เมื่อส่วนที่เคยแข็ง..เริ่มอ่อน..
จะทำอย่างไรดี..???? (เกษตรต้องอ่าน..)
อุตสาห์หลงดีใจ ภูมิใจตั้งนานว่ามันแข็งดี...ก็มันเคยแข็ง...ใคร ๆ ก็ว่าแข็ง... รู้ตัวอีกที..แอบอ่อนตอนไหน...(หลายคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันอ่อนแล้ว)..
แล้วอะไรที่เคยแข็ง.....
แล้วทำไมมันถึงอ่อน….
***********ก็จุดแข็งของกรมส่งเสริมการเกษตรไง.........
แข็งยังไง ????????
แข็ง 1. เราทำงานกับเกษตรกรซึ่งเป็นคนสวนใหญ่ของประเทศ ตั้ง 80 % เชียวนะ..
แข็ง 2. กรมส่งเสริมการเกษตรมีคนอยู่ทุกทิศ เป็นมิตรแท้ของเกษตรกร
แข็ง 3. เราทำงานกับชาวบ้าน คุย (สื่อสาร) กับเกษตรกรรู้เรื่องมากที่สุด
แข็ง 4. เรารู้พื้นที่มากที่สุด ส่งเสริมได้ถูกต้อง ตรงความต้องการเกษตรกรสุด ๆ
แข็ง 5. เราเป็นตัวแทนทุกหน่วยงานในกระทรวงเกษตรในระดับพื้นที่
แข็ง 6. เราคือผู้ที่เปลี่ยนแปลงเกษตรกรให้สามารถผลิตพืชได้มากที่สุด
**********แล้วมัน “ปวกเปียก” ยังไง….
อ่อน 1. ตอนนี้เกษตรกรไทยเหลือเพียงแค่ 40 % นะ (อ้าว....อ้างไม่ขึ้นแล้วสิเรา...แต่ก็ดีนี่..ประเทศรวย ๆ ก็มีเกษตรกรไม่ถึง 15 % ด้วยซ้ำ..)
อ่อน 2. มีคนอยู่ทุกทิศ......แต่เป็นคนที่ไม่มีแฟน..เฮ้ย......ไม่มีแรง อายุมาก...ไม่สามารถขับรถตระเวณรอบทุกหมู่บ้านเพื่อเก็บข้อมูลที่กรม ฯ ขอมาทุก ๆ วันได้ (ใช่ ๆ น้ำมันก็แพง...เบี้ยเลี้ยงก็น้อย..จำกัดต่อเดือนอีก..วิ่ง 2 รอบก็หมดแล้ว)
อ่อน 3. เกษตรคุยเก่ง..นิทานเยอะ ร้องคาราโอเกะได้ทั้งคืน...แต่การสื่อสารระหว่างกันและกัน...(อันนี้ไม่แน่ใจ)...แต่พอเป็นพิธีกร..ไม่เคยชมผลงานของเพื่อน ๆ เกษตรด้วยกันเลย.....
............การสื่อสารระหว่างเกษตรตำบลกับเกษตรอำเภอ>>>>>>>(เหวออ..อ..อ..อ)
............ระหว่างอำเภอกับจังหวัด>>>>>>>(วันเวย์)
............ระหว่างจังหวัดกับกรม ฯ >>>>>>(โนเวย์) ..รึเปล่า....
............แล้ว กรมฯ กับกรมฯ อื่นละ ??????????????????????????????????????????
อ่อน 4. เราส่งเสริมได้ถูกต้อง ตรงความต้องการเกษตรกรสุด ๆ แต่บอกให้เลิกปลูกมัน ฯ ปีนั้นมันจะราคาดี ปีไหนให้ปลูกข้าวมะลิ ข้าวเหนียวจะราคาดี ปีไหนให้ปลูกข้าวเหนียว ราคาข้าวมะลิก็จะทะยานขึ้น (บอกปลูกอะไร..ราคาตกหมด....เข้าแก้งค์ไหนหัวหน้าตายหมด..ฮ่า ๆ)
อ่อน 5. เราเป็นตัวแทนทุกหน่วยงาน....แต่ทุกหน่วยงานมีหน่วยเคลื่อนที่ เข้าถึงเกษตรกรเป้าหมายได้ทุกพื้นที่ เรียกได้ว่า “ขายตรงวิชาการ” เลยทีเดียว การเป็นสะพานเชื่อมวิชาการ เริ่มจะหมดความสำคัญ (ระวังตกยุค เทคโนโลยีล้าหลังเกษตรกรที่จะไปส่งเสริมแล้วกัน)
อ่อน 6. เราคือผู้ที่เปลี่ยนแปลงเกษตรกร แต่เราไม่เคยเปลี่ยนแปลงตัวเองเลย วิธีคิดยังเหมือน 30 – 40 ปีก่อน ส่งผลต่อ วิธีการยังเหมือนเดิม ส่งผลให้
****เรามีปัญหากับทักษะวิชาชีพของเราทั้งหมด****
........แข็ง>>>>>>>>>>>>อ่อน ========= เสื่อม (ศัทธา) ขาดความเชื่อมั่นในองค์กร
(ทำไมกรม ฯ คุณถึงทำเรื่องนี้ช้า...>>>>>>>ก็เป็นยั่งนี้มาตั้งนานแล้วละครับกรม ฯ ผม..ประมาณนี้)
======= ไม่เข้าใจ อึดอัด คับข้องใจ บ่น ท้อ เหนื่อย เช้าชาม เย็นครึ่งชาม จน เครียด กินเหล้า ลาออก ฯลฯ
@@@@@@@@@@@ เมือนคืนมืด แต่เช้านี้ยังสว่าง@@@@@@@@@@@
@@@@@@@@@@@ เมือนคืนเมา แต่เช้านี้ก็ยังส่าง@@@@@@@@@@@
โลกเปลี่ยน เราก็ต้องเปลี่ยนตาม
$$$$$$$$$$$$$$$$$$ ยานี้กินแล้วแข็ง $$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$
เช่น......“คุณทำหนังสือถึงใคร..?”
“ถึงเกษตรจังหวัดทุกจังหวัดครับ…”
“ดี...งั้นผมย้ายคุณไปเป็นเกษตรจังหวัด…รับหนังสือนี้ไปนั่งอ่านที่ห้องโนนก่อน ...อ่านแบบเกษตรจังหวัดนะ..ไม่ใช่อ่านแบบกรม ฯ”
...........เขียนเอง...อ่านไม่รู้เรื่องเองครับ.............
เช่น....... “เราต้องทำงานกับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังตั้งหมื่นกว่ารายนะครับ..”
“งั้นรึ..แล้วมีผู้รับซื้อมันสำปะหลังทั้งจังหวัดกี่รายละ?????”
“เออ..ประมาณ 10 กว่าคนครับ”
“แล้วเราเกี่ยวข้องกับ 10 กว่ารายนี้ไหม???”
“เกี่ยวเบา ๆครับ แค่ประสาน สวนมากก็แจ้งพานิชย์จังหวัดไปครับ”
“ทำไมเราเกี่ยวกับคนตั้งหมื่นกว่าคนได้ แต่กับคนที่กุมชะตากรรมของคนเป็นหมื่นคือคนรับซื้อมัน ฯ แค่ 10 กว่าคนไม่ได้ ...เราดูแลแค่มันฯ หรือดูแลเกษตรกร..ถ้าเกี่ยวหนัก ๆกับคนเพิ่มขึ้น 10 คนแล้วเกษตรกรทั้งจังหวัดมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น..คุ้มค่าที่จะเกี่ยวไหม...”
“…………….”
“เอางี้..ถ้าพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาคุณกลายเป็นเกษตรกร...ปลูกอะไรซักอย่าง..สิ่งแรกที่คุณจะต้องนึกถึงคือ.....จะปลูกอย่างไร..หรือจะขายที่ไหน...?????”
“เออ...ปลูกไม่ยากครับ...แต่ไม่รู้จะไปขายไหน...เรื่องตลาดไม่เคยเรียนมา..ไม่ค่อยถนัด...ต้องถามพานิชย์มั้งครับ…”
“เห็นไหม...เกษตรกรมองเรื่องกาตตลาดมาก่อน...แต่เกษตรตำบลมองเพียงการใส่เทคโนโลยีลงไป...ทุกวันนี้การตลาดต้องนำการผลิต...”
“ครับ….”
“ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว....เราอย่ายึดติดกับวิธีการเดิม..เราต้องกล้าเปลี่ยนแปลง...ต้องเป็นนักต่อจิกร์ซอ (นักเชื่อมโยง) ที่ดี รู้ว่าประเด็นอยู่ตรงไหน...เรายืนอยู่จุดใด..และจะเชื่อมโยงต่อยังไง..”
“ครับ….”
“ต้องทราบสถาณภาพปัจจุบันของเกษตรกร...........
.................ต้องรู้จักคนซื้อผลผลิต...
.................ต้องดูให้ออกว่าเป้าหมายการพัฒนาการผลิตคืออะไร.......
.................อย่าถามกรมฯ เพราะกรม ฯ ไม่ใช่คนซื้อผลผลิตของคุณ....
.................ต้องคำนึงด้วยว่าพืชทุกพืชมีเพดาน...เพียงแต่ไม่รู้ว่าเพดานแต่ละพืชอยู่ที่ใด...สิ่งที่ทำได้คือต้องยืนอยู่บนวิชาการที่ถูกต้อง...ไม่ใช่เพียงปลูกพืชให้อยู่ได้..ที่สำคัญกว่าคือต้องให้พืชอยู่ได้ดี...เพราะถ้าเกิดราคาตก..แต่ผลผลิตต่อไร่สูง..ก็ดีกว่าผลผลิตต่ำแน่นอน...” (พืชอยู่ได้..เกษตรกรอยู่ดี เกษตรตำบลก็น่าจะอยู่ได้..แต่จะดีหรือเปล่า..โดยเฉพาะเกษตร(อยู่)จังหวัด ต้องตามต่อครับ แฮะ ๆ..ๆ..)
ไม่มีประโยชน์ที่จะนั่งรอ
มี 3 ข้อ สรุปให้ฟัง
1. คุณต้องมีศัทธา..(นางฟ้า.....)
2. ต้องมีความเชื่อมั่นในองค์กร (เป็นนักโต้แย้งที่เข้าข้างตัวเองเสมอ)
3. คิดให้เป็น (ปรัชญา = คิดอย่างไรก็ได้ แต่คิดดี คุณก็ได้รับสิ่งที่ดี คิดไม่เป็น ก็เสียเวลาอ่านเฉย ๆ)
"ยังมีเกษตรกรรอพึ่งเราอีกมากมาย"
ถอดความจาก http://gotoknow.org/blog/anakrat/167347/ซามูไรพ่อลูกอ่อน
ขอบคุณ/ขออภัยผู้เกี่ยวข้อง ไม่มีประสงค์จะว่าใคร..(ผู้ที่อ้างคนใหญ่มักจะไม่ใหญ่จริง..เกษตร(อยู่)จังหวัดขออ้างท่าน ครับ
สวัสดีค่ะ
- อะโอ๋วันนี้เริ่มท้อแล้วหรือ
- ไปกินลาบหมาน้อย..เพิ่มพลังก่อน
- ก็มันจะโต๊..มันจะโต
- การตลาดนำการผลิต
- เปลี่ยนเป็นการผลิตนำการตลาด...ก็แค่นั้นแหละ...โลกเปลี่ยนไงจ๊ะ
- เห็นแถวปากช่อง...บ้านพี่เขย...เขาปลูกโดยทำสัญญากับการตลาด...วางมัดจำล่วงหน้า...
- เน้นต้องซื่อสัตย์...ไม่ใช่ชื่อสัตว์
- อีกวิธี.....มีกลไกคือซื้อแผงไว้ที่ตลาดไทย.....ไม่ได้ไว้ขายสินค้าโดยตรง.....เพื่อฟังราคาสินค้าต่อวัน...โทรศัพท์....ใช้ดีตรงนี้แหละ...แล้วสั่งจองสินค้ากัน...ในกรณีสินค้าไม่มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
-ไม่รู้วิธีนี้เก่าไปไหม...แต่หวังว่าน่าจะช่วยได้บ้างนะคะ
หวัดดีครับ
สวัสดีค่ะพี่