วันนี้นั่งรถไปกับเพื่อนภูมิศาสตร์คนหนึ่ง เพื่อไปดูสถานที่จัดงาน ๒๓ ปีภูมิศาสตร์ที่ตำบลจอมทองพร้อมกับคุณแม่ และคุณน้องของเพื่อน เรานั่งรถไปเรื่อยๆ ผ่านป้ายวัดเกาะแก้วซึ่งเป็นทางเข้าสถานที่ที่เราจะไป แต่พวกเราขับเลย ตอนที่ขับรถเลยไปนั้นเห็นพระรูปหนึ่ง นั่งอยู่กลางแดดริมถนน พร้อมกับสัมภาระ ตอนนั้นก็ยังไม่ได้สนใจอะไรเพราะคิดว่าเป็นคุณเณร เราเลี้ยวรถกลับมาเพราะเราเลยทางเข้า พวกเราเลี้ยวเข้าไปในทางเข้าที่เราเลยไปเมื่อครู่ เราก็ยังเห็นพระรูปนั้นอยู่ที่เดิม แต่เราเห็นว่าพระรูปนั้นเป็นพระชราแล้วชรามากด้วย จากอาการยืนที่หลังงองุ้มมือหนึ่งจับร่มที่ตอนนี้เป็นไม้เท้าของหลวงตา (ที่เราเห็นตอนแรกน่ะ ท่านไม่ได้นั่งหรอกท่านยืนอยู่ต่างหาก) ตอนนั้นเราสงสัยกันว่าหลวงตาท่านยืนรออะไรหนอ พอเราเข้าไปดูสถานที่เรียบร้อยแล้วพวกเราก็กลับออกมา ก็ยังเห็นหลวงตายืนอยู่ที่เดิม คุณแม่ของเพื่อนเราก็เลยเข้าไปถาม หลวงตาท่านบอกว่าท่านยืนรอรถประจำทางเพื่อจะเข้าเมืองพิษณุโลก แต่รถไม่มาสักที พวกเราก็เลยนิมนต์หลวงตานั่งรถเข้าเมืองไปด้วยกัน เพราะเห็นว่าท่านยืนรออยู่นานแล้ว ระหว่างทางก็ได้รู้ว่า หลวงตารูปนี้ อายุ ๙๑ ปี บวชมาตั้งแต่ปี ๒๕๐๐ ท่านจำวัดอยู่ที่ วัดเกาะแก้ว ที่เราเพิ่งเข้าไปเมื่อกี้นี้เอง จุดประสงค์ของท่านก็คือ จะเข้าไปซื้อชามข้าว ๑ ใบ เพื่อมาใช้คืนวัด เพราะว่าท่านทำแตก (แต่จริงๆแล้วท่านไม่ได้ทำหรอกนะ แมวมันทำแตกตอนที่เอาไปให้อาหาร)
คุณแม่เพื่อนเราถามหลวงตาว่า
"แค่ชามใบเดียวทำไมหลวงตาต้องเข้าไปซื้อเองถึงในเมืองด้วย"
หลวงตาท่านให้เหตุผลว่า
"ก็เราทำของเขาแตก เราก็ต้องเอามาคืนเขา ถ้าเราไม่เอามาคืน ต่อไปมันก็จะไม่มีจานชามเหลือให้วัดอีก เดี๋ยวคนอื่นเขาจะว่าเอา"
เราก็เลยได้ข้อคิดดีๆจากคำพูดที่ฟังดูธรรมดาของหลวงตาอายุ ๙๑ กับชามแค่ ๑ ใบ ที่เปี่ยมไปด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ถึงแม้จะเป็นวัดเล็กๆ ที่มีพระจำวัดอยู่แค่ 3 รูปก็ตาม
พอส่งหลวงตาถึงจุดหมาย พวกเราก็ได้รับพรอันประเสริฐกันอย่างอิ่มเอมถ้วนหน้า
นมัสการค่ะ หลวงตา
ขอบคุณค่า.......(^_^)