เล่นกับใจไปวันๆ
เช้าวันนี้อากาศสดชื่นแจ่มใสครับ ผมตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเดินออกมารับอากาศยามเช้า ฟังเสียงนกเสียงแมลงร้องเหมือนเสียงดนตรีธรรมชาติ คิดย้อนไปเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่มาเลือกปลูกบ้านอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง ถึงแม้วันนี้ความเจริญจะลุกลามเข้ามาอย่างกระชั้นชิดแต่ก็ยังเหลือบรรยากาศที่สงบบริสุทธิ์อยู่บ้างโดยเฉพาะยามเช้าตรู่แบบนี้ ถึงแม้จะอยู่ในเวลาอันสงบเงียบมีเสียงแห่งธรรมชาติคลอเคล้า อากาศกำลังเย็นสบายเหมือนกันแต่ใจของเราต่างรับรู้สัมผัสอารมณ์ได้แตกต่างกันครับ บางทีอาจจะสุขดื่มด่ำไปกับธรรมชาติอันสงบเย็น บางทีอาจจะกำลังหม่นหมองเพราะความพ่ายแพ้สูญเสีย หรืออาจจะกำลังถูกเพลิงโทสะ ริษยา เผาผลาญอย่างเร่าร้อนทุรนทุราย
วันๆหนึ่งตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้าจนกระทั่งเข้านอนหลับฝัน ใจเรารับรู้สัมผัสอารมณ์ต่างๆมากมายครับ อารมณ์ต่างๆที่มาสัมผัสใจจะไม่หนีเรื่องของ ความอยาก(ตัณหา) กิเลส (รัก โลภ โกรธ หลง) อุปทาน ยึดถือตัวตนและสมบัติของตนว่าจะต้องเที่ยงแท้ถาวร อารมณ์เหล่านี้จะดึงให้ใจเราไหลตามมันไปครับ แล้วเวลาที่ไหลก็จะไหลเหมือนน้ำแหละครับ คือพาใจเราลงต่ำไปเรื่อยๆจนบางทีถูกอารมณ์เลวร้ายเหล่านี้ครอบครองจนมองไม่เห็นว่าความสุขที่แท้จริงของชีวิตเป็นเช่นไร
ผมก็ไม่ต่างจากมนุษย์คนอื่น ผมก็โดนอารมณ์ต่างๆเหล่านี้เล่นงานทุกวัน หนักบ้างเบาบ้างแล้วแต่ความถี่ห่างและความรุนแรงของอารมณ์ที่มากระแทกใจ แต่ผมมีวิธีจัดการกับอารมณ์เหล่านี้ครับ ผมเรียกวิธีนี้ว่า "การเล่นกับใจ"
เริ่มตั้งแต่เมื่อรู้สึกตัวตื่นตอนเช้า ความคิดหรืออารมณ์ต่างๆจะเริ่มทะยอยเข้ามาสัมผัสใจเรา ผมก็จะเริ่มเล่นกับใจโดยแค่รับรู้มันว่า อารมณ์ใดมาประเดิมผมแต่เช้า อาจจะเป็นอารมณ์ค้างตั้งแต่เมื่อคืนเพราะทะเลาะกับลูกชายวัยรุ่นตัวดี หรือกำลังเคลิบเคลิ้มกับคำชมของผู้อำนวยการติดค้างมาตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ก่อน แต่ไม่ว่าอารมณ์ใดก็ตาม วิธีเล่นกับใจให้ถูกต้องคือแค่รับรู้ว่าอารมณ์ต่างๆมันมาสัมผัสใจเราเท่านั้นครับ พอ"รับรู้" อารมณ์เหล่านั้นก็จะจางหายไป แต่ถ้าเราเผลอไหลไปกับอารมณ์ใดก็ตามคราวนี้ก็จะเป็นเรื่องยาวแล้วหล่ะครับ บางทีแต่งเติมเสริมเพิ่มจนผิดเพี้ยนไปเป็นเรื่องราวใหญ่โต นี่แสดงว่าพลาดไปแล้วครับ ผมก็จะเริ่มตั้งหลัก"รับรู้" สู้กันใหม่ครับ ทำไมเราต้องตั้งหลัก "รับรู้" นั่นก็เพราะว่า เมื่อเรารับรู้ " สติ " จะเข้ามาครองพื้นที่ของใจแทนอารมณ์และความนึกคิดต่างๆ เมื่อเล่นกับใจแบบนี้บ่อยๆเข้า สติจะเป็นกำลังสำคัญให้เราได้พิจารณาเรื่องราวต่างๆในแต่ละวันได้ตามความเป็นจริงครับ ไม่หลงไปกับอดีตที่ผ่านไปแล้ว ไม่ไหลไปกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
ผมจะ "เล่นกับใจ" แบบนี้ไปทั้งวัน ผลที่เห็นทันทีคือ ทุกครั้งที่ผมจะพูด จะคิด หรือจะกระทำการใดๆ โอกาสที่จะเผลอไปทำร้ายใจใครก็จะน้อยลงไปเยอะครับ คราวนี้พอถึงเวลานอนก็ลองทบทวนดูนะครับว่าวันนี้ทั้งวัน เราจับทัน อารมณ์ ความคิด ความรู้สึกได้เร็วมากน้อยแค่ไหน หรือเราปล่อยใจเราให้ไหลล่องลอยไปกับสิ่งเหล่านั้นจนกู่ไม่กลับหรือกว่าจะรู้ตัวก็สร้างเรื่องทำร้ายกายทำร้ายใจใครไปซะแล้ว ก่อนหลับก็จะสรุปย้ำอีกทีว่า วันนี้ทั้งวันเราครองสติได้มากกว่าหรือไหลไปตามอารมณ์มากกว่ากัน เพื่อจะตั้งสติก่อนนอนเป็นฐานกำลังไว้เล่นกับใจใหม่ในวันพรุ่งนี้
ทุกวันนี้ผมก็ยังเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา เพียงแต่มีความตั้งใจว่าจะฝึกไม่ให้ใจตัวเองหลงไหลไปกับ ความอยาก ความโลภ ความโกรธ ฯลฯ อย่างพร่ำเพรื่อเหมือนตะก่อน หวังไว้ว่าในแต่ละวันผมจะไม่เผลอไปทำร้ายใครด้วย การกระทำ คำพูด หรือแม้แต่ความคิด ถ้าสมมุติว่าผมทำได้ดี ผมคงจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในทุกวันตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งเข้านอน หลับก็คงจะฝันดีมีความสุข เอาใจช่วยผมด้วยละกันนะครับ
ความเห็น (30)
เห็นด้วยกับอาจารย์เลยค่ะ วันๆ คนเราต้องพบเจอเหตุการณ์อะไรมากมาย ที่เข้ามากระทบกับจิตใจเราตลอด ถ้ารู้ตัวทัน ก็ไม่ไหลตามที่อาจารย์บอก แต่ส่วนใหญ่คือ วิ่งตามไม่ค่อยทันซะส่วนใหญ่ ต้องไปลดน้ำหนักออกซะหน่อย ( เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย) เอาใจช่วยให้อาจารย์ฝันดีมีความสุขทุกวัน....
ดีจัง เขียนได้ดีมากเลย.... อยากเล่นกะใจมั่ง แต่น้อยครั้งที่ทำได้ ... รัก โลภ โกรธ หลง มาก่อนสติบ่อยครั้ง แล้วต้องมานั่งนึกเสียใจทีหลัง... ทำยังไงถึงปฏิบัติได้อย่างคุณหมอหน้าหล่อเสียงหล่อมั่งน้อออ :)
ถ่ายทอดได้เห็นอารมณ์ความรู้สึกดีจังค่ะ ลป ก็เล่นกะใจอยู่บ่อยๆนะแต่ทำได้ไม่ดีเท่าต้องใช้เวลาฝึกฝนบ่อยๆค่ะ รัก โลภ โกรธ หลง แต่ไม่ได้ทำร้ายใครนะมักทำร้ายใจตัวเองบ่อยครั้ง ต้องใช้เวลาฝึกอีกซักหน่อยค่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับบันทึกดีๆ
คุณ SP ต้องพยายามหัดวิ่งตามให้ทันนะครับ มาลดน้ำหนักไปพร้อมๆกันก็ได้ครับ
ขอบคุณ คุณ Jor อีกหน่อยหัดเล่นกับใจบ่อยๆนะครับ ได้ผลอย่างไรมาเล่าสู่กันฟังมั่งนะครับ
บันทึกนี้จะมีประโยชน์ ถ้าโต้งลองทำดู อันดับแรกเลยต้องดูว่า ไม่ได้ทำร้ายใจตัวเองจากความคิด อีกต่อไปแล้ว เมื่อนั้นถึงมั่นใจได้ว่า จะเกิดความสุขจริงๆกับการเล่นกับใจแบบนี้
เห็นด้วยกับอาจารย์ครับ
อยู่เหนือธรรมารมณ์ มีสติ พิจารณาตามความจริงด้วยปัญญา
อาจารย์ให้ ตัวอย่างคำแนะนำ ชัดดีจังเลย
ถ้าทำได้ตลอด คงสุขสงบทั้ง ตัวเอง และรอบข้าง
มาทวน ของตนเอง วันนี้ก่อน
พลาด ไปบางตอน ซะแล้ว ไม่ทัน
พรุ่งนี้ จะเล่นใหม่
ขอบคุณค่ะ
ใจเป็นอย่างไร แสดงให้เห็นทางสีหน้าแบบนั้น มิน่าอาจารย์ถึงได้ดูสงบและเบิกบานตลอดเวลา ขอบคุณสำหรับบันทึกที่มีคุณค่านี้ค่ะ
- สวัสดีค่ะ อาจารย์
- คนส่วนหนึ่ง ชอบทำร้ายใจตัวเอง เพราะไม่รู้จะไปลงที่ใคร
- เราควรทะนุถนอมเค้าใช่ม้ยคะ
- ขอบคุณค่ะ
- สาธุ สาธุ ท่านมหานิพัธ อิอิ
หมอโรจน์ ผ่านมาแถวพิษณุโลกเมื่อไร อย่าลืมเยี่ยมกันมั่งนะ น้องๆเวชศาสตร์ครอบครัวที่นี่หลายคนบ่นถึงอยู่บ่อยๆ
อาจารย์ รวิวรรณครับ ยินดีมากที่อาจารย์มาเยี่ยมบล็อก ถึงแม้จะมีโอกาสได้คุยกับอาจารย์ไม่มากนัก แต่ผมก็รู้สึกเหมือนว่ารู้จักกันมานาน ขอบคุณในความเอื้ออารีครับ
สวัสดี เต้าเจี้ยว ผมคุยกับน้องๆที่พุทธชินราชอยู่เสมอๆว่า เต้าเจี้ยวนี่มีบุคลิกพิเศษที่ทำให้คนอยู่ใกล้มีความสุข ด้วยบุคลิกหน้าตาที่สดชื่นแจ่มใสมากเลยนะ
pa daeng ครับ ผมว่าเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องถนอมใจตนเอง ลงที่ใครไม่ได้ก็ต้องไม่ลงกับตัวเองครับ
ยังเป็น "มหา" ไม่ได้หรอกครับพี่สุธี กิเลส ตัณหา อุปาทาน ยังเล่นงานอยู่ทุกวัน อาจจะต้องเพิ่ม วิ่งเพื่อสมาธิ แบบ คนชอบวิ่ง เห็นท่าจะดีครับ
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ และได้อ่านในวันที่จิตใจสับสนเลยต้องค่อยๆดึงสติกลับมา ครั้งต่อไปจะพยายามมีสติตลอดเวลา
สวัสดีครับอาจารย์
อ่านบันทึกของอาจารย์แล้วได้อารมณ์จังเลยครับ
อ่านแล้วอารมณ์ดี มีความสุข
ดีจังเลยครับ ได้อ่านเรื่องราวดี ๆ แบบนี้
ขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์นะครับ ^^
ขอบคุณครับ
ดีใจที่ได้เจออ้อยทางนี้นะ ว่างๆก็เขียนเล่าเรื่องงานของสภากาชาดมาให้เราฟังมั่งนะ
ขอบคุณ น้องเอก ที่เป็นกำลังใจให้ครับ เมื่อไรมีเรื่องราวใดน่าสนใจจะเล่าให้ฟังใหม่นะครับ
อาจารย์เล่าเรื่องดีๆให้อ่านจะแวะมาอ่านบ่อยๆ เล่าต่อคะ
เรื่องเล่าของพี่เนียร ผมก็อ่านทุกเรื่องครับ ขอบคุณครับ
· วันสงกรานต์ ชวนให้ สำราญจิต
· ชวนลิขิต ให้มวลมิตร คิดสร้างสรรค์
· สงกรานต์นี้ ชวนทำดี ดีทุกวัน
· ร่วมสร้างสรรค์ ร่วมกันสร้าง พลังใจ
· สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ
- สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะอาจารย์
สวัสดีค่ะ ท่าน นิพัธ กิตติมานนท์
อ่านบันทึกของอาจารย์แล้ว ทำให้ระลึกถึงคำสอน ของคุณแม่ สิริ กรินชัย ครั้งที่เคยเข้าปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐานกับท่านดังนี้ค่ะ
" สติที่เราปลุกตื่นแล้ว จะเป็นพี่เลี้ยงคอยประคับประคองจิตอย่างดี ไม่ให้คิดผิด พูดผิด ทำผิดจากทำนองคลองธรรม จะมีแต่สติที่ระลึกได้ ในสิ่งที่ถูกต้องและดีงาม เหมาะสม และพอดีกับภาวะหน้าที่ของเรา ที่จะบริหารงานชีวิตตลอดไป "
คำกล่าวของคุณแม่ สิริ กรินชัย
กรกฎาคม ๒๕๔๔
ขอบคุณ ครูปู มากครับ คงมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนกันนะครับ
สวัสดีค่ะ ท่าน นิพัธ กิตติมานนท์
ขอบคุณค่ะ ที่เขียนบันทึกเรื่องนี้
ทำให้ ครูปู ได้สติ ให้คอยระมัดระวังกายนี้ ใจนี้ อยู่ตลอดเวลา เหมือนได้ล้อมรั้วกั้นภัย เลยค่ะ
ยินดีที่ได้ ร่วมเรียนรู้ด้วยกันนะคะ
ตาลเอง โย่ว
มาเม้นต์ให้พ่อแป๊ะยิ้ม อิอิ
จะเปิดเทอมแล้วอ่ะ
เสียดายตื่นไม่เคยทันพ่อเลยอ่ะคับ T^T