การมีสุขภาพจิตที่ดี
คนที่มีสุขภาพจิตดี คือคนที่สามารถปรับตัวเข้ากับเหตุการณ์หรือสิ่งแวดล้อมใหม่ๆได้ ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะเป็นในทางดีหรือร้าย
แนวทางที่จะทำให้มีสุขภาพจิตดีมีหลายแนวทางดังต่อไปนี้
๑. ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข
เด็กที่มีปัญหาทางพฤติกรรมต่างๆ มักจะมาจากครอบครัวแตกแยกเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นบุคคลในครอบครัวจะต้องช่วยกันทำให้ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข มีความรักต่อกันอย่างแน่นแฟ้น
ครอบครัวเปรียบเสมือนโช้กอัพ(shock absorber)หรืออุปกรณ์กันสะเทือนของรถยนต์ เมื่อสมาชิกมีปัญหาร้าย ครอบครัวก็ช่วยกันแก้ไข เยียวยา ปลอบประโลมหาทางแก้ไขจนเรื่องร้ายกลายเป็นดี เมื่อสมาชิกมีโชคดีครอบครัวก็ช่วยแสดงความยินดีด้วย บางครั้งถึงกับเลี้ยงฉลอง เป็นต้น
ยิ่งเป็นสูงอายุ ยิ่งต้องเป็นหลักชัยของครอบครัวช่วยชี้แนะลูกหลานในทางดี เป็นผู้นำในกิจกรรมเกี่ยวกับประเพณีวัฒนธรรมของครอบครัว จะทำให้คนในครอบครัวทุกคนมีสุขภาพจิตดี
การที่ผู้สูงอายุจะเป็นหลักชัยของครอบครัวได้ดีจำเป็นที่ผู้สูงอายุต้องเรียนรู้ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆของโลก และเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมปัจจุบัน อย่าจมปลักอยู่กับอดีต จนทำให้เด็กสมัยใหม่ล้อเลียนว่า “ไดโนเสาร์ – เต่าล้านปี”
การที่ผู้สูงอายุคิดไปอยู่บ้านคนชรา หรือหนีครอบครัวไปอยู่คนเดียวเป็นความคิดที่ผิด
ทำนองเดียวกัน การที่ลูกหลานคิดนำพ่อแม่ ปู่ย่าตายายไปอยู่บ้านพักคนชราไม่ทดแทนบุญคุณ...เป็นบาป
จงช่วยกันทำให้ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข แล้วทุกคนจะมีสุขภาพจิตดี
๒. มีเพื่อนสนิทมิตรสหายและไม่อยู่เดียวดาย
มนุษย์เป็นสัตว์สังคมต้องอยู่เป็นหมู่คณะ เมื่ออายุยังน้อยก็มีเพื่อนร่วมเรียน อายุมากขึ้นก็มีเพื่อนร่วมงาน สูงวัยหรือสูงอายุ เพื่อนเก่าๆ เริ่มล้มหายตายจากไปเป็นธรรมดา จำเป็นที่จะต้องหาเพื่อนใหม่ไว้เพิ่มเติมเสมอเพื่อไว้คุยปรึกษาหารือกัน
ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ถ้าใกล้เคียงก็ย่อมดี
ปัจจุบันมีการตั้งชมรมผู้สูงอายุตามชุมชนมากมาย ผู้สูงอายุสามารถเลือกเป็นสมาชิกชมรมใกล้บ้าน จะได้มีเพื่อนใหม่และมีกิจกรรมร่วมกันช่วยคลายความเหงาได้มาก ทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น
๓. รู้จักแก้ปัญหาที่ถูกต้อง
ทุกคนในโลกนี้ไม่มีใครไม่มีปัญหา ปัญหาทำให้เกิดทุกข์ เราต้องรู้จักแก้ทุกข์ หรือแก้ปัญหานั้นให้ได้ อย่าหนีปัญหาเพราะหนีอย่างไรก็ไม่พ้น
จงแก้ปัญหาด้วยปัญญาและเหตุผล
ถ้าปัญหาไม่มีทางแก้ไขให้หายขาดได้ จงปรับตัวอยู่ให้ได้อย่างดีที่สุด
๔. รู้จักพอ
ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ที่มีปัญหาสุขภาพจิตมักเกิดจากความโลภไม่รู้จักพอ แล้วมีผลทำให้เครียด ผลจากความเครียดก็จะทำให้สุขภาพทั้งกายและจิตเสียไปด้วยการรู้จักพอเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาอันนี้ได้
๕. มีงานทำตลอดเวลา
ทุกคนต้องทำงาน งานอะไรก็ได้ ไม่ว่างานนั้นจะมีรายได้หรือไม่มีรายได้ ขอให้เป็นงานที่ไม่เบียดเบียนตนเอง ผู้อื่น และสิ่งแวดล้อม
ตนนั้นแลเป็นที่พึ่งแห่งตน คนที่ไม่ทำงานจะซึมเศร้าและคิดมาก พลอยให้สุขภาพจิตเสีย แต่การทำงานช่วยแก้ทุกข์ได้
๖. ใช้ธรรมะจรรโลงใจ
ธรรมะในทุกศาสนาจะชี้แนะให้ทุกคนมีสุขภาพจิตดีทั้งนั้น ขอให้ปฏิบัติและศึกษาธรรมะของแต่ละศาสนาให้ถูกต้อง โดยเฉพาะเรื่องสติและวิปัสสนา จะช่วยทำให้สุขภาพจิตดีได้มาก
ได้เลยครับ U-Theory ผมไม่เห็นที่อยู่ของอาจารย์ครับ ช่วยส่ง e mail address มาที่ [email protected]
โทษนะครับที่ทำให้ยุ่งยาก
ยงยุทธ สงวนชม
power point humanizhalthcare