เทคโนโลยี IT ทำให้การสื่อสารสองทางเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หากสามารถเข้าถึง internet ความเร็วสูง เราจะสื่อสารด้วยรูปแบบใดก็ได้ (อักษร, ภาพนิ่ง, ภาพเคลื่อนไหว, เสียง, เพลง, ภาพยนต์ ฯลฯ) ถึงใครก็ได้ เมื่อใดก็ได้
องค์ความรู้มากมายมหาศาลล่องลอยอยู่ในอากาศเรียบร้อย หากมีช่องทางที่จะไปเก็บเกี่ยวออกมา ก็จะเกิดประโยชน์ไม่รู้จบ
การสื่อสารจึงครบวงจรทั้งสองทาง อีกทั้งเป็นการสื่อสารที่มีพลังเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยโครงสร้างปัจจุบัน แม้ไม่มีสายโทรศัพท์ internet ก็สามารถเข้าถึงระดับตำบล หรือหมู่บ้านได้ ด้วยระบบเครือข่ายไร้สาย และสัญญาณดาวเทียม
โทรทัศน์ และโทรศัพท์มือถือ กลายเป็นอุปกรณ์ปกติที่มีใช้งานเกือบทุกหมู่บ้านชนบทไปเรียบร้อยแล้ว
ผมฝันอยากให้ computer และ internet ความเร็วสูง เป็นอุปกรณ์ปกติในบ้านเรือนชนบทด้วยเหมือนกัน ไม่รู้ว่าในชั่วชีวิตนี้จะได้เห็นอย่างนั้นหรือไม่
โครงการบริจาคหนังสือให้ห้องสมุด, โครงการเพื่อการศึกษาในชนบทต่างๆ น่าจะถูกแทนที่ด้วยการจัดให้มีการเข้าถึง internet ความเร็วสูง อยากให้การทำงานสาธารณสุขในชนบท เกิดการเชื่อมโยงผู้คนไม่ใช่เพียงแค่ทางกายภาพ แต่เป็นการโยงผู้คนเข้าด้วยกันทางปัญญา เกิดการรวมกลุ่มข้ามชาติ เกิดพลัง และเกิดปัญญาอันยิ่งใหญ่
หากโครงสร้างทุกอย่างพร้อมแล้ว เหลือแต่การพัฒนาคนให้ใช้ประโยชน์จากโครงสร้างได้เต็มที่
ผมมองว่า คนรุ่น C ต้องพัฒนาสองเรื่อง คือ ความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษ และทักษะการสื่อสารด้วยการเขียน (ภาษาอะไรก็ได้)
สองเรื่องนี้คือส่วนเติมเต็มของการสื่อสาร คือท่อที่จะทำให้องค์ความรู้ไหลไปมาได้อย่างสะดวก ความรู้มันจะเดินทางเข้าและออกจากสมอง และปลายทางของมันน่าจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า ปัญญา
สวัสดีค่ะ อาจารย์
สวัสดีค่ะคุณสุธี
ขอบพระคุณพี่แดงกับพี่ผึ้งงาน_SDU ครับ
ได้กำลังใจมากมายในการเขียนต่อครับผม
ขอบพระคุณพี่คนไม่มีรากครับ
ผมเห็นด้วยครับว่าหนังสือยังเป็นสื่อหลักของมนุษย์อีกนานครับ
แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ การจัดให้มีหนังสือและการจัดการระบบห้องสมุดในชนบทต่างหาก
ภาพที่เห็นเจนตาก็คือ ห้องสมุดประชาชน หรือห้องสมุดสาธารณะประจำอำเภอ เป็นห้องสมุดที่ "ตาย" เพราะมันไม่มีแรงดึงดูดให้คนเข้ามาใช้บริการ, ไม่มีหนังสือดีๆ ใหม่ๆ ห้องสมุดจึงไม่ต่างอะไรจาก ตู้เก็บหนังสือบริจาค