ในการออกไปเป็นวิทยากรการจัดทำโครงงานเด็กไทยทำได้ที่อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ หลังจากที่เสร็จสิ้นการอบรมแล้ว ในระหว่างกลับบ้านเลยอำเภอหนองบัวประมาณ 12 กม. ได้ประสบกับการเกิดอุบัติเหตุมีรถตู้จอดอยู่ข้างทาง กลางถนนพบมอเตอร์ไซด์และเด็กนักเรียนนอนอยู่กลางถนน เด็กนอนคว้ำและชักกระตุกเป็นระยะ มีชาวบ้านมุงดูอยู่ประมาณ 7-8 คน (โดยไม่ได้ทำอะไรเลย) พี่พยาบาลที่มาด้วยตะโกนขึ้นมาว่าเด็กของเรา เด็กของเรา หันไปดูพบว่าที่มอเตอร์ไซด์แขวนแฟ้มเอกสารที่เราไปเป็นวิทยากรกันอยู่ ด้วยความตกใจพี่พยาบาล 2 คนจึงรีบลงไปดู ชาวบ้านที่ดูอยู่พยายามเข้ามาห้ามบอกอย่าแตะต้องตัวเด็ก จนพี่พยาบาลโมโหต้องบอกว่าฉันเป็นพยาบาลนะ จากนั้นจึงเข้าช่วยเหลือโดยการพลิกให้นอนหงาย (พยายามให้เบาและระวังที่สุดเพราะไม่รู้ว่ากระดูกบริเวณต้นคอจะเป็นอะไรบ้าง) ปรากฎว่าเด็กมีน้ำลายฟูมปากและเริ่มปากเขียวแล้ว จับชีพจรยังมีชีพจรอยู่ จึงทำการช่วยเหลือเบื้องต้น โดยการ Clear ทางเดินหายใจ ซึ่งตอนนั้นไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย จึงต้องให้คนที่ชนเป่าปาก (เป็นคนดีมาก ไม่หนี และช่วยเหลือทุกอย่าง) เป่าได้ 2 ครั้ง เด็กเริ่มสำลัก ในระหว่างเป่าพี่พยาบาลก็นวดหัวใจไปด้วย ระยะหนึ่งเด็กก็หายใจได้อีกครั้ง เจ้าหน้าที่มาด้วยได้โทรไปที่ 1669 ซึ่งเป็นเบอร์ศูนย์นรินทรในรีบมารับ ซึ่งระหว่างนั้นก็ได้รถจากชาวบ้านแถวนั้น (ทราบที่หลังว่าเป็นรถ อบต.) ไปส่งเพื่อจะได้สวนทางกันรถของ รพ.หนองบัว (เป็นรถในเครือศูนย์นรินทร 1669) จะได้เจอกันเร็วขึ้น ตอนนี้เด็กปลอดภัยแล้ว ข้อมือหักต้องด้ามเหล็ก ส่วนสมอง CT scan แล้วไม่เป็นไร และคงต้องตรวจประเมินอีกเป็นระยะ
จากเหตุการณ์ดังกล่าว
ดังนั้นน่าจะต้องมีการรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนให้มากยิ่งขึ้น เพราะในรายนี้ หากเหตุการณ์ไม่มาพบกับรถของทีมงานพอดี เด็กอาจเสียชีวิตไปแล้วก็ได้
ขอบคุณคุณกรวิกา ภู่พงศ์พันธ์กุล (พี่วล) และคุณอัญชลี ตั้งบรรเจิดสุข (พี่เป๋ง) ที่ช่วยเหลือชีวิตเด็กได้ทัน และปลอดภัย ถึงแม้ว่าในวันรุ่งขึ้นชาวบ้านและครูจะเข้าใจผิดว่ารถวิทยากรเป็นคนชนเด็ก จนต้องตามไป Clear ก็ตาม
ขอขอบคุณที่เข้ามาเล่าให้ฟัง คิดว่าถ้าอยู่ในเหตุการณ์จริงๆก็อาจทำได้ไม่ดีเท่านี้ ทุกคนทำเต็มที่แล้วค่ะ คิดว่าเป็นโชคดีของเด็ก
แต่อย่างว่าแหละพี่ก้อง ในเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าทุกคนกลัวที่จะให้การช่วยเหลือ เพราะกลัวว่า อาจโดนถูกใส่ร้าย(ซึ่งก็โดนจริงๆ) คนที่มุงดูให้การช่วยเหลือไม่เป็น ไม่รู้ว่าป่านนี้ เด็กคนนั้นคงเป็นเจ้าหญิงนิทราไปแล้ว และถ้าสังคมไทยเรา ยังคิดถึงแต่ตัวเอง บ้านเมืองก็คง ย่ำแย่เหมือน มากกว่า ที่เป็นอยู่นี้
และเห็นด้วยที่คนไทยน่าจะต้องมีความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เพราะสมอง ถ้าขาดออกซิเจน เกิน สี่ นาที ก็กู่ไม่กลับแล้ว