จากการมองโลกแบบแยกส่วนตามทัศนของนิวตัน โดยคิดแยกให้สสารและพลั้งงานนั้นอยู่ในสถานะที่ต่างกัน การเกิดพลังงานจากสารเป็นเพียงพลังงานเคมี ยังไม่ได้เข้าไปสู่การเกิดพลังงานนิวเคลียร์ที่คิดให้สสารเปลี่ยนไปเป็นพลั้งงานโดยตรงตามสูตรอันมีชื่อเสียงที่ไอสไตย์เป็นผู้ค้นพบ ทฤษฎีทั้งหลายที่จะอธิบายสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้นั้นมีที่ไปที่มาตามทฤษฎีควอนตัม ที่คิดให้พลังงานมีหน่วยเล็กย่อยที่สุดเป็นควอนตัมส่วนพลังงานที่มากขึ้นเป็นจำนวนเต็มของพลังงานที่เล็กย่อยที่สุดดังกล่าว
จากการค้นพบว่าคลื่นแสงก็สามารถประพฤติตัวเป็นอนุภาคได้ เมื่อคิดให้เป็นคลื่นก็มีคุณสมบัติเป็นคลื่นเมื่อคิดให้เป็นอนุภาคก็มีคุณสมบัติเป็นอนุภาค แต่ไม่สามารถที่จะมีคุณสมบัติทั้งสองอย่างในขณะเดียวกัน จะเห็นว่าการเป็นสสารและพลังงานนั้นสอดคล้องกับสสารและพลังงาน และทฤษฎีควอนตัมนั้นยังอธิบายขยายขอบเขตต่อไปยังสสารทั้งหมดได้ว่าอยู่ในรูปของสสารที่มีมวล และขณะเดียวกันสามารถคิดได้ในความมีคุณสมบัติของคลื่นที่สามารถคำนวณหาความยาวคลื่นออกมาได้ ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลจึงมีสิ่งที่เป็นพื้นฐานร่วมเดียวกัน มีคุณสมบัติบนหลักทฤษฎีเดียวกัน ไม่ได้แยกส่วนแบบนิวตัน