ธรรมะวันละนิด : 8 > มาฆบูชา


   

Magha_puja_day_2551_+copy

    วันมาฆบูชา เป็น ​วันแห่ง​ความ​มหัศจรรย์ที่​ 4 ​เหตุการณ์​ได้​ปรากฏขึ้น​ ​ถือ​เป็น​วันสำ​คัญ ​ทางพระพุทธศาสนา​ ​เนื่อง​ใน​โอกาสคล้าย​ ​วันที่พระพุทธเจ้า​ ​ทรงแสดงโอวาทปาติ​โมกข์ ​ที่​ได้​บังเกิดแบบแผนอันดีงาม​ใน​ ​หลักการ​ ​อุดมการณ์​ ​ตลอดจนวิธีการ ​ใน​การเผยแพร่พุทธศาสนา​ ​และ​เป็น​วันแห่งการขยายเครือข่ายคนดี​ ​เพื่อนำ​ชาวโลกไปสู่สันติสุขอันแท้จริง    
   
วันมาฆบูชา หมาย ​ถึง​ ​การบูชา​ใน​วันเพ็ญ​ ​เดือนมาฆะ​ ​คือเดือน​ 3 ​หรือ​เดือน​ 4 ​ใน​ปีที่มีอธิกมาส​ ​ซึ่ง​ปีนี้ตรง​กับ​วันที่​ 21 ​กุมภาพันธ์​ 2551                    
    นับตั้งแต่พระพุทธองค์ ​ได้​ตรัสรู้​และ​เริ่มออกสั่งสอนโปรดชาวโลก ​จนมีพระพุทธสาวก​ผู้​บรรลุธรรม​ ​และ​ทำ​หน้าที่กัลยาณมิตร​ ​ออกเผยแผ่ธรรม​ยัง​ดินแดนต่างๆ​ ​อย่างกว้างขวาง ​แต่ครั้น​ถึง​วันเพ็ญเดือน​ 3 ​ปรากฏว่าพระพุทธสาวกดังกล่าว​ ​ได้​เดินทางมา​เฝ้าพระพุทธองค์​โดย​มิ​ได้​นัดหมาย​กัน​ถึง 1,250 ​องค์​ ​ซึ่ง​ถือว่า​เป็น​เหตุอัศจรรย์ยิ่ง​ ​เพราะ​เหตุการณ์​เช่นนี้ ​ตลอดช่วงพุทธกาลมีบังเกิดเช่นนี้​เพียงครั้งเดียว​เท่า​นั้น​ ​ดัง​นั้น ​วันนี้​จึง​ได้​รับการเรียกว่า​ ​วันจาตุรงคสันนิบาต​​คือวันประชุม​ใหญ่​ครั้งแรก​และ​เป็น​ครั้งพิ​เศษ ​อันประกอบ​ด้วย​องค์​ 4 ​คือ
    1. ​พระภิกษุสงฆ์​ ​ซึ่ง​เป็น​พุทธสาวก​ ​จำ​นวน​ 1,250 ​องค์มาประชุมพร้อม​กัน​โดย​มิ​ได้​นัดหมาย
    2. ​พระพุทธสาวกเหล่านี้ล้วน​เป็น​เอหิภิกขุอุปสัมปทา​ ​คือ​เป็น​ผู้​ ที่พระพุทธองค์ ทรงประทานการอุปสมบท​ด้วย​พระองค์​เอง
    3. ​พระภิกษุสงฆ์​ทั้ง​หมด​เป็น​พระอรหันต์
    4. ​วัน​นั้น​เป็น​วันเพ็ญ​ ​เดือนมาฆะ​ ​คือพระจันทร์​เสวยมาฆฤกษ์
    พร้อม​กัน​นี้ ​พระพุทธองค์​ได้​ทรงแสดง​ ​โอวาทปาติ​โมกข์​ ​เพื่อประกาศ​ ​อุดมการณ์ ​หลักการ​ ​และ​วิธีการ​ ​ใน​การเผยแผ่พระพุทธศาสนา​ ​ที่ชาวพุทธ​ทั้ง​หลาย ​จะ​ได้​ยึดถือ​เป็น​แม่บท​ ​ใน​การเผยแผ่​ ​พระพุทธศาสนา​ ​และ​เป็น​แม่บทสำ​หรับ ​ประพฤติปฏิบัติ​เพื่อ​ความ​พ้นทุกข์มาจนทุกวันนี้


<p>อานิสงส์แห่งการถวายประทีปเป็นพุทธบูชา
 
 
     
1. ย่อมเป็นผู้รู้คุณของพระรัตนตรัย ทำให้มีศรัทธามั่นคง  
     
2. เป็นผู้มีความเคารพ มีสัมมาคารวะ  
    
3. เป็นผู้มีดวงตาสดใส สวยงาม มองได้ไกล ดวงตาบริสุทธิ์บริบูรณ์
    
4. ทำให้เป็นผู้มีทิพยจักษุ (ตาทิพย์)  
    
5. มีผิวพรรณผ่องใส มีจิตใจสดชื่นเบิกบาน  
    
6. มีรัศมีกายสว่างไสว มีสติสัมปชัญญะ ไม่ประมาทในชีวิต  
    
7. ทำให้มีปัญญาเฉลียวฉลาด มีปฎิภาณว่องไว แตกฉานในสรรพวิชชาทั้งทางโลก และทางธรรม  
     
8. ย่อมไม่ไปเกิดในทุคติ  
    
9. ย่อมได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุมรรคผลนิพพานโดยง่าย 
 “​เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า​เป็น​ต้น​ ​ยัง​ทรงพระชนม์​อยู่​ก็ดี​ ​นิพพาน​แล้ว​ก็ดี​ ​เมื่อจิตเสมอ​กัน​ ​ผลก็ย่อม​เท่า​กัน​ ​ใน​เพราะ​เหตุคือ​ความ​เลื่อมใสแห่งใจ​ ​สัตว์​ทั้ง​หลาย​ ​ย่อมไปสู่สุคติ​” (พุทธพจน์)  </p>

หมายเลขบันทึก: 165675เขียนเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2008 06:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 พฤษภาคม 2012 20:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

      กัลยาณมิตร คุณเสือ เหมือนกันนะคะ  อนุโมธามิ  ส่งรูปให้แล้วนะคะ รูปคนจะมากกว่าทิวทัศน์ เพราะผู้หญิงกับดอกไม้มักจะคู่กัน  ทิวทัศน์ล้วนๆก็เลยไม่มี

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท