คราวนี้มาว่ากันเรื่องการพนันอีกที
แหม....จะว่าไป เป็นประเด็นฮิตติดชาร์ท เพราะ ฯพณฯนายกรัฐมนตรี กับ ท่านฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านออกหน้าออกตา เชียร์จนใครๆ ก็ ต้องติดตาม
ก่อนอื่นขอพูดถึงอุปกรณ์การเล่นพนัน กันก่อน เพราะมันเกิดคำถามในหัวผมมาหลายครั้งว่า อุปกรณ์จำพวก ไพ่ ลูกเต๋า น้ำเต้าปูปลา เหรียญสตางค์ และอะไรต่อมิอะไร ที่มีวางจำหน่าย ทำไมถึงไม่ผิดกฎหมาย ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่า เป็นอุปกรณ์การเล่นพนัน โดยเฉพาะ ไพ่ ลูกเต๋า และน้ำเต้าปูปลา
ก็กลับมานั่งคิด หนึ่งตลบ สองตลบ หลายตลบอบอวนไปด้วย กลิ่นอาย (ของเหตุและผล) ที่หลุดลอดออกมา เพราะตลบหลายครั้งมากเกินไป
ผมจึงพบว่า สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เกิดจาก หรือพูดตามหลักสายการผลิตและการพาณิชย์ ก็คือ ถูกผลิตออกมาโดยการใช้วัสดุที่มีการเสียมูลค่าหรือต้นทุนการผลิต ไม่ว่าจะเป็นภาษีนำเข้า การจ่ายภาษีรายได้ของผู้ผลิต การเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากวัตถุดิบอื่นๆ ที่นำมาใช้อยู่ในกระบวนการผลิต และแน่นอนว่า ขั้นตอนนี้ รัฐย่อมมีส่วนได้ส่วนเสีย จาก “ภาษี” ที่ว่านี้
และแล้วในที่สุด อุปกรณ์เหล่านี้ก็สำเร็จกระบวนการออกเป็นชิ้นเป็นอัน ก็เริ่มเข้าสู่ระบบการตลาด คือ การส่งออกจำหน่าย ฮั่นแน่....รัฐจะได้รายได้อีกแล้วจากราคาขาย ไม่ว่าจะเป็น ภาษีมูลค่าเพิ่มจากราคาขายที่ผู้ซื้อเป็นคนจ่าย ภาษีรายได้จากผู้ค้า ยังไง๊...ยังไง รัฐก็ได้ ว่าไหม?????
นั่นไง...ทำให้อุปกรณ์การพนันเหล่านี้ ณ จุดขาย จึงถูกกฎหมาย ตำรวจไม่จับ
แต่เมื่อถูกซื้อมาแล้ว เริ่มแล้วกระบวนการที่รัฐไม่ได้เข้าไปมี “เอี่ยว” แม้ว่า จะมี 5 มี 6 ออกมา หรือ ลงทุนทำนา “กุ้ง” แต่ไปออก “น้ำเต้า 3 ดอก” หรือ “เสือกินไก่ ไก่กินปู” ก็ตาม
ยังอีก ยังมีอีก จาก นาย “Jack” ไป หานาง “แหม่ม” จนยกอันดับไป เป็น “คิง” และลงท้ายด้วย “เอด (A)” . . . . อะฮ้า.....5 เด้ง 6 เด้ง ว่ากันไป
มันผิดกฎหมาย ใช่ ผมยอมรับว่าผิดกฎหมาย ไม่ได้แย้ง แต่จะมาบอกถึงความคิดว่า “ทำไมถึงผิดกฎหมายยังไงเล่า?” . . . เอ๊ะ....ขอผ่าน ยังไม่ จั่ว
ที่มันผิด ก็เพราะ ว่า “จำนวนเม็ดเงิน” ซึ่งก็คือ “รายได้” (ส่วนรายเสีย- - -ไม่นับ. . . แต่จับทุกคน) ที่คนเล่นการพนันได้มานั้น รัฐไปตามเก็บภาษีไม่ได้....มันจึงผิดกฎหมายไงครับ...แต่ถ้า เปิดบ่อนเสรี อย่างที่ “ท่านนายกพูดไปบ่นไป” หรือที่ “ท่านรัฐมนตรีพ่อพ๊ม” สนับสนุน......รัฐเข้าไปตามเช็ค ตามไปจัดเก็บภาษีได้...
อย่างนี้มันจึงไม่ผิดกฎหมาย และที่สำคัญยิ่งถ้ารัฐเป็นเจ้ามือ ทำเอง ชงเอง แล้วใครจะกล้ามาจับ
ทิ้งไว้แค่นี้แหละ คิดๆ กันเอาเอง ผมอาจหาญมากไป เดี๋ยวไม่คืนทุน . . . ม๊ะ มา ตาผม จั่ว
พี่ แล้วยาเสพย์ติดล่ะ ผิดกฎหมายเพราะรัฐไม่ได้เป็นผู้มี"ส่วนได้"ด้วยป่าว
อืม เป็นประเด็นที่น่าคิด นะ จิ๊บ
แต่ ถ้าจะลองนึก ๆ ดู ยาเสพติดนี่ถูกแบ่งเป็นประเภทเอาไว้ บางประเภทก็มีจำหน่ายไม่เห็นผิดกฎหมาย แต่บางประเภทไม่มีจำหน่ายโดยทั่วไป และผิดกฎหมาย
ก็คงมองกลับไปที่ระบบภาษีอีกแหละ นะว่าไหม?
ทีนี้ ลองมองไปที่ประเทศบางประเทศ ที่มีกฎหมายอนุญาตให้คนสูบกัญชาได้ เมื่อมีที่สูบ ก็มีที่จำหน่าย
หรือบางที่ ถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์ ในฐานะยารักษา
อย่างนี้ จะมองได้แบบไหนดี
พี่ก็ยังไม่แตกฉานเรื่องนี้สักเท่าไหร่
(กัญชาเป็นยาเสพติดประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ของประเทศไทย)
จิ๊บ พี่เพิ่งได้อ่านหนังสือพิมพ์ เดลินิวส์วันนี้ วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม 2551 หน้า 8 ในคอลัมน์ ฝ่าเปลวแดด
"เลาะทำเนียบ-คิดข้างประชาชน" โดย คอลัมนิสต์ใช้นามปากกว่า "ดาวประกายพรึก" เรื่อง "เฉลิม VS กระทิงแดง??"
เขาเขียนถึงเรื่องที่ รมต. มท. 1 ออกมา พูด ขอยกประโยคในคอลัมน์มาเลยก็แล้วกัน
"ผมจะดูแลเรื่องของการนำกาเฟอีนร้อยละ 0.5 ไปผสมน้ำตาลจำหน่ายให้ประชาชน เพราะถือเป็นการจำหน่ายยาเสพติดเช่นกัน จนร่ำรวยเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของประเทศ
ผมไม่ได้อิจฉา แต่ไม่เคยให้เกียรติคนแบบนี้ จะไปสอบถามประชาชนว่าจะให้จำหน่ายยาเสพติดที่ไม่ถูกต้องในลักษณะนี้ต่อไปหรือไม่ จะได้ดำเนินการเรื่องนี้ทันที"
อย่างนี้ เข้าประเด็นที่ จิ๊บถามหรือไม่?
แต่สุดท้าย อย. ก็ออกมาแถลงเองว่า เครื่องชูกำลังไม่ใช่ยาเสพติด
มูลค่าจำหน่าย เครื่องดื่มผสมกาเฟอีน สูงมากในประเทศของเรา มากเสียจน คนที่เคยออกมาต่อต้านอย่าง ศิลปินเพื่อชีวิต ยังต้องหันมาจับสินค้าประเภทนี้เป็นธุริกิจ