วยการสอดส่อง และระวังกันเป็นพิเศษ  เนาะ
  • ก็ควรมีสายตรวจ นะคะ พี่เห็นด้วย
  • ขอบคุณสำหรับบันทึกนี้ ช่วยเตือน ร่วมด้วยช่วยกัน นะคะ

ตอนเย็นยังหายขนาดนี้ ตอนกลางคืนคงไม่เหลือกระมังครับ

ผมไม่แน่ใจว่าสามารถเช็คตำแหน่งของโทรศัพท์ได้หรือเปล่านะครับ

ลองติดต่อผู้ให้บริการสัญญาณดูนะครับ

จากนี้พวกเราคงต้องช่วยกันสอดส่องเป็นหูเป็นตาอย่างที่เจ้าของ Blog ว่าไว้

แต่อย่างไรก็ตาม Blog นี้ คงช่วยเตือนผู้ที่ตั้งใจเข้ามาอ่านทุกคนว่า

"พึงระมัดระวังสิ่งของของตัวเอง (ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ด้วยแล้ว)

เพราะถ้ามันหายไปแล้วคงหาคนมาช่วยเราได้ยาก

แม้แต่ตำรวจเองยังทำท่าไม่สนใจ ปชช.ขนาดนั้น"

คนร้ายของเห็นหรือทราบพฤติกรรมของเพื่อนคุณ เลยมาดักงัดไปซะงั้น

ปล. ขอบคุณที่นำเรื่องราวดีๆ มาแบ่งปันค่ะ

สวัสดีเจ้าค่ะ พี่สาทิตย์

น้องจิแวะมาเยี่ยมบันทึกเจ้าค่ะ คิคิ สบายดีหรือเปล่าเจ้าค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ

เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ ----> น้องจิ ^_^

  • น่ากลัวมากเรื่องอย่างนี้
  • มันมีคนปะปนกันเยอะ
  • แต่ขอบคุณนะคะ ที่นำมาเล่าเพื่อจะได้ป้องกันตัวเองได้
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท