นักการตลาดออนไลน์ ได้คาดการณ์เกี่ยวกับการตลาดบนโลกออนไลน์ในปี 2551 ออกมาครับ ซึ่งครอบคลุมทั้งการทำโฆษณา, วิดีโอโปรโมท, social networks, e-commerce และ เรื่องของความบันเทิงในรูปแบบต่าง ๆ ครับ นักการตลาดออนไลน์ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การทำโฆษณาออนไลน์ จะเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจในสหรัฐได้ ซึ่งจะมีผลในการช่วยให้สหรัฐฝ่าฟันกับพายุเศรษฐกิจที่โหมกระหน่ำอยู่นี้ไปได้ และนอกจากนี้ ยังกล่าวกันอีกด้วยว่า Youtube นี่แหละ จะแสดงผลการตัดสินสำหรับการเลือกตั้งได้
มาดูกันคร่าว ๆ ก่อนครับว่า 10 คำทำนาย ฟันธง การตลาดออนไลน์ปี 2008 มีอะไรกันบ้าง
1. โฆษณาออนไลน์ยังจะกลับคึกคักมากกว่าปี 2007 แน่นอน
2. การตลาดด้วยการทำวิดีโอนั้นก็จะมีอัตราการใช้งาน พอ ๆ กับปี 2007
3. การโฆษณาใน Social-network จะมีมูลค่าขึ้นไปถึง 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้
4. MySpace กับ Facebook จะมี network ที่ใหญ่สองเจ้าต้น ๆ ที่นักการตลาดควรให้ความสำคัญ ถ้าหากจะทำการตลาดผ่าน Social Network
5. Youtube จะสามารถมีพลังเพียงพอที่จะสามารถวัดเรื่องการเลือกตั้งได้เลยทีเดียว
6. การแข่งขันโอลิมปิกที่ปักกิ่ง จะเป็นตัวทำให้เม็ดเงินไหลเวียนในการทำโฆษณามากขึ้น
7. การซื้อของออนไลน์, แต่ไปรับของที่ร้าน จะกลายมาเป็น ความคาดหวังอย่างใหม่ในการซื้อของ? เพราะว่าลูกค้าต้องการประหยัดค่าขนส่ง
8. การดาวน์โหลดหนังมาดู จะได้รับความนิยมที่มากขึ้น
9. การทำตลาดเรื่องเพลงจะมีการปรับตัว และ จะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำธุรกิจไปจากเดิม และหันมาสู่โลกออนไลน์กันมากขึ้น
10.โฆษณาที่สามารถโต้ตอบกับผู้ชมได้จะได้รับความนิยมสูงกว่าโฆษณาแบบเดิม ๆ
Online Ad Spending : การใช้จ่ายสำหรับโฆษณา ออนไลน์
การใช้เงินในการทำโฆษณาออนไลน์ของสหรัฐอเมริกาจะมียอดการใช้จ่ายที่สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่าน ๆมา ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงขาลงก็ตาม ด้วยการต้องใช้เงินให้รัดกุมมากขึ้น ดังนั้นนักการตลาดจะหันมาสู่การโฆษณาออนไลน์มากขึ้น เพราะว่าการทำโฆษณาออนไลน์นั้นนักการตลาดสามารถทำการวัดผลของการทำโฆษณาที่ชัดเจนมากขึ้นกว่าการโฆษณารูปแบบเดิม ๆ นั่นเอง
การทำโฆษณาออนไลน์ด้วยวิดีโอ
การขยายตัวของการทำโฆษณาออนไลน์ด้วย วิดีโอนั้นคาดการณ์กันว่าจะเพิ่มขึ้นไม่เกิน 74% ในปี 2008 (ลดลงจากปี 2007 ซึ่งอยู่ที่ 89%) ซึ่งคิดเป็นเงินประมาณ 1.35 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ในปี 2008 วิดีโอออนไลน์ จะเพิ่มขึ้น ทั้งจากผู้ที่เป็นมืออาชีพ เช่นเครือข่ายของสถานีโทรทัศน์ และ จากบุคคลทั่วไปเว็บสำหรับดู Video ออนไลน์ เช่น Google, Microsoft และเครือข่ายสถานีโทรทัศน์ ทั้งหลาย จะเสริมทัพของตนเองด้วยการเสนอซื้อบริษัทเล็ก ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้เพื่อควบรวมกิจการอย่างไรก็ตาม เม็ดเงินที่จะลงมาให้การทำวิดีโอจะยังคงเป็นแค่เสี้ยวเล็ก ๆ เมื่อเทียบกับตลาดโดยรวมของการโฆษณาออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา
การทำโฆษณาด้วย Social-Network
ยอดการใช้จ่ายในการโฆษณาบน Social-Network ในสหรัฐอเมริกาจะไต่ขึ้นไปสู่ระดับที่ 1.6 พันล้านเหรียญในปี 2008 นี้ จากเดิม 920 ล้านเหรียญในปี 2007 ซึ่งนั่นหมายความว่า จะมีอัตราการเติบโตสูงถึงกว่า 70% เลยทีเดียว
ถึงแม้ว่ากลุ่มเป้าหมายของการทำโฆษณาออนไลน์นั้นจะร้อนแรงอยู่แล้ว แต่ในปี 2008 ความร้อนแรงก็จะยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง แต่รูปแบบของการทำการตลาดด้วย Social-network ในรูปแบบอื่นๆ เช่น การโฆษณาบน Search Engine, widgets และ e-commerce ก็เป็นสิ่งที่นักการตลาดควรให้ความสนใจด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ระบบการทำโฆษณาด้วยตัวของผู้ลงโฆษณาเองจะสร้างตลาดใหม่ให้กับธุรกิจเล็ก ๆ และ ธุรกิจท้องถิ่น ให้สามารถโปรโมทสินค้าตัวเองผ่านระบบ social networks
การใช้ Social Network เพื่อการตลาด
Social networking จะยังคงเป็นกุญแจสำคัญของกิจกรรมออนไลน์, ด้วย ในปี 2008 กว่า 44% ของประชากรชาวสหรัฐอเมริกา จะมีการใช้งาน social network อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ขณะที่ MySpace และ Facebook จะยังคงครองตลาดส่วนใหญ่อยู่ การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นก็คือเรื่องของการใช้งานมากกว่า 1 เว็บไซต์ของผู้ใช้งาน Social Network นั่นเอง
ท้ายที่สุดแล้ว Profiles จะกลายมาเป็นสิ่งที่พกติดตัวไปไหนมาไหนได้ตลอดเวลา, นั่นก็หมายความว่า ผู้บริโภคจะเกิดความต้องการที่จะสร้าง Profile แค่ครั้งเดียว และ สามารถนำไปใช้งานที่ไหนก็ได้ ผ่านเว็บไซต์ Widget ที่ได้ผลดีในทุกวันนี้ ควรจะเป็นอะไรที่สามารถออกแบบมาเพื่อให้สามารถทำงานบนระบบไหน ๆ ก็ได้ เพื่อการเข้าถึงผู้ใช้งานที่กว้างขวางมากขึ้น
Youtube กับ การเมือง
YouTube ยังคงเป็นอะไรดึงดูดความสนใจของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตของสหรัฐอเมริกาได้เป็นอย่างดี
YouTube จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในเรื่องของการตัดสินว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2008 นั้นผลจะเป็นอย่างไร ซึ่งก็มีทั้งการใส่คลิปที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับผู้สมัครที่กำลังได้คะแนนนำ หรือ การใส่คลิปเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของผู้สนับสนุนของผู้สมัครเข้าไปในเว็บ YouTube นั่นเอง
โอลิมปิก ที่ ปักกิ่ง
เหตุการณ์ในปี 2008 ที่สำคัญ ๆ ก็คือเรื่องของการจัดการแข่งขัน Olympic ที่ปักกิ่ง และ การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา สองเหตุการณ์ใหญ่ๆ นี้แหละครับที่จะมีส่วนทำให้อุณหภูมิของการโฆษณาออนไลน์ประทุขึ้นอีกครั้ง
ด้วยการที่การตลาดบนอินเตอร์เน็ตถึงจุดอิ่มตัวแล้ว อัตราการเติบโตของการโฆษณาออนไลน์จะมีอัตราการเติบโตที่ลดลงกว่าที่ผ่านมา โดยอัตราการเติบโตได้ต่ำกว่า 30% ในปี 2007 ถือเป็นครั้งแรกของอัตราการเติบโตที่ต่ำขนาดนี้ตั้งแต่ปี 2004 แต่ว่าในปี 2008 อัตราการเติบโตจะมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 29% ก่อนที่จะลดลงไปแตะที่ระดับ 18% ในปี 2009การแข่งขันโอลิมปิกนั้นจะเป็นการ ?เปิดตัว? ของประเทศจีน ที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ และ การพัฒนาด้านการเมือง ของประเทศจีนเองอีกด้วย
การแข่งขันจะดุเดือดเพื่อแย่งกันเข้าไปสนับสนุนในสนามการแข่งขันนั้น บริษัทต่างชาติจะพยายามแข่งขันที่สูงมากในการที่จะเข้าไปมีส่วนหนึ่งในการเติบโตของประเทศจีน
E-Commerce
ผู้ค้าปลีกที่มีช่องทางการขายหลายทาง จะเริ่มมีการให้ ?สั่งซื้อออนไลน์ และ ?ไปรับของที่ร้าน? เพิ่มขึ้น ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ ๆ เช่น Circuit City, JC Penney และ Sears ผู้บริโภคชื่นชอบบริการนี้เพราะจะเป็นการทำให้เขาไม่ต้องเสียค่าขนส่งนั่นเอง จากผลงานวิจัยพบว่า 79% ของผู้ค้าปลีกต้องการทำราคาให้สอดคล้องกันในทุก ๆ ช่องทางการขาย
จากการศึกษาผู้ค้าปลีกผ่านอินเตอร์เน็ต พบว่า 3 ใน 4 ของผู้ค้าปลีกโยงเข้ากับระบบ e-commerce ของพวกเขา เพื่อการจัดการระบบการสั่งของให้สมบูรณ์มากขึ้น
ดาวน์โหลดหนัง
ผู้บริโภคชาวสหรัฐอเมริกาจะใช้จ่ายเพื่อการดาวน์โหลดหนัง มากกว่าปี 2007 ถึงสองเท่า ในปี 2008 นี้ จากเดิมที่มีมูลค่าการใช้จ่ายอยู่ที่ 114 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดการณ์กันว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นไปถึง 245 ล้านเหรียญสหรัฐ
ผลลัพธ์ก็คือ การให้บริการที่เป็นสื่อดิจิตอล เช่น iTunes,Netflix, Amazon Unbox, Movielink/Blockbuster, Vongo และ รายอื่นๆ จะเป็นที่นิยมมากขึ้นอย่างถล่มทลาย
การทำตลาดของค่ายเพลง
ค่ายเพลง และ นักการตลาด จะทำการทดลองกันมากขึ้นเกี่ยวกับการควบรวมโมเดลทางธุรกิจแบบใหม่ๆ มากขึ้น ด้วยความที่ความนิยมของ CD เพลงนั้นลดลงไปเรื่อย ๆ ทุกปี จาก 32 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2006 จนมาเป็น 28 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2008
เราจะเห็นเว็บไซต์ที่สนับสนุนการทำโฆษณา, การสมัครใช้บริการแบบรายเดือน, ดาวน์โหลดเพลงลงมือถือ และ การใช้งาน social networks ในการช่วยให้ลูกค้าค้นเจอเพลงได้มากขึ้น และ เป็นช่องทางในการขายอีกด้วย
เกมส์
วิดีโอเกมส์แบบเก่า ๆ จะมีโอกาสเกิดใหม่กันอีกครั้ง โดยบริษัทต่างๆ เช่น Double Fusion, ซึ่งให้บริการโฆษณาแบบ Realtime ผู้ลงโฆษณาจะซื้อโฆษณาซึ่งจะแฝงไปกับเกมส์ทั่ว ๆ ไปที่ลูกค้าทำการดาวน์โหลดได้ฟรี ด้วย concept เดียวกันนี้ จะถูกนำไปใช้กับ console game ที่สามารถออนไลน์ได้ เช่น Xbox และ Wii ซึ่งมี Microsoft's เป็นผู้สนับสนุนด้านเทคโนโลยี
What's more, Blurb is establishing an online marketplace where authors can sell their books to the public. The pricing structure is not yet set. (www.blurb.com)