ถอดเทปวงเสวนาในงาน "สรุปบทเรียนการจัดการความรู้ 1 ปีและแนวทางการดำเนินงานในอนาคต" ต่อจากเมื่อวานนี้นะคะ (Link เมื่อวาน)
นายณัฐวัตร เตชะสาน
: |
ไม่มีคำถามแต่จะแสดงความรู้สึกก็ได้นะครับ เมื่อกี้ก็มีอยู่ 1
ข้อ อาจารย์ทรงพลคงจำได้ที่อาจารย์บอกว่าจะต้องยิ้มแย้ม
ลักษณะที่ควรจะต้องทำจากการแสดงความรู้สึกเมื่อกี้นี้นะครับ
แต่ในสองวันนี้มันหล่นหายไป รู้สึกเราจะเคร่งเครียดกันเกินไป
มีคำถามอีกสัก 1 หรือ 2 คำถามไหมครับ
หรือแสดงความรู้สึกหลังจากที่เราได้ฟังมุมมองต่าง ๆ
อาจารย์ทั้งสองท่าน ท่านหนึ่งพาเราขึ้นจักรยาน
มีอีกหลายจังหวัดที่ยังไม่ใช้สิทธิ์ อุบลราชธานีจะใช้สิทธิ์ไหมครับ
นครนายกไม่เบา ฝีไม้ลายมือ ผมเรียน อ.ทรงพลนิดหนึ่งครับ
นครนายกเล่นเล็กแต่ลงลึก แต่ทำไมไม่ยอมแสดงความรู้สึกไม่ทราบ
เล่นเล็กอย่างที่อ.ว่า Action แยะครับ มีไหมครับนครนายกเชิญครับ
ความรู้สึกก็ได้นะครับ |
นายมนตรี
เรืองพันธุ์ : |
จริง ๆ แล้วจังหวัดนครนายกทำกันทุกระดับ
โดยทำกับเจ้าหน้าที่ก่อน แล้วปรากฏว่าเรายึดติดกับธารปัญญา
ได้ธารปัญญาออกมา ผมคิดว่าเจ้าหน้าที่ยอมรับตัวเองค่อนข้างน้อย
ไม่ค่อยจะแสดงออกเท่าไหร่นัก และธารที่ออกมาก็แคบ
เมื่อธารแคบก็เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกิดยาก
แล้วนำวิธีการทดลองทำไปทดลองกับกลุ่มเกษตรกร กลุ่มเล็ก ๆ ปรากฏว่า
เมื่อเราไปศึกษาข้อมูลจากกลุ่มเกษตรกรเราได้อะไรมากมายจากตรงนั้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
แลกเปลี่ยนประสบการณ์ เกษตรได้แลกเปลี่ยนกันเยอะมาก ซึ่งเราก็ทำต่อ
โดยผลที่ได้จากการเรียนรู้
ขออนุญาตเล่าให้ฟังว่าเราเอาไปเชื่อมโยงอะไร
เรามีโรงเรียนเกษตรกรอยู่แล้ว
โรงเรียนเกษตรกรเราจะบริหารจัดการโดยใช้เวทีประชาคม
แต่ปัญหาจากเวทีประชาคมไม่ชัดเจน แต่พอเราเอา KM
เข้าไปใช้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรากระตุ้นให้เขาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของแต่ละหมู่บ้าน
แต่ละคน ปรากฎว่าจากกลุ่มปลูกส้มโอที่มีรายได้แตกต่างกันมากตั้งแต่
3,000-70,000 บาท/ต่อไร่ ซึ่งมีความแตกต่างกันสูงมาก
เราก็ตั้งสมมุติฐานไว้ว่า คนที่ได้รายได้น้อย
เป็นเพราะปฏิบัติไม่ถูกต้องเหมือนคนที่มีรายได้มาก
หลังจากนั้นก็เอาคนเหล่านี้มาแยกกลุ่ม
แล้วให้กลุ่มคนเหล่านี้ไประดมความคิดเห็นในส่วนที่ตัวเองปฏิบัติ
เมื่อนำมาเปรียบเทียบจัดเข้าธารจะเห็นได้ว่าธารกว้างมาก ในหลาย ๆ
จุดหลาย ๆ ส่วนพอธารกว้างมาก หลังจากเราข้าทำ KM 3 ครั้ง
เกษตรกรเริ่มเชื่อมโยงกันระหว่างกลุ่ม ระหว่างหมู่บ้าน
คนที่ได้ผลผลิตต่ำเริ่มไปหาคนที่ได้ผลผลิตสูง
ตรงนี้เราคิดว่าเป็นความสำเร็จของโครงการ
ผมคิดว่าสิ่งที่จังหวัดนครนายกทำน่าจะเข้า KM ได้
หลังจากที่ฟัง ๆ มาในวันนี้ น่าจะพอใช้ได้
ขอบคุณครับ |
ดร.ประพนธ์
ผาสุขยืด : |
เราใช้กับชุมชนให้ชุมชนประเมินว่าชุมชนอยู่ในระดับไหน
หรือว่าเราใช้กับหน่วยงานดูสิว่าหน่วยงานอยู่ในระดับไหน 1,2,3,4,5
อันนี้ใช้ได้ แต่ถ้าประเมินรายบุคคลแล้วดูว่าไม่ work
เพราะคน...ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือตัวเจ้าหน้าที่หรือตัวผมเองก็ไม่ประเมินตัวเองว่าระดับ
1,2
ผมก็ยังแปลกใจว่านครนายกประเมินเป็นตัวบุคคลเกษตรกรเลย
เขาก็ยังทำได้แสดงว่าเขาไม่คิดอย่างที่ว่า เขาก็ว่ากันไปเลยตรงนั้น
ไม่คิดอะไรมาก ถ้าท่านฟังจากตัวอย่างที่ผมว่าโรงพยาบาลอะไร
จะเห็นได้ว่าผมไม่เคยพูดถึงตัวบุคคลเลยนะ
เพราะผมพยายามให้เราเห็นศักยภาพของหน่วย
พอเป็นหน่วยเรารู้สึกว่าไม่เสียหน้า
เพราะไม่ใช่เราแต่ถ้านครนายกใช้ได้ก็ไม่เป็นไร
ก็ถือว่าเป็นกรณีที่เราไม่ค่อยเจอกัน
เครื่องมือนี้ไม่เหมาะกับการประเมินตัวบุคคล
ถ้าเป็นยาก็ต้องเขียนข้างขวดว่าไม่ควรใช้ แต่ถ้าใช้ได้ดีก็ใช้ไป
แต่จริง ๆ แล้วไม่สมควรใช้กับตัวบุคคล |
อ.
ทรงพล เจตนาวณิชย์
: |
ก็คงเป็นช่วงของการเรียนรู้ของพวกเรา
ซึ่งผมเองก็เป็นการเรียนรู้ โดยพยายามไปประยุกต์ใช้ KM
กับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย อย่างที่ผมเรียนครับ อบต. สหกรณ์
บางพื้นที่ก็ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานให้เข้าไปสนับสนุนแล้วผมที่พบว่า
เราก็ต้องมีกุศโลบายในการมีวิธีเข้ากลุ่มที่ต่างกัน
บางกลุ่มเป้าหมายเราเอา KM เข้าไปเลยไม่ได้เราไม่สามารถเอา Model
ปลาทูเข้าไปพูดได้เลย แต่เราจะเข้าไปดูในลักษณะที่ว่า
ตอนนี้คุณทำงานอยู่
คุณมีปัญหาอะไรแล้วปัญหาที่คุณพบบ่อยครั้งจากการทำงานคืออะไร
แล้วเราก็พยายามที่จะเริ่มต้นจากตัวปัญหาของเขา
แล้วพยายามพูดในรูปแบบที่ไม่ยึดติดกับศัพท์หรือภาษา
แต่จากความคิดของเราเรารู้ว่าจะคลี่คลายปัญหาได้
ต้องใช้ปัญหาและความรู้เพียงแต่ว่าทำให้เขาชัดเจนว่าความรู้อะไรที่เขาต้องการแล้ว
เราจะช่วยสนับสนุนให้เขาหาความรู้
และจัดการความรู้แล้วให้ความรู้ตัวนั้นเกิดผลความเปลี่ยนที่ชัดเจนไปที่เขาสัมผัสได้อย่างไร
ผมยึดหลักตัวนั้นพอเราเข้าไป
ผมคิดว่าทุกคนทำงานต้องมีปัญหาอยู่แล้วเขาต้องการเพื่อน
เขาต้องการความเป็นเพื่อนช่วยเหลือผมคิดว่าถ้าเราเข้าไปในลักษณะเข้าใจเค้า
แล้วเริ่มคุยจากฐานของเค้าไปใช้ฐานของเราก็ค่อยได้
แล้วบ้างทีเราก็ไม่อาจสามารถเร่งัดหรือเร่งรับได้
เราไม่สามารถเอาเวลามาเป็นข้อจำกัดว่าบางเวลาน่าจะได้
บางเวลาน่าจะไม่ได้อันนี้เป็นประสบการณ์การทำงานกับชุมชน
อย่างที่อาจารย์ประพนธ์ว่าชุมชนกับองค์กรไม่เหมือนกัน
วัฒนธรรมของชุมชนเป็นวัฒนธรรมที่อิสระ วัฒนธรรมที่อยู่ในภาคการเกษตร
วัฒนธรรมที่เขาไม่ดูนาฬิกา
แต่เป็นวัฒนธรรมที่ดูไก่ขันดูพระอาทิตย์หรืออะไรต่าง ๆ
แล้วที่บางท่านบอกว่าบางทีท่านอาจจะหลงทิศหลงทาง แต่จริง ๆ
แล้วผมว่าไม่นะแต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ บริบท เงื่อนไข
เค้าอยู่รู้เค้าอยู่ตรงนี้ รู้จักดีสุด
แล้วเข้ารู้อยู่ว่าเขาจะเข้าประตูไหน
แล้วเมื่อเข้าไปแล้วจะเดินต่อไปสู่จุดหมายปลายทางทางอย่างไร
เพราะปัญหาที่เขาไม่มีประตูเดียว
ถ้าเราไม่มีรูปแบบก็เราจะไม่ยึดติดวิธีการเอาเป้าหมายเป็นตัวตั้ง
เราก็จะมีวิธีการหลาย ๆ วิธีการที่จะไปถึงเป้าหมายนั้น
อันนี้ที่ผมเข้าไปทำงานกับหลาย ๆ
องค์กรที่มีความต่างกันก็จะทำให้สอนผมด้วยว่าไปครั้งนี้ผมพูดแบบนี้ไม่ได้นะ
ผมจะต้องใช้ภาษาอีกภาษาหนึ่งอย่างนี้เป็นต้น
ผมอยากจะกระตุ้นให้พวกเราใช้โอกาสบทเรียนในการเริ่มต้นที่จะไปทำความเข้าใจปูพื้น
เพราะช่วงนี้คือช่วงที่สำคัญ |
นายสุทธิชัย
ยุทธเกษมสันต์ : |
ผมในฐานะตัวแทนของผู้เข้าร่วมสัมมนาขอพูดว่า
พวกเราขอร้อยใจเป็นหนึ่งเดียว ขอบคุณท่านอาจารย์
ผมคิดว่าหาโอกาสที่สำคัญอย่างนี้หายากและผมคิดว่าสิ่งที่จะตอบแทนอาจารย์ได้ดีที่สุด
คือน้ำใจจากพวกเรา ขอให้ทุกท่านมีความสุข
ความเจริญคิดสิ่งใดขอให้สมปรารถนาทุกท่าน ขอคุณครับ |
ไม่มีความเห็น