มิงกาลาบาเมียนมาร์
ดิฉันขอเรียกประเทศเมียนมาร์ว่าพม่าเพราะคุ้นหู คุ้นปากคนไทยมากกว่า
เมียนมาร์นะคะ กว่าจะได้มีโอกาสไปประเทศเมียนมาร์ก็ต้องรับประทานคุณ
ไม่สมหวัง (แห้ว)หลายครั้ง แต่ด้วยยังมีบุญอยู่ ท้ายสุดเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์
2008 จึงได้มีโอกาสเหินฟ้าด้วยสายการบินต้นทุนต่ำไปประชุมที่ย่างกุ้ง
เครื่องบินออกเดินทางแต่เช้า อากาศดี มองลงมาก่อนเครื่องลงจอดที่สนามบิน
เม็งกะลาโดง (Mingaladon) ย่างกุ้งเห็นแม่น้ำอิระวดีโค้งคดเคี้ยวไปมา
เครื่องบินใช้เวลาบินราวชั่วโมงเศษก็เดินทางถึงสนามบินย่างกุ้งซึ่งเห็น
ความงามของสถาปัตยกรรมแบบพม่า สนามบินแห่งนี้เคยได้ชื่อว่าใหญ่โตมาก
ของเอเชียในสมัยหนึ่ง แต่วันนี้บรรยากาศเงียบเชียบมาก ลานบินโล่งๆ
เครื่องจอดแล้ว เราเดินลงทางบันไดเครื่องบินและเดินไปเข้าในตัวอาคารซึ่ง
อยู่ไม่ไกลนัก อาคารในสนามบินทันสมัย ฉันผ่านต.ม. เจ้าหน้าที่ก็งงๆ กับ
พาสปอร์ตราชการไทยที่ไม่มีวีซ่าของฉัน เขาเชิญหัวหน้าที่เตร่ๆ อยู่บริเวณนั้น
มาดูและสุดท้ายเขาก็บอกว่าพาสปอร์ตไทยไม่ต้องมีวีซ่า ฉันไม่เห็นว่าที่สนามบิน
จะถามเรื่องการแลกเงินหรือแสดงตัวว่าเรามีเงินดอลลาร์เพื่อใช้จ่ายอะไรเหมือน
ที่เคยได้ยินจากพื่อนๆ ที่ไปพม่าในอดีต เราก็ผ่านกันออกมา ฉันรอรับกระเป๋า
เดินทาง เมื่อได้แล้วออกมาด้านนอก เพื่อนพม่ามารอรับ คุณเธอนุ่งชุดพม่า
(ผ้าถุง เสื้อตัวสั้น) ดูผอมบางต่างจากที่พบกันที่การประชุมที่เมืองไทยเมื่อปีที่แล้ว
ซึ่งภายหลังการประชุมเราไปเที่ยวเขมรและพักห้องเดียวกันจึงรู้สึกคุ้นเคยกัน
ตอนนั้นเธอนุ่งกางเกงบ้าง กระโปรงบ้างดูเหมือนญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษสำเนียงพม่า
ของเธอทำให้ยิ่งดูคล้ายญี่ปุ่นพูดอังกฤษเช่นกัน วันนี้เธอดูเป็นพม่า พม่า
(เน้นเสียง) เราได้เห็นชายชาวพม่าที่สนามบินส่วนใหญ่ใส่เชิร์ตขาว
นุ่งโสร่งสวมรองเท้าแตะหนีบแบบพม่าเดินกันอยู่แถวนั้น
เพื่อนมีรถเก๋งส่วนตัวหรือเปล่าไม่ทราบ แต่มารับเราพร้อมคนขับที่
นุ่งโสร่ง รถของเพื่อนเป็นรถญี่ปุ่นรุ่นเก่าที่หายไปจากถนนเมืองไทย
หลายสิบปีแล้ว รถขับด้วยพวงมาลัยขวาและวิ่งเลนขวา เป็นกฎจราจรที่
ต่อต้านอังกฤษแบบหนึ่งบรรยากาศยามเช้าในวันนั้นสบายๆ ไม่ร้อน
ไม่หนาว ถนนเข้าไปตัวเมืองกว้างขวาง รถราน้อย จากสนามบินไปยัง
ที่พักเพื่อนของเพื่อนนี่ราวสามสิบนาทีเพื่อไปรับเพื่อนหญิงหน้าตา
เป็นอินเดีย อินเดีย (เน้นเสียงอีก) ไปด้วยกันเราผ่านพระเจดีย์สีทอง
อยู่ราวสองแห่ง เริ่มเห็นความงดงามทางพุทธศาสนาแล้ว เรานั่งรถ
ต่อไปเพื่อไปหาเพื่อนพม่าอีกบ้านหนึ่งในกลางเมือง เราผ่านตึกราม
บ้านช่องเป็นอาคารสูงสถาปัตยกรรมแบบอังกฤษมีให้เห็นมากมาย
รูปทรงและสีสันคลาสสิก (เก่าๆ) เราเข้าไปซอยหนึ่งที่อยู่ระหว่างตึกสูง
3-4 ชั้นซึ่งเป็นที่พัก ร้านค้า ผู้คนเดินขวักไขว่ มีรถราจอดอยู่ด้านหนึ่ง
รถมาจอดอยู่หน้าช่วงตึกหนึ่ง ฉันก็งงว่ามาทำอะไร เสร็จแล้วเพื่อนพาเดิน
ขึ้นบันไดชันๆ มืดๆ กว้างราว 80เซนติเมตร ขึ้นไปที่ชั้นสาม ผ่าน
ชั้นสองที่ด้านซ้ายมือเป็นประตูเล็กๆ เพื่อเข้าไปยังห้องพักของคนอื่น
เราเดินขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุดคือชั้นสามด้วยความเสียวเล็กๆ เข้าไปเป็น
ที่วางรองเท้า ตรงเข้าไปเป็นห้องโล่งๆ เล็กปูพรม ที่มุมห้องมีภาพเทพเจ้า
ของศาสนาฮินดูอยู่บนหลังตู้เข้ามุมใบเล็กๆ สองข้าง เลี้ยวซ้ายเข้าไป
เป็นห้องนั่งเล่นของเจ้าบ้านที่มีตั่งกลางห้อง ทีวีอยู่มุมห้อง เลี้ยวขวา
เจ้าของบ้านซึ่งเรานั่งคุยกันที่ห้องนี้ ห้อง เรานั่งบนเตียงนอนเพื่อนบ้าง
นั่งบนพื้นห้องบ้าง เจ้าบ้านเป็นชาวพม่าเชื้อสายอินเดียเป็น
ศาสตราจารย์ทางด้านสันสกฤต เป็นโสด และอุทิศตนเพื่องาน
ทางด้านศาสนา เพราะฉะนั้นบ้านของท่านนี้เป็นเหมือนสมาคมของ
ชาวพม่าเชื้อสายอินเดียที่นับถือฮินดูมาประกอบศาสนพิธีและกิจกรรมต่างๆ
ด้วยกัน สภาพความเป็นอยู่ของอาจารย์ท่านนี้สมถะ ไม่มีสมบัติข้าวของอะไร
ในบ้านมากเกินกว่าความจำเป็น ท่านให้เด็กหนุ่มนำขนมหวานแบบ
อินเดีย (คล้ายเนยหวานๆ อัดเป็นแท่งเล็กๆ) พร้อมน้ำเปล่ามาเสริฟ
ฉันแอบไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ติดครัวทำให้เห็นว่าห้องครัวก็เรียบง่าย คนขับ
และเพื่อนไปยกกระเป๋าเดินทางของเรามาไว้บนบ้านให้ เสร็จแล้วเรา
นั่งคุยกัน มอบของที่ระลึกและหนังสือให้เพื่อนทุกคน เพื่อนที่ไปรับ
ที่สนามบินมีประชุมที่มหาวิทยาลัย เธอขอตัวไปก่อน มอบหมายให้เพื่อนๆ
เชื้อสายอินเดียดูแลพาไปที่ต่างๆ แทน เรานั่งคุยกันต่อ จนได้เวลาก็
พากันเดินลงบันไดอันสูงชันมาด้านล่าง เพื่อนพม่าคนนี้ก็สวมเชิร์ต
แขนยาวทับเสื้อยืดด้านในไว้ และสวมโสร่งพร้อมหมวกแก๊บ เราเดิน
กันไป ทำให้เห็นชีวิตผู้คนย่านนั้นมีชายหนุ่มตั้งโต๊ะเล็กๆ ขายหมาก
เหมือนที่อินเดีย เมื่ออยู่พม่าหลายวันทำให้เห็นว่าผู้ชายพม่าเคี้ยวหมาก
แทนหมากฝรั่งเพราะเห็นมีขายทั่วไป และพื้นถนนหนทางก็เห็นร่องรอย
น้ำหมากที่คนบ้วนทิ้งไว้
---------------------------------
หากท่านสนใจจะศึกษาต่อในระดับปริญญาโท และเอก ใน
หลักสูตรต่างๆ ของสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท
มหาวิทยาลัยมหิดล กรุณาเข้าชมรายละเอียดใน www.lc.mahidol.ac.th
หรือโทร. 02-800-2308-14 ต่อ 3010
สวัสดีครับ
สนใจเรื่องภาษาพม่าอยู่พอดีครับ
อยากไปเที่ยวพม่ามั่งจัง
ป.ล. สถาบันวิจัยภาษาฯ มีห้องสมุดให้บุคคลภายนอกเข้าใช้บริการไหมครับ
เรียน คุณธวัชชัย
พม่าเปิดให้นักท่องเที่ยวไปเที่ยวได้ค่ะ
ขอเชิญไปใช้บริการห้องสมุดที่สถาบันฯ ได้ค่ะ ตอนนี้ยังฟรีอยู่ค่ะ และเรามีสำนักงานบริการข้อมูลภาษาและวัฒนธรรมเอเชียอาคเนย์ซึ่งมีหนังสือเกี่ยวกับประเทศเหล่านี้ รวมทั้งจีนและอินเดียซึ่งมีทั้งภาษาของประเทศเหล่านี้ รวมทั้งภาษาไทยและอังกฤษที่ดีพอสมควรแห่งหนึ่งของประเทศ ขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบและไปใช้กันได้ค่ะ