จากทฤษฎีผีเสื้อ...ผ่านทฤษฎีเสือโคร่ง...ถึงทฤษฎีคางคก


จากทฤษฎีผีเสื้อ...ผ่านทฤษฎีเสือโคร่ง จนถึง ทฤษฎีคางคก...ผมก็ไม่ทราบว่ามันจะไปสิ้นสุดที่ใด... แต่ที่แน่ๆ จากความคิดตัวใครก็ตัวใคร ก็เปลี่ยนมาเป็นเริ่มที่ตัวใครก็ตัวใครกันดีกว่าครับ...

จากทฤษฎีผีเสื้อ  ที่มักจะได้ยินประโยคเด็ดที่ว่า "เพียงผีเสื้อขยับปีกที่ปักกิ่งก็ทำให้เกิดพายุทอร์นาโดที่อเมริกา" อันหมายถึงการเปรียบเทียบกับสิ่งที่มาจากสาเหตุเพียงน้อยนิดแต่ส่งผลขยายตัวในบั้นปลายอันใหญ่หลวง เปรียบเหมือนการไหวตัวของกระแสลมเบาๆ อันเกิดจากการกระพือปีกของผีเสื้อ ค่อยขยายตัวเกิดผลกระทบทางดินฟ้าอากาศกลายเป็นพายุได้ในเวลาต่อมา...นับจนถึงวันนี้ค่อยปรากฏตัวให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น...ตั้งแต่ระดับโลกเรื่องโลกร้อนมาจนถึงเรื่องระดับประเทศด้านโครงสร้างสังคม เช่นโครงสร้างครอบครัวถูกทำลายส่งผลต่อเด็ก ก่อตัวขยายไปสู่ปัญหาที่ใหญ่ขึ้นๆ (น่าตกใจมากที่รู้ว่ามีนักเรียนบางโรงเรียนในชนบทที่อยู่อาศัยกับพ่อแม่เพียงไม่ถึงร้อยละ 10 คน) ปัญหาโครงสร้างทางการเมือง โดยเฉพาะภาคใต้ ฯลฯ โครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ส่งผลถึงโครงสร้างของเสาไฟฟ้าแรงสูงต้องพังครืน เสียหายร้อยล้านบาทแลกกับค่าน้อตและเหล็กราคา 1400 บาท ซึ่งผมเรียกว่า "ทฤษฎีเสือโคร่ง" คืออย่างนี้ครับ...

     เสือโคร่งพบหญิงแม่ลูกอ่อนกำลังเก็บของป่า ก็เข้าจับจะกินหญิงแม่ลูกอ่อน ๆ ขอร้องว่า อย่างเพิ่งกินฉันเลย ขอกลับไปให้นมลูกก่อน แล้วสัญญาว่าจะกลับมาให้เสือกิน...แต่เสือโคร่งก็ไม่อาจเข้าใจความรู้สึกนั้นได้...เลยกินหญิงแม่ลูกอ่อนเรียบร้อยไป... สังคมแก่งแย่งแข่งขัน ผู้คนอดอยากหิวโหย คงไม่สนใจว่า มูลค่าความเสียหายของโคมไฟที่เสาไฟฟ้าทางด่วนจะราคาเท่าไร... รู้แต่ว่าถ้าตัดสายรอกให้โคมไฟตกลงมาแล้วนำไปขายก็คงได้ข้าวสารไปหุงกินหลายกิโล...และกินกันได้หลายปาก...แค่นั้นจริงๆ ...

     พอถึงตอนนี้ เจ้าคางคก ก็ปรากฏกายละครับ...หากเราทุกคนยังใจเย็น ไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกันยังไง ขนาดคัดจมูก น้ำมูกไหล เราก็ยังไม่ยอมรับว่าเราถูกโรคหวัดกินเข้าแล้ว...ยังไม่รู้สึกสำเหนียกนึกในปัญหาอันมีที่มาหลากหลายโดยเฉพาะ "การศึกษา" ในซองสำเร็จรูปที่แปลกแยกกับบริบทแท้ๆ ของนักเรียนทำให้ขัดแย้งสับสน นับจากห้องเรียนจนถึงส้วมที่บ้านนักเรียน (ส้วมในหนังสือเรียน...ส้วมในทีวีเป็นส้วมที่สวยกว่าห้องนอนของนักเรียน...) แม้จะสามารถปรับเปลี่ยนหลักสูตรกันได้เองแล้วหลายโรงเรียนก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงเหมือน โรงเรียนยังไม่ตาย ยังคงใช้ หลักสูตรที่แข็งตัว หรือ หลักสูตรสมัยหิน หรือหลักสูตรเถื่อน ไม่ปรับเปลี่ยนการเรียนให้ผู้เรียนได้เป็นเจ้าของ หรือมีส่วนร่วมให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ตามสภาพความเหมาะสมบนรากฐานการเรียนรู้ที่เริ่มจากตนเอง...สู่สังคม จากท้องถิ่น รากเหง้าสู่สากล จักรวาล ฯลฯ อันเป็นเหตุให้ช่องว่างทางสังคมเพิ่มถ่างมากขึ้นๆ ...ดังบันทึก ถอดน้อตประเทศไทย และ...

     "ทฤษฎีคางคก" บอกไว้ว่า… ถ้าคุณจะฆ่าคางคกให้ตายโดยจับมันโยนลงไปในหม้อต้มน้ำเดือดๆ ล่ะก็คุณคิดผิดเสียแล้ว เพราะว่าคางคกจะดีดตัวขึ้นจากหม้อน้ำเดือดอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าตอนจับมันโยนลงไปเสียอีก  ด้วยสัญชาตญาณว่ามันอยู่ที่นั่นไม่ได้ถ้ามันไม่อยากตาย...แต่ถ้าจับมันลงไปไว้ในหม้อน้ำเย็นๆ ให้มันแหวกว่ายเล่น คางคกจะรู้สึกสบายใจมาก เพราะว่ามันจะกระโดดออกมาจากหม้อน้ำเย็นเมื่อไรก็ได้ไม่มีอันตรายอะไร และแล้วน้ำในหม้อก็เริ่มร้อนอย่างช้าๆ ให้ความรู้สึกอันอบอุ่น...โอ สปาคางคง น้ำก็ยังคงร้อนมากขึ้นทีละนิดๆ ต่อไป อนิจจา… กว่ามันจะรู้ตัวว่ามันไม่สามารถอยู่ต่อไปได้ได้ก็หมดโอกาสที่จะกระโดดหนีออกไป และสุกตายอยู่ในหม้อน้ำเดือดนั่นเอง แม้ตอนที่มันกำลังจะตาย…มันคงไม่อยากเชื่อเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับมันได้... ความเสียหายที่ก่อตัวขึ้นทีละนิดๆ กว่าจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว...

จากทฤษฎีผีเสื้อ...ผ่านทฤษฎีเสือโคร่ง จนถึง ทฤษฎีคางคก...ผมก็ไม่ทราบว่ามันจะไปสิ้นสุดที่ใด... แต่ที่แน่ๆ จากความคิดตัวใครก็ตัวใคร ก็เปลี่ยนมาเป็นเริ่มที่ตัวใครก็ตัวใครกันดีกว่าครับ...ส่วนจะทำอย่างไรด้วยวิธีไหนก็ให้เป็นเรื่องของตัวใครก็ตัวใคร ดีไหมละครับ...

หมายเลขบันทึก: 171122เขียนเมื่อ 16 มีนาคม 2008 11:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 14:52 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ทุกทฤษฎีที่ ได้กล่าวนั้น เป็นความจริงที่อยู่ใกล้ตัวมาก แต่ยังมีหลายคนที่มองไม่เห็นหรืออย่างไร ไม่แน่ใจ เช่น ชาวบ้านเผาหญ้า ไฟลามไปติดไม้เถาที่โยงถึงสายไฟ เมื่อโทรศัพท์แจ้งไปที่ดับเพลิง ได้รับคำตอบว่าให้แจ้งไฟฟ้า โยนกันไปมา เลยไม่รู้ว่าต้องบอกใครกันแน่ แล้วผลเสียอยู่กับใคร ประเทศชาติ...เป็นต้น

ขอบคุณครับ...กว่าจะซึ้งใจก็คงใช้ทฤษฎีหมดป่าแน่ๆเลยอ่ะ...

สวัสดีค่ะอาจารย์

* ทบ.คางคก...นี่เข้ากับสำนวนใหม่ที่ครูพรรณา แต่งขึ้นค่ะ....ลูบหลังแล้วตบหัว...

* ท่อนสรุป...ใช่ค่ะเริ่มอย่างไรก็ตัวใครก็ตัวใคร

* ขอให้มีความสุขและสนุกกับเทศกาลสงกรานต์ค่ะ

ขอบคุณ คุณครูพรรณาครับ

ขอให้สุขสันต์วันปีใหม่ไทย...เช่นกันครับ

อยากให้ทุกคนได้อ่าน ได้คิดตามบันทึกดีๆนี้จังเลย ขอบคุณมากค่ะ

ขอบพระคุณท่านอาจารย์ลำดวนมากๆ ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท