ช่วง 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ได้รับคำชมจากสามี และท่านที่เป็นเหยื่อในการทดลองฝีมือการทำอาหารของแณณว่า ทำอาหารอร่อย และหลากหลายมากขึ้น ใช้ได้แล้ว อิอิ ด้วยความเป็นคนบ้ายอ ก็เอาใหญ่เลยค่ะ คิดสูตร นั้น สูตรนี้ แต่ขอบอกตามตรงว่ามั่วไปเรื่อยจนพอจะเข้าท่า พอทานได้ ขึ้นมาแล้วค่ะ
ตอนสมัยเรียนอยู่ที่อังกฤษนั้น แณณก็มักจะได้รับคำชมจากเพื่อนๆ ต่างชาติว่า "You are a good cook" (เธอเป็นแม่ครัวที่ดี) ทั้งที่จริงๆ แล้ว หากทำให้คนไทยที่ทำอาหารเป็นและทำเก่งๆ ทานก็จะต้องบอกว่า อาหารที่แณณทำก็งั้นๆ แหละ บางครั้ง ก็อาจจะเค็มไป แฉะไปด้วยซ้ำ
ด้วยความที่เป็นคนชอบทานอาหารหลายๆ ชาติอยู่แล้ว ช่วงแรกๆ ที่ไปถึงก็มีความสุขกับการทานอาหารอังกฤษที่ Canteen (โรงอาหาร) อยู่พักหนึ่ง แต่สุดท้ายก็เริ่มเบื่อ เพราะอาหารอังกฤษ นั้น หากมีจะรสชาติที่ถูกปากแณณอยู่บ้าง ก็คงมีเพียงรสเดียวคือรสเค็มค่ะ รสเผ็ดหรือเปรี้ยว นี่ไม่มีเลย แณณจึงหันมาทำกับข้าวอย่างสองอย่าง หรือผัดก๋วยเตี๋ยว ผัดข้าว ไปทานเอง
ในวันที่มีเรียน ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ (9.00-20.30) แณณมักจะตื่นมาตั้งแต่ตี 5 มาทำกับข้าว หรือผัดข้าว ทั้งที่มีเรียนตอน 9 โมงเช้า อีกทั้งมหาวิทยาลัยก็อยู่ไม่ไกลจากหอพัก แณณสามารถขี่จักรยานไปถึงได้ภายในเวลา 15 นาทีเท่านั้น เพื่อนที่เป็น Flatmate (เพื่อนร่วมแฟลต) และอยู่ School of Law (โรงเรียนกฎหมาย) เหมือนกันก็มักจะถามว่า "Are you crazy Nan , we have our first class at 9 a.m. , why you woke up so early?" นี่แณณ เธอเพี๊ยนหรือเปล่า เรามีเรียนวิชาแรกตอน 9 โมงเช้า เธอตื่นมาทำอะไรตั้งแต่ตี 5 เนี่ย แณณก็จะบอกว่ามาเตรียมอาหารไปทานกลางวันเพราะตอนบ่ายมีเรียนต่อ ไม่มีเวลากลับมาทำอะไรทาน
แณณจะมีก๊วนเพื่อนที่ไปทานอาหารกลางวันด้วยกันสลับๆ กันไป หลายๆ กลุ่ม ตามรายวิชาที่ลงเรียน แต่ด้วยในชั้นเรียนกฎหมายปีนั้น ไม่ค่อยนักเรียนไทยมากนัก แณณจึงได้เพื่อนเป็นชาวยุโรป ค่อนข้างเยอะ ดังนั้น เพื่อนทั้งชาวเอเชียนและชาวยุโรป ที่ทานแต่แซนวิช ทุกวันก็เริ่มหันมาขอลองชิมอาหารของแณณที่มีมากมายตั้ง 2 กล่องใหญ่ๆ ( แณณกลัวหิว เลยเตรียมมาเผื่อทานช่วงเย็นด้วยเลยค่ะ) แณณก็ยินดีแบ่งให้ทาน หลายๆ ครั้งเข้าก็กลายเป็นว่า เพื่อนๆ ติดใจ บอกว่าอร่อยดี ขอให้แณณทำมาเผื่อด้วยในบางวัน ซึ่งแณณก็ยินดี เพราะจะได้มีคนติชมรสชาติอาหารของเราว่า ดี หรือไม่ดี ควรปรับปรุงตรงไหนบ้าง
คนรักเก่าของแณณ ชอบล้ออยู่เรื่อยเลยว่า แณณบ้ายอ เค้าแกล้งชมไปงั้นแหละ ของฟรี ใครก็ว่าอร่อยทั้งนั้นแหละ แต่นั่นก็เป็นที่มาที่ทำให้เพื่อนในชั้นเรียนกฎหมายกล่าวขานกันว่าแณณทำอาหารเก่งและอร่อย มีงาน party สังสรรค์อะไรที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นชนชาติอะไร แณณจะได้รับเชิญเสมอ แต่ขอให้ทำอาหารไทยมาด้วยน๊ะ จนบางครั้ง แณณก็ต้องขอตัวเพราะต้องอ่านหนังสือทบทวนบทเรียน แต่ก็รับปากว่าจะส่งส่วย ทำอาหารไทย ไปร่วมแทนเจ้าตัว แต่เพื่อนๆ ก็เพียงแหย่เล่นเท่านั้น ขอให้เจ้าตัวมา อาหารไม่มา ก็ไม่เป็นไร แต่สุดท้ายแณณก็ปฏิเสธไปหลายๆ งาน เนื่องจากต้องอ่านหนังสือ เราต้องขยันกว่าคนชาติอื่นๆ ที่เก่งภาษาอังกฤษอยู่แล้ว การอ่านภาษาอังกฤษที่เป็นกฎหมายนั้น อ่านครั้งแรก คือ หาศัพท์ที่ไม่รู้ความหมาย อ่านครั้งที่ 2 คือ การแปลความ ต้องอ่านครั้งที่ 3 จึงจะเข้าใจในตัวบท กฎหมาย หรือใน Case study (กรณีศึกษา) นั้นๆ
หลังจากกลับจากอังกฤษ แณณไม่เคยจับตะหลิวและกระทะอีกเลย จนกระทั่งได้ติดตามสามีมาอยู่ที่บังกลาเทศ ณ ปัจจุบัน
ช่วงแรกๆ ที่ทำอาหารที่นี่ รสชาติก็ไม่ค่อยอร่อย เค็มไปบ้าง เผ็ดไปบ้าง แต่สามีที่น่ารักก็ทนทานไป เวลาถามก็ไม่บ่น บอกแต่ว่าอร่อยดี และซาบซึ้งใจที่แณณขยันทำอาหารให้ทานทุกมื้อ แต่พอแณณได้ชิมเอง ถึงกับแทบจะคายทิ้ง เนื่องจากรสชาติ เค็มปี๋ยังกับทำน้ำปลาหกลงไปทั้งขวด
อันที่จริงแล้ว แณณจะถนัดทำอาหารฝรั่ง ง่ายๆ จำพวกสปาเก็ตตี้ และของอบ แต่ครัวของที่บ้านนี้ ไม่มีตู้อบ และ Ingredient (ส่วนผสม) ที่จะทำอาหารฝรั่งนั้น ที่นี่ ค่อนข้างจะหายาก ต้องดัดแปลง เอาเอง ช่วงแรกๆ ก็ท้อใจเพราะทำตั้งหลายครั้ง ก็ไม่อร่อย คิดไปว่า คงเป็นเพราะหาส่วนผสมที่แท้จริง ถูกต้องตามตำรา ไม่ได้ เลยทำไม่อร่อย :)
ช่วง 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ แณณได้ลองดัดแปลง สูตรอาหารที่ชอบทาน ขึ้นมาเอง ได้รับคำชมจากสามีและเพื่อนร่วมงานว่า อร่อย จึงอยากนำสูตรมาเผยแพร่ให้ท่านที่ชอบทำอาหาร ลองทำดู และเผื่อว่า หากท่านที่เชี่ยวชาญการทำอาหารอยู่แล้ว จะมีคำแนะนำอะไรเพิ่มเติมให้ แม่ครัว มั่วนิ่ม คนนี้ได้ พัฒนาฝีมือให้ดีขึ้นบ้าง อย่างแรกนะคะ
1. น้ำสลัดสูตรของประณยา ส่วนประกอบ มีดังนี้
- น้ำส้ม Apple Cider Vinegar 5 ช้อนโต๊ะ
- น้ำส้ม Balsemic Vinegar 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกสด จำนวน ตามแต่ชอบ
-กระเทียมสด จำนวน ตามแต่ชอบ
-พริกป่น พอให้มีสีส้ม สวยๆ น่ารับประทาน
- น้ำมันโอลีฟ (Olive oil) 5 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น หยิบมือเดียว
- ปลาทูน่ากระป๋อง 1 กระป๋อง
ขั้นตอนการปรุง
- นำพริกสด มาปั่นกับกระเทียมสด ให้ละเอียด
-นำส่วนผสมทั้งหมด คลุกเคล้ากัน
-เติมพริก กระเทียม ที่ปั่นแล้ว ตามรสชาติเผ็ดมากน้อยที่ต้องการ
-เติมเกลือ พริกป่น เล็กน้อย พอให้สีน้ำสลัดสวย
- นำทูน่าทั้งกระป๋อง เทน้ำเกลือ น้ำมัน หรือน้ำแร่ ออกให้หมด และคลุกกับส่วนผสม
-คนให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน เสร็จแล้วนำไปเทราดบน ผักกาดแก้วที่ล้างน้ำ เด็ดเป็นใบๆ เตรียมไว้ คลุกเคล้า และนำไปเสริฟได้เลยค่ะ
Tip: ผักกาดแก้ว ควรล้างน้ำ เด็ดเป็นใบๆ และนำไปแช่ตู้เย็นให้ผักกรอบ เย็นฉ่ำ รอไว้ก่อน นะคะ
2. บะหมี่แครอท ก้ามปู ผัดพริกน้ำมันงา ส่วนประกอบ มีดังนี้
- เส้นบะหมี่ที่ทำจากแครอท 2 ก้อน
- ก้ามปู ขนาดปานกลาง 6-8 ก้าม
- พริกสดปั่น จำนวนตามแต่ชอบ
- กระเทียมปั่น จำนวนตามแต่ชอบ
-น้ำมันงา 4 ช้อนโต๊ะ
-ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- มะเขือยาวสีม่วง หรือ aubergine
- ต้นหอมสด 3 ต้น
- ผักชี
ขั้นตอน การปรุง
- นำเส้นบะหมี่แครอท ไปลวกในน้ำเดือดสัก 3 นาที ยกขึ้น เทน้ำเย็นตามทันที เสร็จแล้ว คลุกน้ำมันงา พักไว้ก่อน
- ล้างและแกะเปลือกก้ามปู นำไปลวกน้ำเดือดที่ผสมเกลือป่น ให้สุกเตรียมไว้
- นำต้นหอม ไปล้าง หั่นเป็นชิ้นยาวๆ เตรียมไว้
- นำมะเขือยาวสีม่วง ไปล้างและหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ยาวๆ เตรียมไว้
- ตบกระเทียม ลงไปในกระทะร้อนที่เตรียมน้ำมันไว้แล้ว ใส่มะเขือยาวสีม่วง ใส่น้ำปลาลงไปผัดกับกระเทียม พักหนึ่งจึงใส่ ก้ามปู ตามด้วยพริกสดและกระเทียมปั่น เติมซีอิ้วขาว น้ำมันงา พักหนึ่ง ใส่เส้นบะหมี่ที่ลวกและพักรอไว้ ลงไปผัดให้เข้ากัน เติมน้ำมันงาอีกนิด เติมพริกสดและกระเทียมปั่น รวมทั้งเครื่องปรุงเพิ่มเติมตามแต่ชอบ คั่วต่อให้เส้นเหลืองๆ เกรียมๆ เล็กน้อย โรยผักชี พริกไทย ยกเสริฟได้เลยค่ะ
ขอนำเสนอ 2 อย่างก่อนนะคะ แณณกำลังเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบภาษาฝรั่งเศสที่อีก 2 วันจะสอบแล้ว จึงไม่ควรอยู่กับอินเตอร์เน็ต นานเกินไปนัก
แต่อย่างที่เรียนว่า แณณมั่วนิ่ม ทำไปเรื่อย พอทำอะไรอร่อย ก็ต้องรีบมาจดสูตร และขั้นตอนไว้ เดี๋ยวลืมค่ะ ที่ผ่านมา ทำไปหลายสูตรเหมือนกันค่ะ จดไว้ในกระดาษเล็กๆ ซึ่งตอนนี้คงลงถังขยะไปหมดแล้วค่ะ จึงหาไม่เจอ ดังนั้น จึงต้องรีบมาจดไว้ในบล็อกนี่ คงไม่หายไปไหนแน่นอน แถมยังจะได้แชร์กับท่านอื่นๆ ด้วยนะคะ
หากท่านใดมีคำแนะนำ หรือสูตรอาหารอะไรอร่อยๆ และทำไม่ยาก ช่วยแนะนำแณณด้วยนะคะ อยู่ที่นี่ ต้องทำอาหารทานเองค่ะ ไปทานนอกบ้าน หากไม่ใช่ตามโรงแรม หรือร้านที่ดีๆ หน่อย จะไม่ค่อยสะอาด อาจจะท้องเสียได้ แต่ครั้นจะทานข้าวนอกบ้านทุกๆ วัน คงจะไม่ดีเป็นแน่ เปลืองสตางค์ด้วยค่ะ
เสียดายที่ บะหมี่และสลัด ได้ถูกทานหมดไปแล้วตั้งแต่ตอนเที่ยง เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาประกอบ ไว้ครั้งหน้า หากแณณได้ทำอีกจะเอามาขึ้นเว๊บ นะคะ จะได้ช่วยกัน ติ ชม ว่าอาหาร ของ แม่ครัว มั่วนิ่ม คนนี้ หน้าตาน่าทานหรือเปล่า
Bon appétit ค่ะ (ภาษาฝรั่งเศส หมายถึงขอให้ทานอาหารให้อร่อย)
แณณ ประณยา จองบุญวัฒนา
17 กุมภาพันธ์ 2551
แก้ไขโดยเพิ่มรูปภาพประกอบเมื่อ 26 มี.ค. 2551 ค่ะ
แณณ
อ่านสูตรและวิธีทำแล้วน่าจะอร่อยนะ
เข้าใจคิดนะ อย่างนี้เขาเรียกว่ารู้จักประยุกต์จ๊ะ
อีกหน่อยลองทำส้มตำแครอทด้วยนะ อร่อยอย่าบอกใครเลย
ส่วนสูตรและวิธีทำนั้น ไม่มีเพราะทานเป็นอย่างเดียว :)
พี่พลเดชคะ
สวัสดีค่ะคุณแณณ
เข้ามาอ่าน ก็ดึกมากแล้ว จะรอถึงเช้าไหวไหมนี่ อ่านแล้วหิว ขาดครกหรือคะ สงสัยพอบเอาไปฝากไม่ไหว ก็ชลบุรี มีแต่ครกหิน อ่างศิลานะซิคะ หนักอย่าบอกใคร
ให้คุณแณณ ยืมแถวๆ สถานทูตอินเดียไปก่อนแล้วกัน สงสัยจะตำส้มตำกันบ่อยค่ะ
พี่โยคีน้อย
น่าอร่อยนะคะ ^^ วันหลังต้องถ่ายรูปมาให้ชมกันบ้างนะคะ
สวัสดีค่ะ คุณแณณ
เคยบังเอิญเข้ามาอ่านเรื่องของคุณแณณ เล่าสนุกจังค่ะ กันเองดี เห็นพูดเรื่องอาหาร ต้องรีบมาดู ขอบคุณ สำหรับสูตรนะคะ จะลองทำดู อย่างนี้ น่าจะอร่อยนะคะ
คุณเนปาลี และ คุณขจิตคะ
คุณ a l i n l u x a n a
คุณ Little Jazz
อ่า...
กำลังหิวพอดีเลยนะคะเนี่ย...
พี่หนิงก็ไม่ค่อยทำอาหารหรอกค่ะ แต่พวกง่ายๆได้ประโยชน์ (อิ่มอย่างเดียวจะอร่อยหรือไม่ ไม่บอก อิอิ)
พี่หนิงคะ
คุณ Stardust ......คุณเนปาลี
และ คุณขจิต ด้วยนะคะ
สลัดสูตรคุณแณณน่าทานนะคะ ดูซิดู..เกลี้ยงจาน นับเป็นข้อพิสูจน์อย่างดีว่า "อร่อย"
ขอเอาสปาเก๊ตตี้ปลาเค็มมาแจมด้วย อิอิ (( ว่าแต่เขาทำลิงค์ไปยังไงล่ะเนี่ย ไม่ได้ทำนานก็ลืมไปแล้ว ฮือๆ >> http://gotoknow.org/blog/naepalee/139362 ))
อโลฮ่าค่ะคุณแณณ
เนี่ยยัยซูซานตามโฆษณาให้คุณแณณฟังถึงที่นี่เลยนะ..เดี๋ยวต้องให้...น่ารักเหลือเกิน
คุณแณณ เรื่องเกี๊ยวซ่า จะรีบหาสูตรให้เจอ หยุดทำมาพักใหญ่ค่ะ ช่วงจัดของย้ายบ้าน เลยยังหาไม่เจอ ที่นั่นน่าจะมีใบห่อเกี๊ยวซ่า เป็นแบบกลมมน สีอ่อน ไม่เหมือนใบเกี๊ยวบ้านเรา คุณแณณมีโอกาสลองเช็คดูนิดนึงนะคะ อิจฉาคุณแณณได้กินโรตีทุกวัน ของโปรด ต้องยับยั้งใจตัวเอง
มาเยี่ยมคุณค่ะ
คุณเนปาลี ขอบคุณนะคะ
คุณ LtittleJazz
คุณ alinluxana
อาจารย์แหววคะ