การใช้นิทานประกอบการสอนภาษาไทย
“ กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว ”
ทุกครั้งที่มีการเริ่มต้นด้วยคำพูดนี้ ทุกคนจะทราบดีว่า จะได้ฟังเรื่องราวสนุก ๆ อีกแล้ว ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ของคนในทุกชาติทุกภาษาต่างพอใจที่จะได้ฟังนิทาน ซึ่งเป็นเรื่องที่เล่าสืบทอดกันมาช้านาน การเล่านิทานจึงเป็นศิลปะและเป็นสื่อที่จะช่วยให้ทุกคนทุกวัยสื่อสารกันได้ โดยปราศจากช่องว่างระหว่างวัย เพราะผู้เล่านิทานสามารถจะเลือกให้เหมาะสมกับผู้ฟังได้ทุกเพศทุกวัย เพราะในปัจจุบันเรื่องที่นำมาเล่ามีทั้งเรื่องที่เป็นมรดกสืบทอดมาแต่โบราณ และเรื่องที่มีผู้แต่งขึ้นใหม่อีกมากมาย
นิทาน หมายถึง “เรื่องที่เล่ากันมา” ฉะนั้นทุกชาติจึงมีเรื่องเล่ากันมาสืบต่อเป็นมรดกของชาติ และมีการถ่ายโยงกันในระหว่างชาติ เช่น ประเทศไทยได้รับอิทธิพลของ “นิทานอีสป” มาใช้เล่าเพื่อแทรกสอดคติธรรมเพราะนิทานอีสปทุกเรื่องเมื่อเล่าจบแล้วจะสรุปลงเป็นภาษิตว่า “นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…” และส่วนใหญ่แล้วในการเล่านิทาน นอกจากจะมีจุดมุ่งหมายเพื่อความสนุกสนานแล้ว ยังมุ่งให้ผู้ฟังได้รับแนวคิดที่สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ด้วย
ศิลปะการใช้นิทานประกอบการสอนภาษาไทย
1. เลือกเรื่องที่เหมาะสมกับบทเรียน คำนึงถึงความสั้นยาวให้เหมาะสมกับเวลา วัย และความต้องการของเด็ก และจุดประสงค์ของครูด้วย
2. เลือกใช้วิธีการนำเสนอนิทานด้วย เทคนิควิธีที่น่าสนใจ
3. ควรให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมในขณะที่ฟัง หรือ เล่าจบแล้ว
การนำนิทานมาใช้ประกอบการสอน ให้ประโยชน์คุ้มค่า ดังนี้
1. ทำให้เด็กสนใจในการเรียน เพราะนิทานจะช่วยเร้าใจให้เกิดความสุข สนุกสนาน
ในการเรียน
2. ทำให้ได้รับรู้และเข้าใจถึงความต้องการของคนอื่น ๆ เพราะนิทานเป็นเรื่องของมนุษย์ แม้ตัวละครจะเป็นสัตว์ แต่ก็มีชีวิต หรือเรื่องราวเช่นเดียวกับมนุษย์
3. การฟังนิทานทำให้เด็กได้มีประสบการณ์ทางภาษาได้ฝึกทักษะทั้ง 4 ในการเรียนภาษาได้อย่างสัมพันธ์กัน คือ ฟัง หรือ อ่าน แล้วแสดงออกด้วย การพูด และเขียน
4. ได้รับคติเตือนใจ สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพราะนิทานมักจะให้แนวคิดในการดำเนินชีวิตตามครรลองที่ถูกต้อง เช่น การคบเพื่อน ความขยันหมั่นเพียร ความโอบอ้อมอารี ความซื่อสัตย์เป็นต้น
จากประโยชน์ดังกล่าวนี้ การนำนิทานมาใช้ประกอบการสอนภาษาไทย จึงเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของครูภาษาไทย ที่จะทำให้การสอนได้ผล มีประสิทธิภาพดังจุดประสงค์ที่ต้องการ
ไม่มีความเห็น