จากการศึกษา เอกสารยุทธศาสตร์การพัฒนาของเทศบาลตำบลแม่พริก อำเภอ แม่พริก จังหวัดลำปาง ทั้งหมด (รายละเอียดได้เล่าให้ฟังเป็นตอนๆแล้วค่ะ) ผู้วิจัยเห็นว่า ทางเทศบาลให้ความสำคัญกับการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเป็นอย่างมาก ในขณะที่ด้านเศรษฐกิจเน้นในเรื่องการสร้างอาชีพ ซึ่งหากพิจารณาในรายละเอียดแล้วก็จะพบว่า เป็นการส่งเสริมอาชีพโดยการจัดหาเครื่องมือในการประกอบอาชีพให้เป็นส่วนใหญ่ ส่วนด้านการพัฒนาสังคมนั้นก็มีลักษณะเช่นเดียวกับด้านเศรษฐกิจและด้านโครงสร้างพื้นฐาน คือ มุ่งเน้นไปที่การจัดหา สร้าง สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อให้ชุมชนมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น
หากจะว่ากันไปแล้วก็คงจะไม่แปลกแต่อย่างใดที่แผนยุทธศาสตร์จะออกมาเช่นนี้ ทั้งนี้เนื่องจากผู้วิจัยเห็นว่าในปัจจุบันสังคมของเราถูกหล่อหลอมด้วยความเป็นวัตถุนิยมค่อนข้างมาก เราวัดผลกันที่ด้านปริมาณมากกว่าด้านคุณภาพ อะไรที่มีลักษณะเป็นนามธรรมคนมักจะไม่ค่อยให้ความสนใจ แต่จะสนใจสิ่งที่เป็นรูปธรรมมากกว่า เพราะ สัมผัสได้ ในกรณีของแผนยุทธศาสตร์นี้ก็เช่นกัน เนื่องจาก เมื่อมีการวางยุทธศาสตร์แล้ว ต้องมีโครงการ ตัวชี้วัด รวมทั้งเป้าหมายกำหนดไว้ด้วย ซึ่งตัวชี้วัดและเป้าหมายนั้นเกือบทั้งหมดถูกกำหนดออกมาในลักษณะของรูปธรรม ส่งผลให้การพัฒนาที่เน้นด้านนามธรรมไม่ได้รับความสนใจหรือกล่าวถึงมากนัก
สิ่งที่น่าสนใจและผู้วิจัยคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานวิจัยจัดการความรู้ครั้งนี้ก็คือ จะทำอย่างไรที่จะทำให้ทางเทศบาลเห็นความสำคัญและเข้ามาร่วมมือกับชุมชนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรให้ครอบคลุมทั้งหมดได้ ไม่ใช่ทำเฉพาะหน้า หรือทำเป็นรายๆไป เช่น ในกรณีของการให้การสงเคราะห์นั้น จะเห็นได้ว่าเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ทางเทศบาลให้ความสำคัญและได้รับการบรรจุอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ของเทศบาลด้วย แต่เมื่อพิจารณาเข้าไปในรายละเอียดแล้วจะเห็นได้ว่า ในการสงเคราะห์นั้นยังมีลักษณะให้ความสำคัญกับคนบางกลุ่ม เช่น คนชรา เด็ก เป็นต้น นอกจากนี้แล้วยังจำกัดอยู่แต่เฉพาะผู้ที่ได้รับการพิจารณาจากเทศบาลจริงๆ รูปการณ์เช่นนี้เป็นสิ่งปกติที่พบเห็นได้ทั่วไป หน่วยงานราชการ เช่น กรมประชาสงเคราะห์ก็ปฏิบัติมาเช่นนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ แท้ที่จริงแล้วคนที่ได้รับสวัสดิการมีเพียงน้อยนิด ขณะนี้คนเดือดร้อนหรือประชากรในชุมชนซึ่งสมควรที่จะได้รับสวัสดิการด้วยเหมือนกันในฐานะที่เป็นพลเมืองของประเทศคนหนึ่งกลับได้รับการยกเว้น
ดังนั้น การทำงานร่วมกับองค์กรชุมชนน่าจะเป็นทางออกที่ดีทางหนึ่ง ในกรณีของเทศบาลตำบลแม่พริกนั้น หากทางเทศบาลได้ทำงานร่วมกับองค์กรออมทรัพย์ชุมชนบ้านแม่พริก ผู้วิจัยเชื่อว่าจะสามารถเสริมการทำงานและผลงานของเทศบาลได้แน่นอน โดยที่เทศบาลไม่ต้องลงทุน ลงแรงมาก เพราะ กลุ่มมีอยู่แล้ว การบริหารจัดการก็ค่อนข้างชัดเจน โปร่งใส เป็นที่ยอมรับ เงินของกลุ่มก็มี หากมีการวางแผนทำงานกันอย่างจริงจัง ประชากรในเทศบาลตำบลแม่พริกคงจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ได้รับสวัสดิการที่ครอบคลุมขึ้น นี่คือหัวใจของการทำงานพัฒนาอย่างยั่งยืน
ไม่มีความเห็น