นักเรียนในดวงใจเลขาฯ คนหนึ่ง คือ บุหลัน
หลันจบม.6จากโรงเรียนมัธยมประจำตำบล ไม่แน่ใจว่าเป็นรุ่นแรกหรือรุ่นที่สองของโรงเรียน ในช่วงนั้น จบม.6ก็หรูมากแล้วสำหรับคนแถวนั้น
หลันมุ่งมั่นอยากเรียนต่ออย่างมาก แต่ก็ติดที่ว่า แม่มีหนี้สะสมอยู่มากเกินพอแล้ว จะให้ไปหยิบยืมจากที่ไหนมาให้หลันเรียนอีก หนี้ก็จะยิ่งพอกพูน
หลันโทร.มาปรึกษาเรื่องการเรียนต่อ ก่อนตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่าจะหยุดเรียนไปทำงานก่อนหนึ่งปี เพื่อเก็บเงินเรียนต่อ โดยมีคำสัญญาจากผู้ให้ทุนว่าจะยังคงให้ทุนต่อเนื่องต่อไป
เด็กวัยรุ่นหลายคนตั้งใจดีเหมือนกับหลัน จะมาทำงานกรุงเทพฯ ส่งเงินไปให้พ่อแม่ใช้ เก็บเงินเอาไว้เรียน หลายคนเมื่อเข้ามาสู่เมืองฟ้าอมร สิ่งยั่วยวนทั้งหลายพาให้เตลิด แม้แต่เงินเดือนของตัวเองยังใช้ไม่ชนเดือน
แต่หลันไม่ใช่หนึ่งในนั้น ใช้เวลาประมาณ 1 ปี หลันเก็บเงินได้ถึงหนึ่งหมื่นบาท จากงานเด็กเสริฟในร้านอาหารที่พี่สาวหาให้
หลันกำเงินหนึ่งหมื่นบาทไปสมัครเรียนปวส.ด้านการบัญชีที่วิทยาลัยในจังหวัดบ้านเกิดอย่างภาคภูมิ และตั้งใจเรียนจนจบ ปวส. เมื่อต้นปีที่แล้ว
หลังจากนั้นราวสามเดือน หลันโทร.มาบ่นว่า แถวบ้านหางานยากเหลือเกิน แต่ยังไงหลันก็อยากอยู่กับที่บ้าน อยากทำงานอยู่ในจังหวัด
หลังจากนั้นไม่นาน หลันได้งานในร้านฟาสต์ฟู้ด ในห้างใหญ่แห่งหนึ่ง ที่เพิ่งเปลี่ยนเจ้าของจากมือคนไทยไปอยู่ในมือบริษัทฝรั่งได้ไม่นาน แม้ว่างานจะไม่เกี่ยวกับด้านบัญชีที่เรียนมา แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีงานทำ
กับงานนี้ หลันได้ค่าแรงเดือนละ 4-5 พันบาท ค่าเช่าห้องพักในเมืองไม่แพงมากนัก แต่หลันกลับเก็บเงินไม่ได้เลย ไม่ใช่เพราะตัวเองใช้จ่ายมาก แต่เป็นเพราะครอบครัวที่อยู่ด้วยกัน แม่ขอบ้าง หลานอยากได้ของบ้าง หลันเองก็ใจดี และดีใจที่ได้ช่วยเหลือครอบครัว
เลขาฯแนะนำไปว่า หลันน่ารักมากที่รักครอบครัว แต่ถ้าจะคิดถึงอนาคตของตัวเองบ้าง คงต้องหาวิธีเก็บเงินให้ได้ เดือนละ 300-500 บาทก็ย้งดี อาจเปิดบัญชีไม่มีบัตรATM เก็บให้ได้ทุกเดือน เดือนละเท่าๆกัน จะช่วยสร้างนิสัยการออมเพื่ออนาคต
คุยกันวันนี้ หลันยังไม่ทิ้งความฝันที่จะเรียนจนจบปริญญาตรีให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานเพียงใด
นี่คือหนึ่ง นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ ในใจของเลขาฯ
ขอเป็นกำลังใจให้น้องบุหลัน และนักสู้ทุกคน ท่องคาถานี้เอาไว้เสมอในยามที่เหนื่อยที่ท้อ "คงจะมีสักวัน ที่เป็นวันของเรา"
ตอนผมเรียน พ่อแม่ก็ลำบากเหมือนน้องหลันนี่แหละครับ อย่างน้อยน้องสองคนที่ถัดจากผมต้องเสียสละ สิ่งที่เรียกว่า "การศึกษา" ให้กับผม เพราะแม่ไม่สามารถส่งเงินให้พร้อมๆกันได้ ผมโชคดีกว่าเพราะมีผลการเรียนดีกว่าน้องๆ แต่การเสียสละของน้องๆแสดงถึงจิตใจที่ยิ่งใหญ่กว่าผมเยอะ ทั้งสองคนต้องทำงานรับจ้างใช้แรงงาน ได้ค่าแรงถูกๆ แต่บางครั้งยังส่งเงินถูกๆเหล่านั้นให้ผมได้เรียนในช่วงที่แม่หาเงินไม่ทันเหมือนกัน
ผมยังอิจฉาน้องบุหลัน ตรงที่น้องเริ่มเรียน "วิชาอยู่บ้านตัวเอง" แต่ผมยังสอบวิชานี้ไม่ผ่านเลยครับ