ชื่อเรื่อง : การพัฒนาการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ หน่วยการเรียนรู้ 4 เรื่อง “สารในชีวิตประจำวัน”
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1
ผู้วิจัย : นางเรวดี พินลา
ปีที่พิมพ์ : 2551
บทคัดย่อ
วิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ที่สำคัญยิ่งในโลกปัจจุบันและอนาคตเพราะช่วยพัฒนาผู้เรียน ให้ได้พัฒนาวิธีการคิด ความคิดที่เป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์วิจารณ์ คิดอย่างเป็นระบบด้วยทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ต้องอาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์ นำความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติรอบตัว ที่กำลังเผชิญอยู่ในโลกปัจจุบัน วิทยาศาสตร์เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนทุกคนทุกสาขาอาชีพ ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ที่เน้นการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่เชื่อมโยงชีวิตกับสภาพแวดล้อมสร้างองค์ความรู้ที่ให้ผู้เรียนทำกิจกรรมที่หลากหลายทั้งเป็นกลุ่ม และรายบุคคลในการสังเกตสิ่งแวดล้อมต่างๆ ให้รู้จักตั้งคำถามหรือปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่จะศึกษาค้นคว้าเพื่อพัฒนากระบวนการคิดขั้นสูง ดังนั้นการวิจัยปฏิบัติการในครั้งนี้ มีความคาดหวังเพื่อพัฒนาให้ผู้เรียน รู้จักการคิด ใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ รู้จักการแก้ปัญหาแสวงหาความรู้เพื่อนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันของผู้เรียนให้อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข ด้วยการพัฒนาการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เป็นรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนด้านปฏิบัติภารกิจในชั้นเรียน ประเมินผู้เรียนจากการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้การร่วมกลุ่มปฏิบัติกิกรรม และการทดสอบความรู้ควบคู่ไปกับกระบวนการเรียนการสอน การสร้างนิสัยความรับผิดชอบ การให้ความร่วมมือภายในกลุ่ม เป็นการช่วยให้นักเรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ประชากรในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนอนุบาลห้วยทับทัน อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 23 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยปฏิบัติการ ได้แก่
1. แผนการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เรื่อง “สารในชีวิตประจำวัน” ที่มีประสิทธิภาพ (E1 /E2) ตามเกณฑ์ 70 / 70 และมีดัชนีประสิทธิผล 0.50 ขึ้นไป จำนวน 14 แผนการเรียนรู้
2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง “สารในชีวิตประจำวัน” ที่ใช้แผนการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ รวม 14 แผนการเรียนรู้ แบบทดสอบจำนวน 40 ข้อ ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ เรื่อง“สารในชีวิตประจำวัน”หลังการเรียนโดยใช้แบบสอบถาม ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น จำนวน 30 ข้อ สอบถามความพึงพอใจต่อการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเป็นรายบุคคล
ผลการวิจัยปฏิบัติการพบว่า การจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เรื่อง “สารในชีวิตประจำวัน” นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนอนุบาลห้วยทับทัน ส่งผลให้นักเรียนมีพัฒนาการเรียนรู้ ดังนี้ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างเรียน เรื่อง “สารในชีวิตประจำวัน” ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 จำนวน 23 คน โดยการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ 14 แผน
การเรียนรู้ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น รวมทุกแผนการจัดการเรียนรู้ มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80.77/79.00 ด้านเนื้อหา นักเรียนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินไปสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1
ทุกเนื้อหาจัดอยู่ในระดับดี มีความพึงพอใจต่อรูปแบบการพัฒนาการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ ด้านการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนการสอน ด้านสื่อ/วัสดุอุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้ ด้านการวัดผล
ประเมินผลโดยรวมจัดอยู่ในระดับดีมาก ซึ่งเป็นไปตาม สมมุติฐานที่ตั้งไว้ เมื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนและหลังเรียน พบว่า หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ซึ่งเป็นไปตาม
สมมุติฐานที่ตั้งไว้ (หลังเรียนเฉลี่ยร้อยละ 86.74 ก่อนเรียนเฉลี่ยร้อยละ 58.37) แสดงว่าหลังเรียนนักเรียนได้คะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.37 (ก่อนเรียนเฉลี่ยร้อยละ 58.37 หลังเรียนเฉลี่ยร้อยละ 86.74) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) หลังเรียน กระจายน้อยกว่าก่อนเรียน (หลังเรียน 2.899 ก่อนเรียน 5.03) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานแตกต่างกัน 2.13 (ก่อนเรียน 5.03 หลังเรียน 2.899) ค่าประสิทธิภาพการสอน (C.V.) หลังเรียน 8.355 (ก่อนเรียน 21.56 หลังเรียน 8.355 ) กล่าวคือ ก่อนเรียนจัดอยู่ในระดับต้องปรับปรุง หลังเรียนจัดอยู่ในระดับดีถึงดีมาก ค่าดัชนีประสิทธิผล (E.I.) ของการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 14 แผน เท่ากับ 0.681
กล่าวโดยสรุปการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อการพัฒนาการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง “สารในชีวิตประจำวัน” นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 รูปแบบ
การพัฒนาการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ ทำให้นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ ในด้านการวัดผลประเมินผล โดยรวมจัดอยู่ในระดับดีมาก ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้ ด้านพฤติกรรมของนักเรียน พบว่า นักเรียนเรียนอย่างมีความสุขสนุกสนานเพลิดเพลิน ในการปฏิบัติกิจกรรมการทดลอง การศึกษาค้นคว้า สืบค้นข้อมูล การนำเสนอผลงานกลุ่มหน้าชั้นเรียน การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในการแก้ปัญหาของแต่ละกลุ่ม เช่น การปฏิบัติกิจกรรมการทดลอง การแบ่งปันสารเคมี และสื่อ/วัสดุอุปกรณ์การทดลอง นักเรียนกระตือรือร้นสนใจใคร่รู้ กล้าแสดงออก ซึ่งเป็นไปตามความคาดหวังของการวิจัยปฏิบัติการ ส่งผลให้นักเรียนสามารถเรียนรู้วิทยาศาสตร์อยู่ในระดับดีถึงดีมาก และส่งผลให้ผู้วิจัยได้นวัตกรรมที่มีคุณภาพสูงรูปแบบการพัฒนาการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเรื่อง “สารในชีวิตประจำวัน” ไว้ใช้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และเป็นแนวทางในการทำวิจัยปฏิบัติการกลุ่มสาระอื่นต่อไป
ขอคุณคะที่มาเสนอให้ชม
ด้วยความเคารพอย่างสูง
ด.ญ.อโณทัย ธีระสุขประสาน ชั้นป.6/2(แพรว)
ขอขอบคุณมากนะคะที่นำ
มาให้ชมเเละศึกษา
เพื่อนำส่งครูประจำชั้นเรียน
เด็กหญิงเพชรไพลิน มานา ชั้นป.6/2( แก้ม )
โรงเรียนบ้านจอมพระ
ขอบคุณนะคะคุณครูเรวดี พินลา หนูน้องจูนเด้อคะลูกศิษย์ครูชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 บาย
ขอบคุณ คุณครูมากนะคะที่ให้ความรู้ให้หนู