เมตตามรณะ (Mercy Killing)


สิทธิการตาย ใครที่ควรมีสิทธิ์เลือก

ช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังไว้ทุกข์ให้กับสมเด็จพระพี่นางเธอฯ เพื่อเป็นการไว้อาลัยและร่วมรำลึก พยาบาลจึงอยากบันทึกเรื่องความตาย

         เมื่ออาทิตย์ที่แล้วได้ยินข่าวผู้ป่วยมะเร็งที่ต่างประเทศฟังชื่อประเทศไม่ทัน แต่เป็นประเทศที่ยังไม่มีกฏหมายเรื่องสิทธิการตาย โดยข่าวบอกว่าหญิงวัย50ปีเศษป่วยด้วยโรคมะเร็งบริเวณศีรษะและไม่สามารถรักษาโดยวิธีผ่าตัดได้ ทำให้เธอต้องมีรูปหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัวและทุกข์ทรมานกับโรคร้ายนี้และได้ร้องขอต่อศาลในการยุติชีวิตแต่ศาลไม่อนุญาตนั้น บัดนี้เธอได้เสียชีวิตแล้ว พยาบาลPCUก็พยายามจะหารายละเอียดข่าว ก็มาเจอความคิดเห็นของวัยรุ่นต่อกรณีแบบนี้  รู้สึกน่าสนใจ เดิมเราเคยแต่พูดคุยเรื่องเหล่านี้แต่ในวงผู้ใหญ่ มาฟังความคิดเห็นของเด็กๆบ้างเพื่อเป็นการเพิ่มวิสัยทัศน์เพราะเดิมทีไม่เคยคิดว่าเด็กๆจะสนใจพูดกันเรื่องความตาย แต่พอฟังแล้วแม้เขาจะคุยกันแบบเด็กๆแต่ก็มีสาระน่าสนใจ  พยาบาลพยายามเข้าไปเพื่อขออนุญาตในWeb แต่เขาไม่อนุญาตให้คนที่ไม่ได้ลงทะเบียนเข้าเลยถือโอกาสขออนุญาตผ่านหน้าWebนี้ก็แล้วกัน  โดยข้อความนั้นเผยแพร่เป็นสาธารณะและผู้เขียนก็ไม่ได้มีความประสงค์ร้ายใดๆนอกจากต้องการให้ผู้เกี่ยวข้องมีโอกาสได้รับฟังความเห็นต่อเรื่องนี้มากๆ
                      (ข้อคิดเห็นจากwebboard  คณะวารสารศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์)
กระทู้  "เคยได้ยินประเด็นเรื่องนี้กันบ้างไหม ?  เกี่ยวกับการทำ Mercy killing กับผู้ป่วยต่างๆ เช่นมะเร็งในขั้นสุดท้ายๆ หรือโรคเจ้าชายนิทราที่ต้องนอนอยู่แต่บนเตียงมิได้รับรู้ใดๆหรืออีกหลายต่อหลายโรค ..."  ถ้าเราต้องเจอะกับสถานการณ์แบบนั้น เราจะตัดสินใจอย่างไรกับบุคคลรอบๆข้างตัวเรา หรืออาจรวมถึงหากเราต้องอยู่สภาพแบบนั้น เราอยากเลือกที่จะตาย หรือ เฝ้ารอโอกาส หรือปาฎิหารย์เท่านั้น

"มันก็พูดยาก ในเมื่อปฏิหารย์มักเกิดขึ้นได้เสมอ..." A

"พอถึงตอนนั้นไอ้เจ้าของชีวิตก็พะงาบๆไม่รู้สึกตัวแล้ว
เหลือแต่ญาติโยมที่อยากจะให้ mercy kill เพราะ ค่ารักษาแพงเหลือหลาย...
ข้ออ้างทั้งนั้น...คนตายไปแล้ว แต่คนข้างหลังยังอยู่
ไอ้ตอนที่ยังไม่พะงาบก็ไม่มีใครอยากตายหรอก
มีบ้าง แต่เป็นกี่ % ละ ..ว่าไม่ถึง 1%
จน....เจ็บปวดทรมาณและเป็นอารมณ์ชั่ววูบที่ว่า "..อยากตาย" ผุดขึ้นมาในสมองนั่นแหละ" B

"เมย์คงให้เค้าไปได้กว่า  ไม่อยากให้ทรมาน เพราะในเมื่อเราก็รู้ว่ายังไงเค้าก็ต้องตายอยู่ดี" เมย์

"เราเห็นด้วยกับ mercy killing นะ"Jone Joke

"ความทรมาน มันเจ็บปวดกว่าความตายนะ"มด

"ก็จริงของมดนะ
ก่อนคุณย่าเราจะเสียไปเมื่อปีก่อน ท่านไม่สบาย
ทนเจ็บกับโรคมะเร็งมานานเป็นสิบปี
แรกๆกำลังใจดีมากๆ ทำให้อยู่มาได้อีกตั้งนานหลังจากตรวจพบ
แต่หลังจากต้องเจาะช่องท้องเพื่อเอาลำไส้ออกมาขับถ่ายข้างนอก
กำลังใจต่อให้ดีขนาดไหนมันก็ไม่ไหวแล้ว
พวกเราพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะยื้อให้ท่านมีชีวิตอยู่
แต่สำหรับคนแก่คนนึงที่ต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ
ผ่าตัดซ้ำไปซ้ำมา ไปไหนก็ไม่สะดวก แค่พลิกตัวนอนก็เจ็บแล้ว
เราว่ามันเหมือนการมีชีวิตอยู่ของท่านมันเหมือนเพื่อลูกหลานมากกว่า
พวกเราแค่ต้องการการ "มีอยู่"ของท่าน
ให้เราไว้ไปหาแม้จะนานๆที ให้โทรไปถามไปคุยเมื่อเรามีเวลา
แต่คนที่ต้องอยู่กับความเจ็บปวดตลอดเวลาคือคุณย่าคนเดียว..
ตอนที่คุณย่าเสีย ถามว่าเสียใจมั๊ย? เราเสียใจนะเสียใจมากๆเลย
เพราะพวกเราหลานๆ รักและก็สนิทกับคุณย่ามากๆ
คุณพ่อยิ่งเสียใจที่สุด เพราะเป็นคนตัดสินใจให้ถอดเครื่องช่วยหายใจ
แต่ก็มีอีกแว๊บนึงที่รู้สึกดีใจ... ดีใจว่าคุณย่าไม่ต้องเจ็บแล้ว..
หน้าตอนคุณย่าหลับในงานรดน้ำศพ ดูสงบสบายมากกว่าตอนก่อนหน้านั้นเยอะเลย
เฮ้อ..พูดแล้วก็คิดถึงคุณย่าจัง " oil

"ชีวิต ไม่สิ้นหวัง....
หลายสิบปี ก่อนใครป่วยเป็นโรคไต มีการรักษาเพียงแค่การฟอกไต แต่ตอนนี้ มีสแตมเซลล์ มาให้เลือก
เอดส์เป็นแล้วตายแน่ๆ  แต่มันจะกี่ปีล่ะ ที่เคยได้ยินมาบางคนก็ เป็นสิบปีเลยนะ
วิทยาการทางการแพทย์ เจริญอย่างต่อเนื่อง คนเราควรมีหวังนะ  มีรักย่อมมีหวัง.... "fonfonfon

"เคยอ่านหนังสือเรื่องนี้หลายปีแล้ว แต่ขี้เกียจพิมพ์ copy มาให้อ่านนะ

เรื่องผมขอใช้สิทธิ์ที่จะตาย

การเผชิญหน้าอันแสนเจ็บปวดระหว่างศีลธรรมกับความเป็นมนุษย์
แปลจากหนังสือ Je Vous Demande Le Droit De Mourir หรือ I Ask For The Right To Die

 หลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเดือนกันยายน ปี ค.ศ.2000 แวงซองต์ เอิงแบรต์ ต้องอยู่ในอาการโคม่า                                                                        

เป็นเวลา 9 เดือนและถึงแม้เหตุการณ์จะผ่านมา 3 ปีแล้ว ผลกระทบจากอุบัติเหตุยังคงฟ้องความรุนแรงของมันอยู่ เขาไม่สามารถ                                                         

มองเห็น พูด หรือแม้แต่จะเคลื่อนไหวได้อย่างที่ต้องการได้ แต่เขายังมีสติรับรู้ทุกอย่าง ดังนั้นเขาจึงรู้สึกได้ถึงความทุกข์ทรมาน                                                                    

ความโดดเดี่ยว และการมีชีวิตอยู่อย่างคนไร้ตัวตน

 แวงซองต์ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดและความทุกข์ทั้งหมดที่เขาได้รับ นับตั้งแต่วันที่เขาประสบอุบัติเหตุ
โดยการใช้นิ้วหัวแม่มือในการสื่อสารกับผู้เรียบเรียง ซึ่งเป็นเพื่อนของเขาเนื่องจากเขาเป็นอัมพาต ตาบอด                                                                                                  

 สูญเสียประสาทการรับรู้รสและกลิ่น แต่หูของเขายังใช้การได้ และอาการต่าง ๆ จะไม่ดีไปกว่านี้ เขาจึงไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป เขาเลือกที่จะตาย เขาอยากฆ่าตัวตาย แต่

ไม่สามารถทำได้ และไม่มีใครช่วยให้เขาตายได้ เพราะการฉีดยาหรือให้ยาเพื่อจบชีวิตคนไข้ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายในประเทศฝรั่งเศส เขาจึงตัดสินใจเขียนคำร้องต่อ

ประธานาธิบดีชาร์ค ชีรัก เพื่อให้ท่านช่วยให้เขาได้ตายสมใจ

"ท่านประธานาธิบดี ชีรัก ผมขอสิทธิ์ที่จะตาย...."
แต่ท่านประธานาธิบดีก็ไม่สามารถแก้ไขกฎหมายเพื่อเขาได้ ท่านบอกให้รออีก 6 เดือน แล้วค่อยมาคุยเรื่องนี้กันอีกครั้ง จากจดหมายฉบับนั้น เขากลายเป็นคนดังที่มีเรื่อง

ราวขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในฝรั่งเศส และเป็นที่กล่าวถึงมากในหมู่สาธารณชน บ้างก็อยากให้เขาตายสมใจ บ้างก็อยากให้เขาอดทน เผื่อว่าจะมีทางรักษา แต่

เขาคิดไว้แล้วว่าหากประธานาธิบดีไม่สามารถช่วยเขาได้ แผนสุดท้ายที่พอจะทำได้คือ ให้แม่ช่วย และแม่ของเขาก็ตอบตกลง หลังจากหนังสือเล่มนี้วางแผงได้เพียง 1 วัน

แวงซองต์ เอิงแบรต์ก็จากไปอย่างสงบ ขณะที่แม่ของเขาตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าคนตาย...."Toon

"เออผมก็ฆ่าพี่ผมตาย หลายปีก่อน ผมบอกหมอเองว่า ให้ดึงเอาเครื่องช่วยหายใจออก"High F...

"ไม่ไหวจริงๆ  ทรมานกันมาก  ก็ตายเถอะครับ   ยังไง คนเราก็ต้องตาย  ถ้าเค้าเลือกแล้วที่จะตาย  ก็ตามใจเค้าเถอะครับ"  top40

"ภาพนี้เป็นผลงานการถ่ายของ KEVIN CARTER ช่างภาพสารคดีชาวแอฟริกาใต้
ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกใน นสพ THE NEW YORK TIMES เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ค.ศ.1993
จากภาพนี้ ต่อมาในปี 1994 KEVIN ก็ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ไปครองในสาขา FEATURE PHOTOGRAPHY

27 กรกฎาคม 1994 KEVIN ฆ่าตัวตาย !!

.....................................

ภาพที่เห้นนี้ เป็นภาพของเด็กหญิงชาวซูดานที่กำลังอ่อนแรงใกล้ตาย ในขณะที่กำลังเดินทางไปรับอาหารบริจาคจากแคมป์ UN ซึ่งห่างออกไปเพียง 1 กิโลเมตร .....

ส่วนด้านหลังของเด็กหญิง คือนกแร้ง ที่กำลังรอความตายของเด็กหญิงที่จะกลายเป็นอาหารโอชะในไม่ช้า.... KEVIN ผ่านมาเห็นเข้า ....จึงบันทึกภาพไว้

KEVIN ไล่นกแร้งไป........แล้วเดินจากไป !...........................

หลังจากได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในตัว KEVIN อย่างหนักว่า
     "ทำไมเขาจึงไม่ช่วยเหลือเด็กผู้หญิงคนนั้นเอาไว้" ? !!

หลายคนลงความเห็นว่าสาเหตุที่ช่างภาพรางวัลพูลิตเซอร์คนนี้ฆ่าตัวตาย เกิดจากกระแสวิพากษ์ในประเด็นนี้นี่เอง

เจาะลึกลงไปให้ดีกับคำว่า MERCY KILLING
เด็กหญิงชาวซูดานกระเสือกกระสนที่จะมีชีวิตรอด...ไม่อยากตาย...แต่ความหวังของเธอกลับถูกเพิกเฉยอย่างน่าเศร้า

KEVIN CARTER ช่างภาพที่เมินเฉยกับการช่วยชีวิตคนอื่น จนต่อมา ต้องจบชีวิตตัวเองลงด้วยน้ำมือตนเองเพราะการเมินเฉยชีวิตคนอื่นในครั้งนั้น !

........คุณว่า(จริงๆแล้ว)เรามีสิทธิเลือกที่จะตายได้หรือเปล่า ?......และเราจะเลือกทำอย่างนั้นจากเหตุผลใดกัน ?

บอกตรงๆว่าผมสงสารและเสียใจกับการตายของคนทั้งคู่ไม่น้อยกว่ากัน !

ขอให้ น้ำใจ จงอยู่คู่กับโลกต่อไปตราบนานเท่านาน  
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30 พฤศจิกายน 2007, 03:47:51 PM โดย T*man » 
 
"พ่อเราเลือก    พ่อเราเคยบอกว่าถ้าต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วถึงขั้นที่ต้องมีสายระโยงระยางแทงเข้าแทงออกตามตัว พ่อบอกว่าอย่าให้พ่อต้องไปอยู่ในสภาพนั้นเลย พ่อยอม

ตาย  เราผิดคำพูด เราให้พ่อนอนกับสายพวกนั้นอยู่กว่าสองอาทิตย์ ร่างกายไม่ดีขึ้นเพราะสุขภาพจิตใจแย่ลงเรื่อยๆ
หน้าพ่อทรมาน ลำบากตัว วันที่หมอถามว่าถ้าชีพจรคนไข้ดับไปจะให้ปั๊มหัวใจไหม เราบอกไม่ต้อง เพราะเมื่อพ่อเลือกจะตาย เราต้องเคารพ
เรายืนดูพ่อตายอย่างสงบ เมื่อสายต่างๆหลุดพ้นจากตัวแก หัวใจพ่อค่อยๆเต้นช้าลง แต่หน้าพ่อดูผ่อนคลายสบายใจ จากไปอย่างสบายตัว
เราไม่อยากให้คนรักตาย รั้งไว้ เพื่อเขา หรือเพื่อเรา เพื่อที่เราจะได้ไม่สูญเสีย เพื่อที่เราจะได้ไม่รู้สึกผิดว่าช่วยเขาไม่ได้ เพื่อที่เราจะได้มีชีวิตดีดี
ร่วมกันอีกครั้งเหมือนแต่ก่อน" E

"..ว่าถ้า..อยากตายแล้วหมอไม่ให้..ตาย ..จะฟ้องมัน ข้อหาทรมานร่างกายและจิตใจ..และครอบครัว ..จะเขียนเป็นเอกสารตั้งแต่เริ่มป่วยเลย" dujdao

"ต่อให้เป็นมะเร็ง หรือ เอดส์ ..ก็ขออยู่สร้างความจังไรให้โลกไปพร้อมลมหายใจสุดท้ายของ.."จ่าพริกไทย
หมายเหตุ  ชื่อทุกชื่อเป็นนามแฝง
พยาบาลจะพยายามรวบรวมเพื่อเป็นบทเรียนสำหรับผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายให้ได้เกิดความเข้าใจอันดีทั้งต่อผู้ป่วยและผู้ดูแล

หมายเลขบันทึก: 173400เขียนเมื่อ 27 มีนาคม 2008 14:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 01:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

เกิดมาทุกคนก็ต้องตาย แต่จะตายยังไงก็อีกเรื่องหนึ่ง ทางที่ดีคือหมั่นดูแลรักษาสุขภาพ ไม่ให้ได้เจ็บได้ไข้ ดั่งที่กล่าวไว้ว่า การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ

ปล.ตายด้วยโรคชราดีที่สุดแล้ว

ถ้าพยาบาลเสกได้ก็จะขอให้เหมือนที่คุณ aonjung บันทึก

เห็นด้วยะถ้าผู้ป่วยหมดทางรักษาและช่วยตัวเองไม่ได้พร้อมทั้งต้องทรมนด้วยอาการของโรคต้องรอความตายอ่างเดยว ถ้าเป็นเราคิดว่าการ MERCY KILLING ก็เนทางอกที่ดี้งตัวผู้ป่วยและญาตนะ

ทุกคนมีความตายเป็นสุดท้าย เมื่อเวลานั้นมาถึงไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ แต่หากเลือกได้ขอไปอย่างสงบไม่ทุกข์ทรมานไม่ว่าจะทางกายหรือจิตใจ ไม่ให้ผู้อยู่ข้างหลังต้องเดือดร้อนวุ่นวาย แพทย์พยาบาลช่วยในเรื่องนี้ได้ไม่ควรมีความผิดใดๆไม่ว่าจะทางธรรมหรือทางกฏหมาย

บทความนี้พยาบาลPCU รวบรวมและให้ความเห็นไว้เมื่อกว่าสิบปีก่อน ดีใจที่คุณsuleeluck เข้ามาแลกเปลี่ยน ปัจจุบันศาสตร์ด้านการดูแลผู้ป่วยระยะท้าย( Palliative Care)ในบ้านเราก้าวหน้าไปมาก มีความรู้ มียา มีอุปกรณ์ช่วยหายใจ ช่วยเรื่องการให้ยาระดับต่ำอย่างต่อเนื่องได้ที่บ้าน และอีกหลายๆอย่างที่ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน และสามารถจากไปอย่างสงบ ที่พวกเราเรียกว่า good dead.

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท