Nan & Ball Chongbunwatana
นายและนาง คมกฤชและประณยา จองบุญวัฒนา

11: หน้าที่สตรีมุสลิมต่อสังคม


การทำความเข้าใจกับหลักคำสอนของอิสลามจะทำให้รู้และเข้าใจในสังคมมุสลิม เป็นเกราะป้องกันความเข้าใจผิดที่จะนำมาซึ่งการเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน

ในทางกฎหมายนั้น เมื่อผู้ใดมีสิทธิแล้ว สิ่งที่ต้องคำนึงถึงควบคู่กันไปเสมอก็คือคำว่า "หน้าที่" ค่ะ ในบทความก่อนหน้านี้ นั้น ได้กล่าว ถึงบทบาทและสิทธิของสตรีมุสลิมไปแล้ว แต่บทความนี้ไม่จบ ยังมีส่วนที่กล่าวถึงหน้าที่สตรีมุสลิมไว้ด้วย จึงขออนุญาตนำมาเสนอต่อไป จะได้ครบถ้วน กระบวนความค่ะ 

 

หน้าที่สตรีมุสลิมต่อสังคม

   เมื่อกล่าวถึงสิทธิและอภิสิทธิ์ของสตรีในสังคมมุสลิมแล้ว ก็ต้องดูว่าพวกเธอได้รับความคาดหมาย หรือต้องมี "หน้าที่" อะไรบ้างต่อสังคม จากบทความเรื่อง "Women and Islam" ในเว็บไซต์ http://islamic-world.net/sister/articles.htm เขียนไว้ว่า สตรีมุสลิมพึงมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ

  • เธอควรมีความคิดดีและทำดีต่อผู้อื่น
  • เธอควรซื่อสัตย์
  • เธอต้องหลีกเลี่ยงการกล่าวเท็จ
  • เธอต้องให้คำแนะนำที่บริสุทธิ์ใจ
  • เธอพึงเป็นตัวอย่างให้แก่ผู้อื่นในการกระทำดี
  • เธอต้องไม่โกง หลอกลวง หรือทรยศหักหลัง
  • เธอต้องรักษาสัญญา
  • เธอต้องไม่เสแสร้ง
  • เธอควรมีความคิดดีและทำดีต่อผู้อื่น
  • ผู้หญิงมุสลิมที่แท้จริงต้องมีบุคลิกสง่างาม เป็นมิตร อ่อนน้อม อ่อนโยนทั้งคำพูดและการกระทำต่อบุคคลอื่น เธอมีความรักในเพื่อนมนุษย์และเป็นที่รักในหมู่คนที่ห้อมล้อม ดังเช่นที่พระศาสดาทรงเป็นบุคคลที่ดีเลิศในการมีความคิดที่ดีต่อบุคคลอื่นตลอดเวลา

    คุณสมบัติในการเป็นคนที่คิดดีและทำดีนี้ หากเป็นผู้นับถือศาสนาอื่นๆ แล้ว อาจจะได้มาเพราะการศึกษาและอบรมที่ดี แต่หากเป็นมุสลิมแล้ว การมีความเชื่อในอิสลามและปฏิบัติตามหลักคำสอนจะ
    หล่อหลอมให้บุคคลนั้นเป็นผู้มีจิตใจดีและส่งผลทำให้กระทำดีต่อบุคคลอื่นเสมอมา เพราะอิสลามเป็นศาสนาเดียวที่มีบทกำหนดในการปฏิบัติแม้แต่ในเรื่องเล็กน้อยของทั้งชายและหญิง แต่สิ่งเหล่านั้นจะนำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข สมานฉันท์ และเคารพซึ่งกันและกันในสังคม

  • เธอควรซื่อสัตย์

  • สตรีมุสลิมพึงมีความสัตย์จริงต่อบุคคลอื่น ทั้งนี้เพราะหลักคำสอนของอิสลามสนับสนุนความซื่อสัตย์และถือว่าความซื่อสัตย์คือคุณสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ มุสลิมจะต้องไม่พูดโกหก และต้องไม่กระทำการหลอกลวง สตรีมุสลิมเชื่อมั่นในความสัตย์ซื่อว่าจะนำไปสู่การกระทำดี และจะนำเธอไปสู่สวรรค์ และในทางตรงข้าม บุคคลที่คดโกงก็จะเดินทางไปสู่นรกเช่นกัน

  • เธอต้องหลีกเลี่ยงการกล่าวเท็จ

  • สตรีมุสลิมที่แท้จริงคือบุคคลที่ได้รับการกล่อมเกลาโดยคำสอนและแนวทางของอิสลามย่อมไม่กล่าวเท็จ เพราะการกล่าวเท็จคือ ฮาราม หรือการกระทำความผิด

    "เช่นนั้นแหละ และผู้ใดให้เกียรติต่อข้อห้ามทั้งหลายของอัลลอฮฺ มันก็จะเป็นการดีแก่เขา ณ ที่พระเจ้าของเขา และปศุสัตว์ทั้งหลายได้เป็นที่อนุมัติแก่พวกเจ้า เว้นแต่บางสิ่งที่ถูกบอกกล่าวไว้แก่พวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจงปลีกตัวให้พ้นจากความโสมม ซึ่งหมายถึงเจว็ดทั้งหลาย และจงออกห่างจากการกล่าวคำเท็จ" (อัลกุรอาน 22 : 30)

    การเป็นพยานเท็จนอกจากจะเป็น "ฮาราม" แล้วยังเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมสำหรับสตรีมุสลิม การเป็นพยานเท็จทำให้เธอเสื่อมเสียเกียรติยศและการยอมรับ ทำให้เธอเป็นคนคดโกงในสายตาผู้อื่น พระคัมภีร์
    อัลกุรอานเขียนไว้ชัดเจนว่า

    "และบรรดาผู้ไม่เป็นพยานในการเท็จ และเมื่อพวกเขาผ่านเรื่องไร้สาระ พวกเขาผ่านไปอย่างมีเกียรติ" (อัลกุรอาน 25 : 72)

  • เธอต้องให้คำแนะนำที่บริสุทธิ์ใจ

  • สตรีมุสลิมที่แท้จริงไม่เพียงแต่จะต้องหลีกเลี่ยงคุณสมบัติที่ไม่ดีแล้ว เธอยังต้องมีความจริงใจและบริสุทธิ์ใจต่อผู้ที่เธอคบค้าสมาคม หากเธอเห็นว่าเขาเหล่านั้นกระทำผิด เธอพึงชักนำเขาไปในทางที่ดีโดยการให้คำแนะนำที่บริสุทธิ์ใจและจริงใจ การชักจูงบุคคลที่หลงผิดให้กลับมาเชื่อในอัลลอฮฺเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ของผู้นับถืออิสลามทุกคน

    คำแนะนำที่บริสุทธิ์ใจนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับ salah (การปฏิบัติละหมาด) และ zakah (การบริจาคชะกาต) ตามคำสอนของท่าน Sahabi Jarir Ibn Abdullah และเป็นคุณสมบัติเบื้องต้นที่มุสลิมทุกคนพึงมีในวันพิพากษาโลก

  • เธอพึงเป็นตัวอย่างให้แก่ผู้อื่นในการกระทำดี

  • สตรีมุสลิมที่มีจิตวิญญาณบริสุทธิ์เพราะหลักอิสลามคือปราศจากความเห็นแก่ตัวและมีความรักในเพื่อนมนุษย์ย่อมปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้พบเห็นและรู้จัก ความดีจะเป็นที่ประจักษ์และบุคคลที่ล้อมรอบเธอจักได้รับประโยชน์ ไม่ว่าเธอจะทำดีนั้นเพื่อตัวเองหรือเพื่อผู้อื่น เพราะเธอรู้ว่าบุคคลที่นำทางบุคคลอื่นไปในทางที่ดีจะได้รับรางวัลจากการกระทำนั้น ดังเช่นที่พระศาสดากล่าวไว้ว่า "บุคคลใดที่นำผู้อื่นในการทำดีย่อมได้รับรางวัลเช่นเดียวกับที่บุคคลนั้นได้รับ" (อัลฮาดิษ)

    สตรีมุสลิมจะไม่โอ้อวดในการกระทำดีของตนเยี่ยงหญิงขายของพยายามขายสินค้า เพียงเธอผู้เดียวรู้ว่าเธอทำดีก็พอแล้วที่จะได้รับประทานรางวัลจากอัลลอฮฺ ซึ่งมีความสำคัญยิ่งกว่าชื่อเสียงใดๆ โดยวิถีทางเช่นนี้ ความดีของเธอจะแพร่หลายขจรขจายไปในชุมชน และทุกคนจะมีโอกาสที่จะทำในสิ่งที่อัลลอฮฺทรงช่วยให้เขากระทำ มุสลิมที่แท้จริงย่อมนำทางบุคคลอื่นให้กระทำดีทันทีที่มีโอกาส และจักได้รับรางวัลอัลลอฮฺ เท่าเทียมกับบุคคลที่กระทำความดีนั้น

  • เธอต้องไม่โกง หลอกลวง หรือทรยศหักหลัง
  • สตรีมุสลิมที่จริงใจย่อมมีความสัตย์ซื่อเป็นคุณสมบัติพื้นฐาน เธอจะไม่โกง หลอกลวง หรือทรยศหักหลัง เพราะเธออยู่เหนือคุณสมบัติที่ไร้ค่าเหล่านั้น ความสัตย์ย่อมต้องการความคิดที่จริงใจ ตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์ และยุติธรรม หากมีคุณสมบัติเหล่านี้แล้ว ในใจของเธอจะไม่เหลือที่สำหรับความคดโกงหรือหลอกลวง

    การยอมรับหลักอิสลามคือความจริงโดยธรรมชาติและจะขับไล่บาปโทษของการหลอกลวง คดโกง หรือทรยศหักหลัง ดังเช่นที่ท่านศาสดากล่าวไว้ในฮาดิษว่า

    "ใครก็ตามที่จับอาวุธต่อต้านเราย่อมไม่ใช่คนหนึ่งในพวกเรา และผู้ที่คดโกงเราก็ไม่ใช่พวกเราด้วย"

    สังคมมุสลิมจึงมีแต่ความบริสุทธิ์ใจ ซื่อตรง จริงใจต่อกัน คำสัญญาทั้งปวงจะได้รับการปฏิบัติตาม หากมีผู้ทรยศหรือคดโกงในสังคม ย่อมถือว่าผู้นั้นคือศัตรูของสังคม

    อิสลามมองการโกง หลอกลวงและทรยศหักหลังว่าเป็นอาชญากรรมที่จะต้องได้รับการพิพากษาทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ดังเช่นที่ท่านศาสดากล่าวว่าในวันพิพากษาคนทรยศทั้งหลายจะลุกขึ้นมาพร้อมถือธงบอกว่าเขาเหล่านั้นคือผู้ทรยศ และผู้ได้รับความอยุติธรรมจะร้องตะโกนและชี้ตัวเขา

    "คนทรยศทุกคนจะถือธงในวันพิพากษา และจะถูกชี้หน้าว่า นี่คือผู้ทรยศและอื่นๆ"


    ความละอายในวันพิพากษาจะเพิ่มทวีคูณเมื่อเขาเห็นท่านศาสดา ผู้ซึ่งเป็นความหวังและผู้ประสานประนีประนอมในวันสำคัญนั้นยืนอยู่เบื้องหน้าเขา เพราะพวกเขาได้กระทำผิดบาปมหันต์ จนไม่สมควรได้รับพระกรุณาจากอัลลอฮฺ และจากการประสานประนีประนอมจากท่านศาสดา

  • เธอต้องรักษาสัญญา

  • คุณสมบัติหนึ่งของสตรีมุสลิมคือการรักษาสัญญา ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่คู่ไปกับความสัตย์ซื่อ การรักษาสัญญาย่อมได้รับการยกย่องสรรเสริญ เป็นเครื่องหมายสูงส่งของคนดี สตรีใดมีคุณสมบัตินี้ย่อมประสบความสำเร็จในชีวิต ได้รับความรัก ความเคารพ และความชื่นชมจากบุคคลอื่น

    ผลจากคุณสมบัตินี้ทำให้เธอมีศีลธรรม เป็นที่รักของบุตรชายหญิง เป็นที่ชื่นชมในหมู่เพื่อนฝูงคนที่รู้จักเธอ เป็นคุณสมบัติเบื้องต้นของมุสลิมที่มีความเชื่อในอิสลาม มีหลายบทในอัลกุรอานที่เน้นในเรื่องนี้ เช่น

    "บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงรักษาบรรดาสัญญาให้ครบถ้วนเถิด สัตว์ประเภทปศุสัตว์นั้นได้ถูกอนุมัติแก่พวกเจ้าแล้ว นอกจากที่จะถูกอ่านให้พวกเจ้าฟัง โดยที่พวกเจ้ามิใช่ผู้ที่ให้สัตว์ที่ถูกล่านั้นเป็นที่อนุมัติ ขณะที่พวกเจ้าอยู่ในอิหฺรอม แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงชี้ขาดตามที่พระองค์ทรงประสงค์" (อัลกุรอาน 5 : 1)

    "และพวกเจ้าอย่าเข้าใกล้ทรัพย์สินของเด็กกำพร้า เว้นแต่โดยวิธีที่ดียิ่ง จนกว่าเขาจะบรรลุนิติภาวะและจงให้ครบตามสัญญา (เพราะ) แท้จริงสัญญานั้นจะถูกสอบสวน" (อัลกุรอาน 17 : 34)

  • เธอต้องไม่เสแสร้ง

  • สตรีมุสลิมที่แท้จริงย่อมซื่อตรง เปิดเผยในคำพูดและความคิดเห็น ไม่เสแสร้ง ไม่ยกยอปอปั้น เพราะเธอรู้ว่าตามหลักอิสลามแล้ว การเสแสร้งคือ ฮาราม หรือการกระทำผิด

    สรุป
    หลักของอิสลามคือการให้สิทธิปกป้องคุ้มครองบุคคลในสังคมทั้งชายและหญิงให้ได้รับความยุติธรรมอย่างเหมาะสมกับเพศและสถานภาพ การปฏิบัติตามคำสอนย่อมนำไปซึ่งการเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่นในเบื้องต้น ซึ่งจะทำให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

    แต่นอกเหนือจากนั้น หลักของอิสลามยังกำหนดหน้าที่ที่บุคคลพึงปฏิบัติต่อบุคคลอื่นในสังคม เป็นการตอบแทนสังคมที่ให้พวกเขาได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข หากทุกคนในสังคมปฏิบัติตามหน้าที่ที่ พึงมีต่อสังคมแล้ว จะทำให้สังคมนั้นน่าอยู่ยิ่งขึ้น กลายเป็นสังคมที่มีแต่ความสมานฉันท์

    ทั้งหญิงและชายในสังคมมุสลิมต่างมีบทบาท สิทธิ และหน้าที่ อาจจะเหมือนหรือแตกต่างกันไปบ้างก็เพราะความเหมาะสมตามธรรมชาติ อิสลามมิได้บอกว่าชายเหนือหญิงหรือหญิงเหนือชาย แต่ทั้งสองเพศย่อมมีสิทธิและหน้าที่ตามเพศของตนเอง หากทั้งสองเพศยึดตามหลักอิสลามแล้ว ก็จะอยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง ตั้งแต่ในหน่วยที่เล็กที่สุดของสังคม คือในครอบครัว ไปจนถึงในชุมชน หมู่บ้าน ตำบล จังหวัด ประเทศ และในโลก

    เป็นความจริงที่ไม่สามารถจะโต้แย้งได้ว่า ความไม่รู้นำไปสู่ความไม่เข้าใจกัน และความไม่เข้าใจกันนั้นก็จะนำไปสู่สิ่งที่ร้ายแรงกว่านั้นคือความเข้าใจผิดซึ่งกันและกัน การทำความเข้าใจกับหลักคำสอนของอิสลามจะทำให้รู้และเข้าใจในสังคมมุสลิม เป็นเกราะป้องกันความเข้าใจผิดที่จะนำมาซึ่งการเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน

    ในทางเดียวกัน คนมุสลิมที่ตระหนักในบทบาทหน้าที่ของตนต่อสังคมตามหลักอิสลาม ก็ย่อมจะต้องปฏิบัติตามหลักคำสอน ซึ่งนำมาซึ่งสันติสุขและสมานฉันท์ในสังคมและในโลก
     
    ขอขอบคุณที่มาของบทความนี้ http://www.fpps.or.th  (สถาบันนโยบายศึกษา )
    บทความนี้เขียนโดยคุณ ยศวดี บุณยเกียรติ และคุณ วัลลภา นีละไพจิตร

    ประณยา จองบุญวัฒนา

    25 กุมภาพันธ์ 2551

    หมายเลขบันทึก: 167193เขียนเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2008 01:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 18:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


    ความเห็น (3)

    สวัสดีค่ะคุณแณณ

    เค๊าเขียนกันเป็นลายลักษณ์อักษรเลยนะคะ จริงๆเราก็จะทำอย่างที่เขียนว่าเป็นหน้าที่กันอยู่แล้ว สงสัยเอาไว้คอยเตือนสติ ทำให้ทบทวนว่า ขาดตกบกพร่องข้อไหนบ้าง แล้วมีหน้าที่หนุ่มมุสลิมไม๊คะ ขอบุณคุณแณณที่หาสิ่งดีๆมาให้อ่าน น่าสนใจค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณแณณ

    • ทำไมหน้าที่ผู้หญิงจึงต้องเยอะขนาดนั้นนะคะ
    • ขอบคุณมากค่ะ ที่นำเรื่องนี้มาเขียนไว้ค่ะ

    P    สวัสดีค่ะ คุณ a l i n l u x a n a       

     P    สวัสดีค่ะคุณ   pa_daeng

     

    • แณณเองก็เรียกได้ว่าเพิ่งจะมาศึกษาและทำความเข้าใจกับขนบ ธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมของชาวมุสลิมค่ะ เนื่องจากต้องอาศัยอยู่ในประเทศมุสลิมไปอีก 2 ปี หากศึกษาให้ถ่องแท้ ก็จะเป็นการหลีกเลี่ยงการกระทำใดๆ ที่จะเป็นการก่อความรู้สึกไม่ดีต่อคนที่นับถือมุสลิมได้ 
    • ขอตอบตามความเข้าใจของตนเองว่า(กำลังอยู่ในขั้นศึกษานะคะ) สาเหตุที่เค้าต้องเขียน ระบุหน้าที่กันเป็นลายลักษณ์อักษรมากมายขนาดนี้ นั้น ก็เนื่องจากว่า คนมุสลิมเคร่งศาสนาและยึดหลักคำสอนที่กล่าวไว้ในคัมภีร์อัลกุรอ่านกันอย่างเคร่งครัด การระบุไว้เช่นนี้ก็จะทำให้มีแนวประพฤติ ปฏิบัติที่ชัดเจน แน่นอนค่ะ ทั้งที่จริงๆ แล้วเรื่องเหล่านี้เป็น common sense ของการประพฤติตนเป็นคนดีของทุกศาสนาอยู่แล้ว ก็คงจะเหมือนกับศาสนาคริสต์ที่ระบุว่า เราต้องรักเพื่อนบ้าน มนุษย์ต้องรักกัน ศาสนาพุทธก็มีศีล 5 ข้อที่ว่า เราต้องไม่โกหก อะไรทำนองนั้นนะคะ
    • มีการตีความคำสอนในคัมภีร์อัลกุรอ่าน ออกมาเป็นแนวประพฤติ ปฏิบัติกันอย่างกว้างขวาง แต่การปฏิบัติก็แล้วแต่ขนบประเพณีของท้องถิ่นนั้นๆ อย่างเช่น ผู้หญิงมุสลิมที่บังกลาเทศไม่จำเป็นต้องคลุมหน้าปิดหมดให้เหลือแต่ตา แต่ผู้หญิงมุสลิมที่เมืองอื่น เช่น แถบตะวันออกกลาง ได้ทราบมาว่า ต้องใช้ผ้าดำปิดหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า เหลือแต่ตาค่ะ
    • นี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่น และขนบ ธรรมเนียม ประเพณี ของคนศาสนาเดียวกัน แต่อยู่กันคนละที่กันนะคะ
    • แต่โดยรวมแล้ว คนมุสลิม จะเคร่งศาสนาและเรียบร้อยมาก ค่ะ ในชั้นเรียนภาษาฝรั่งเศสของแณณ ที่จริงเริ่มเรียนเวลา 6 โมงเย็น แต่จะมีเพื่อน 2-3 คน ที่มาช้าประมาณ 30 นาที เสมอ สุดท้ายทราบว่า เค้าต้องไปมัสยิดก่อนถึงมาเรียนได้ค่ะ คนมุสลิมต้องละหมาดวันละ 5 ครั้งค่ะ ตรงเวลาเป๊ะๆ ทุกวัน
    • หน้าที่ของชายมีอยู่ในบทความนี้ค่ะhttp://gotoknow.org/blog/pranaya1/167192   หากสนใจ ลองเข้าไปอ่านดูนะคะ

     

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท