รายละเอียดของข่าวก็คือ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เมืองแดนบุรี มลรัฐคอนเนคติกัท เมื่อวันที่๔ ธันวาคม ปลายปีที่แล้ว เด็กชายวัยสิบห้านั่งหลับในห้องเรียน และได้ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงทุบโต๊ะจากคุณครูผู้สอน ต่อมาครอบครัวของเด็กนักเรียนชายดังกล่าวได้ว่าจ้างทนายให้ฟ้องร้องคุณครูเมลิสสา ในข้อหาทุบโต๊ะเสียงดังก่อให้เกิดการบาดเจ็บอย่างรุนแรงต่อแก้วหูข้างซ้ายของเด็ก จนส่งผลกระทบทำให้การได้ยินบกพร่อง (ขณะนี้คำตัดสินยังไม่ออกมาค่ะว่านักเรียนรายนี้จะชนะคดีหรือไม่)
สวัสดีครับ พี่อักษร ทับแก้ว
กรณีฝรั่งฟ้องครู ฟ้องหมอ ฟ้องใครต่อใคร แล้วในเมืองไทยเอามาใช้ด้วย โดยไม่ได้คำนึงถึงวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม บ้านเมืองเราก็เลยเริ่มจะมีปัญหาทางคุณธรรมจริยธรรมมากขึ้น ไม่ทราบว่านักประชาธิปไตยทั้งหลาย นักสิทธิมนุษยชนทั้งหลายคิดในแง่มุมนี้บ้างหรือเปล่า ผมขอยกตัวอย่างง่ายๆ หมอกลัวถูกฟ้อง ไม่กล้ารักษา ส่งคนไข้ไปโรงพยาบาลใหญ่ คนที่เดือดร้อนคือใคร หมอทำผิดพลาดโดยจงใจหรือเพราะไม่ใส่ใจหรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้นศาลลงโทษหมอ ก็คงไม่มีใครว่าอะไร แต่ถ้าหมอรักษาตามวิธีการแพทย์แล้วยังเกิดเหตุขึ้นมาจะลงโทษหมอถูกแล้วหรือ
ครูก็เช่นกัน การว่ากล่าวตักเตือนจะใช้ถ้อยคำรุนแรงไม่ได้ ลงโทษด้วยการตีไม่ได้ ผมไม่ทราบว่าผู้ใหญ่ในกระทรวงศึกษาธิการทราบไหมครับว่าเด็ก ป.๖ ด่าแม่ครู แล้วกระทรวงฯจะให้ทำอย่างไร
ทุกวันนี้ผมเริ่มสงสัยว่า คำว่าประชาธิปไตยที่ใช้แบบพวกมากลากไปแบบบ้านเรากำลังทำร้ายวัฒนธรรมของเราหรือเปล่า ผมรู้สึกเป็นห่วงครับ
สิทธิมนุษยชน มีก็ดี แต่ต้องพอเหมาะพอควรแก่กรณ๊ด้วยนะคะ
ฟ้องร้องเป็นวิธีการที่ใช้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม (ยุติ+โดยธรรม) ผมคิดว่าศาลท่านให้ความยุติธรรมได้ แต่ เรื่องสัพเพเหระก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลท่านครับ
แต่ถ้าให้ดีก็คุยกันให้รู้เรื่อง
ดีใจที่คุณหมอโรจน์เข้ามาแสดงความคิดเห็นค่ะ ขอบคุณนะคะ เปลี่ยนรูปใหม่จำไม่ได้เลย สบายดีนะคะ
สวัสดีค่ะ ... แวะเข้ามาอ่าน ภาษาอังกฤษ วันละคำค่ะ
พี่เก่งจังเลยค่ะ เขียนถ่ายทอดได้น่าอ่าน
อ่านแล้วทำให้รู้สึกว่า ได้ความรู้ ประสบการณ์เพิ่ม และ เรียนรู้ภาษาไปในตัวค่ะ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวและความรู้ดีๆ ค่ะ