Nan & Ball Chongbunwatana
นายและนาง คมกฤชและประณยา จองบุญวัฒนา

3. ก้าวแรกในบ้านใหม่ ณ กรุงธากา


First Impression (ความประทับใจแรก)

ก้าวแรกในบ้านใหม่ ณ  กรุงธากา ประเทศบังกลาเทศ

เช้าตรู่ของวันที่ 16 ธันวาคม 2550 เรายังไม่ได้นอนกันเลย จัดของกันทั้งคืน แต่ต้องอาบน้ำและไปสนามบินแล้ว เนื่องจากมีผู้ใหญ่ที่เคารพกันมากท่านหนึ่ง ซึ่งอบรมที่คลังสมอง วปอ. ด้วยกัน คือท่านดร.พวงพลอย ซึ่งเป็นผู้ที่อาวุโสที่สุดในรุ่นเราที่อบรมด้วยกัน (ท่านอายุ 68 ปี) ได้โทรมาตั้งแต่ 7 โมงกว่าๆ ว่าท่านได้ไปถึงที่สนามบินเรียบร้อยเพื่อไปรอส่งเราแล้ว  ได้ยินดังนั้น ก็เร่งสามีว่าต้องไปแล้ว เพราะเกรงใจท่านพวงพลอยมาก ประมาณ  8 โมงกว่าๆ ครอบครัวสามีอันประกอบด้วย พ่อ แม่ และ น้องๆ รวมทั้งเพื่อนสาวคนสนิทของน้องชายเราคนหนึ่ง ที่น่ารักมากอุตส่าห์ตื่นมาส่งเราตั้งแต่เช้าตรู่ ไปส่งกันที่ สนามบิน พอไปถึงก็มีพี่ ที่อบรมที่คลังสมองวปอ. ด้วยกันตามมาส่งอีก 2 ท่านคือ พี่หน่อย คุณกาญจนาและพี่เบญจ คุณเบญจมาพร รู้สึกขอบคุณและเกรงใจทุกคนมาก เพราะเป็นวันนั้นเป็นวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันพักผ่อนแต่ต้องตื่นเช้ามากเพื่อมาส่งเรา

มีอีกหลายคนที่อยากจะมาส่งทั้งเพื่อนๆ ที่อบรมนิวเวฟ ด้วยกัน เพื่อนๆ ที่ธรรมศาสตร์ แต่เราไม่อยากรบกวน จึงไม่ได้บอกรายละเอียดการเดินทาง และไม่ได้บอกเพื่อนๆ ครบทุกคนว่าเราจะเดินทางไปวันไหนกันแน่บอกแค่คร่าวๆ ว่าใกล้แล้วๆ เพราะเกรงใจและไม่อยากรู้สึกเศร้าๆ เหมือนบรรยากาศที่สนามบินทุกครั้ง จำได้ว่าสมัยเรียนอยู่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แณณไปส่งเพื่อนที่สนิทกันมากที่แณณรักมาก และคุณพ่อของเพื่อน   ต้องไปประจำการที่เมืองออตตาวา ประเทศคานาดา  แณณ ร้องไห้ ปิ่มว่าจะขาดใจ เพราะว่ารักเพื่อนคนนี้มากๆ และตอนไปเรียนที่อังกฤษ ก็รู้สึกเศร้าๆ ใจหายที่ต้องจากครอบครัวและเพื่อนๆ ไปไกลๆ ตั้งนาน  จำได้ว่าครั้งนั้นคนไปส่งเราที่ดอนเมืองเยอะมากๆ เพื่อนๆ ญาติๆ ก็ร่วม 30 กว่าคน ทยอยไป ทยอยกลับ ตอนนั้นไปแค่ปี สองปี   ยังรู้สึกเศร้า ร้องห่ม ร้องไห้ ยังกับจะจากกันไปหลายปี

แต่ชีวิตครอบครัวนักการทูตต้องเดินทางย้ายถิ่นฐานบ่อยๆ ต้องฝึกให้ชินกับการจากลาเอาไว้ ต้องทำให้เป็นเหมือนเรื่องธรรมดาๆ จะได้ไม่ร้องไห้เหมือนตอนเด็กๆ วันนั้นที่สนามบิน แณณไม่ได้ร้องไห้เลย  รู้สึกว่าเดี๋ยวก็กลับมาได้เพราะอยู่ใกล้แค่นี้เอง ใช้เวลาบินแค่ 2 ช.ม.เท่านั้นเอง  ก่อนจะเข้า Gate (ประตู) เห็นพ่อ แม่บอล (สามี) มองบอลด้วยสายตาที่รักและเป็นห่วงมาก แณณจึงบอกให้บอล (ซึ่งเคยเล่าให้ฟัง  ว่าไม่ค่อยได้กอดพ่อแม่เท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยชอบแสดงออกในเรื่องนี้กับคนในครอบครัวเท่าใดนัก)  ให้เข้าไปกอดท่าน เพราะตั้งแต่กลับจากอังกฤษบอลก็เริ่มชีวิตทำงานเลย และเราสองคนก็ทำแต่งาน ใช้ชีวิตกันอยู่แค่สองคนหรืออยู่กับเพื่อน   ไม่ค่อยได้อยู่กับท่านเท่าไหร่ นี่ก็จะเป็นการจากกันนานๆ อีกแล้ว หัวอกพ่อแม่ก็ต้องคิดถึงและเป็นห่วงลูกมากเป็นธรรมดา เป็นภาพประทับใจที่แณณแอบน้ำตาซึมเพราะคิดถึงพ่อและอยากกอดพ่อตัวเองเหมือนกัน (แม่ของแณณนี่แณณได้กอดและฟัดท่าน ตอนไปลาท่านจนอิ่มแล้วค่ะ) แต่ไม่เป็นไร กอดพ่อแม่บอลแทนก็เหมือนกันนี่นา พ่อแม่สามีก็เปรียบเสมือนพ่อแม่เราเองเหมือนกัน

  แณณพยายามนำรูปถ่ายมาใส่ประกอบเรื่องเล่าแล้วแต่ยังไม่สำเร็จ มือใหม่น่ะค่ะ

หากสนใจก็เข้าไปดูในไฟล์ภาพได้ของแณณนะคะ

 เข้าไปใน Gate คนเยอะมากๆ รอคิวเอ็กซเรย์กระเป๋าถือนานมากๆ จน Flight (เที่ยวบิน) ที่เราจะต้องบินนั้น  Final call (เรียกผู้โดยสารเป็นครั้งสุดท้าย) แล้ว เรายังอยู่ในแถวอยู่เลย บอลก็บอกไม่ทราบจะทำอย่างไรเพราะข้างหน้าก็ คิวยาวอยู่เลย แต่แณณด้วยความที่กลัวจะตกเครื่องบินจึงรีบวิ่งแจ้นไปหาเจ้าหน้าที่สนามบิน บอกว่าของเรานี่ Final call แล้วค่ะ นี่เกิดจลาจลหรืออะไรไม่ทราบคะ แถวถึงยาวมากขนาดนี้ ขอให้  คุณพี่เจ้าหน้าที่ช่วยหนูด้วยเถอะ หนูกลัวตกเครื่องบินหน่ะจ้ะ คุณพี่เจ้าหน้าที่ก็เลยบอกให้คนที่ Final call แล้ว เดินตามมาตรวจกระเป๋าที่เครื่องชั้นล่างที่ต้องวิ่งลงบันไดไปอีกชั้นหนึ่ง พอลงไปปรากฎ มีทั้งแขกมุง ไทยมุงกันเต็ม เจ้าหน้าที่  บอกว่าพอดีมีการเปลี่ยน Gate เลยวุ่นๆ กัน แต่ดูว่าเราอาจจะไม่ใช่ คู่ที่สายที่สุด ขอให้ใจเย็นๆ เพราะเห็นคนแขกจริงๆ และคนไทยผสมแขก ยืนทำหน้ายักษ์กันอยู่หน้าเครื่องเอ็กซเรย์เต็มไปหมด พอขึ้นเครื่องไปปรากฎว่า เรายังต้องรอผู้โดยสารอีกหลายๆ คน  อืม.. ค่อยโล่งอกไปหน่อยเพราะไม่งั้นคงน่าอายแย่เลยที่เป็นคนที่สายที่สุดในเครื่อง แล้วต้องให้คนอื่นรอ  

 เรามาถึงที่ กรุงธากา ประเทศบังกลาเทศ ประมาณ บ่ายโมงกว่าๆ แณณตื่นเต้นตามสไตล์คนไฮเปอร์ ถ่ายรูปเก็บไว้หมดตั้งแต่ตอนออกจากเครื่องบินกันเลยทีเดียว อืม...บ้านนอกจริงๆ เลยเรา พอลงมาเห็นฝูงชนเยอะแยะมากมายมหาศาล  ก็ต๊ก..กะใจ โอย ! นี่มีมหกรรมอะไรกันหรือ เหตุฉะไหน   คนจึงเยอะมืดฟ้า มัวดินขนาดนี้หนอ ดูไป ดูมา กลายเป็นว่าฝูงชนทั้งหมดเหล่านั้นมารอเข้าคิวด่าน ต.ม. บังกลาเทศกันค่ะ ! Amazing กว่า Thailand Grand Sale อีกนะคะเนี่ย  บอลบอกว่า ไม่เป็นไร เราถือ Passport (หนังสือเดินทาง) ทูต เราคงจะไม่ต้องไปเข้าคิวที่ยาวเป็นหางว่าว นี่หรอก มานี่เดี๋ยว  บอลพาไปหาแถวนักการทูตเองนะ โอ้ ฟังดูดี แต่....ถึงกระนั้นก็เถอะ เจ้าแถวพิเศษสำหรับนักการทูตที่ว่านี่ก็หางยาวทีเดียวแหละค่ะ หากอยู่เมืองไทยก็ต้องบอกว่ายาวเท่ากับแถวธรรมดา แต่หากเทียบกับที่นี่ก็ต้องถือว่าก็พิเศษสุดๆ ของเค้าแล้วหน่ะค่ะ เราก็เลยยืนเข้าคิวรอต่อไป แณณก็ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย ตามประสาบ้านนอกเข้ากรุงธากา อยากเก็บไว้ทุกความทรงจำน่ะค่ะ

เงยหน้าไปดูป้ายที่บอกว่าแถวไหนเป็นแถวคิวของผู้ที่ถือ Passport นักการทูต และแถวไหนเป็นแถวของนักลงทุนต่างชาติ และแถวลูกเรือ  ก็ให้งงงวย กับเจ้าป้ายบอกแถวคิว ที่ทำไมต้องโยงไปโยงมาด้วย แทนที่จะทำให้อ่านง่ายๆ มีป้ายหนึ่งป้าย ต่อหนึ่งแถวไปเลย ก็ไม่ทำ  …..

อืม..สงสัยจะเป็นหลักตรรกะของแขกเค้า ต้องเข้าใจ ต้องเปิดใจให้กว้างเข้าไว้เรา เดี๋ยวก็ชิน แต่รอแล้ว รอเล่า    ก็ยังไม่มีทีท่าว่าแถวจะขยับ แณณเลยบอกให้บอลรออยู่ในแถวก่อน ส่วนตัวเองก็เดินไปดูว่าเจ้าหน้าที่หลับหรือกะไร ทำไมตั้งครึ่งชั่วโมงแล้ว แถวยังค่อยๆ กระดึ๊บ กระดึ๊บ ขนาดหนอนบนใบชาเขียว  ยังคลานเร็วกว่า ได้ขนาดนี้นะเนี่ย  พอเดินไปดูก็ถึงบางอ้อ ค่ะว่า จะมีคนคอยมาแทรกแถวอยู่เรื่อยเลย และตลอดเวลาด้วย  แณณเห็นดังนั้นก็งงงวย และระทวยสุดๆ เนื่องจากหิวข้าวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว เพราะข้าวเช้าก็ไม่ได้ทาน  อยู่บนเครื่องก็มัวแต่หลับเพราะจัดของไม่ได้นอนกันมาทั้งคืน นี่ก็บ่ายสองเข้าไปแล้ว ยังไม่ได้ทานข้าวกันเลย   แต่ก็ด้วยความที่เรายังไม่รู้ตื้น ลึก หนา บาง บางทีเค้ามาแซงนี่อาจจะด้วยสาเหตุอะไรก็ได้ อย่าเพิ่งไปด่วนตัดสินจำเลยโดยที่ยังไม่ได้สอบสวนหาความจริงเสียก่อน บางครั้งสิ่งที่เห็นอาจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นก็ได้ เงียบเฉยไว้ก่อน รอดูสถานการณ์ไปก่อนดีกว่าเรา แณณจึงเดินคอตกกลับไปบอกบอลว่า มีคนแซงแถว แถวก็เลยไม่ค่อยขยับ แต่เค้าอาจจะมีสิทธิแซงกระมัง เพราะเห็นแซงกันเยอะเลย ไม่ใช่แค่ 4-5 ครั้ง หรือ 4-5 คน แต่เป็น สิบๆ คนเลย บอลได้ยินดังนั้นก็กำลังจะลมออกหู

 แต่ทันใดนั้น เหมือนมีปาฏิหารย์ ! เรามองเห็นท่านทูต เฉลิมพลฯ  มายืนอยู่ด้านหลังด่านเจ้าหน้าที่ ต.ม.กำลังสอดส่ายสายตามองหา เด็กหัวดำสองคนที่ไม่รู้ไปเสร่อติดกับดักแขกอยู่ที่ไหน  จึงไม่ออกมาเสียที พอสายตาบอลและท่านทูตมาบรรจบกันเราก็ปิ๊งๆ ยิ้มออก ไชโย ! เจ้านายมารับแล้ว รอดตายหล่ะเรา ฮูเร่ๆ

ทันใดนั้น มีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น หรือที่เราเรียกว่า Local staff ชื่อคุณ Reza เดินปราดเข้ามาหาเราและ   ช่วยหิ้วของไป พร้อมกับไปส่งภาษาอะไรสองสามคำกับเจ้าหน้าที่ ต.ม.แล้วนำเราออกไปนอกด่าน  โดยเราไม่ต้องรอให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด แต่ได้มอบ  Passport ให้คุณ Reza ไปดำเนินการประทับตราให้ระหว่างที่เราไปรอรับของที่สายพาน ท่านทูตฯ บอกว่าที่จริงท่านมาเครื่องบินลำเดียวกับเรา ตอนลงมาแล้วออกมาได้เร็วเนื่องจากคุณ  Reza เข้าไปรับ และเพิ่งทราบว่าเราสองคนก็มารอกันอยู่พักใหญ่แต่ไม่เห็นเราออกมากันเสียที จึงเริ่มเป็นห่วงและเดินมาตามท่านทูตใจดีจังเลยนะคะ

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นประจำสถานทูตมารับกัน 3-4 คน รวมทั้งคุณวิชัย อัครราชทูตที่ปรึกษา หรือที่เราเรียกกันว่าเบอร์สอง (ก็เพราะว่ารองจากเบอร์หนึ่งคือท่านทูตไงคะ) ซึ่งหากท่านทูตไม่อยู่หรือติดราชการอื่นๆ คุณวิชัยก็จะดูแลงานแทนท่านตามที่ได้รับมอบหมายค่ะ

พอเจอหน้ากันแขกที่เป็น Local Staff ทุกคนไหว้เป็น และไหว้สวยเสียด้วย ว้าว! เป็น First  Impression (ความประทับใจแรก) ที่ดีมากๆ สำหรับเราเลยทีเดียว

อากาศภายนอกกำลังเย็นสบาย ประมาณ 20 กว่าองศาเซลเซียส  ดีจังเลย ไม่ร้อนด้วย ความรู้สึกแรกที่มาถึงก็รู้สึกเหมือนกับไปต่างจังหวัดในเมืองไทยเลยค่ะ .......สิ่งแวดล้อม สถานที่ก็คล้ายคลึงกัน และอากาศก็เย็นๆ เพราะช่วงเดือนธันวาคมนี่ ที่เมืองไทยเราก็อากาศไม่ร้อนกำลังเย็นสบายเหมือนกัน ยิ่งตามภาคอีสาน ภาคเหนือ นี่ก็ใส่เสื้อกันหนาวกันได้เลยนะคะ แต่ที่นี่รับรองว่าอากาศหนาวกว่าเมืองไทยแน่นอนค่ะ ไว้แณณเล่าให้ฟังนะคะ ว่าหนาวขนาดไหนกัน ไว้ฉบับหน้านะคะ
หมายเลขบันทึก: 163703เขียนเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2008 13:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 06:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)
  • อ่านแล้วประทับใจมากค่ะ จินตนาการตามไปด้วยอย่างสนุกและตื่นเต้นตาม ^__^
  • จะคอยอ่านตอนต่อไปนะคะ
  • ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ที่เล่าสู่กันฟัง

คุณ Stardust

ขอบคุณมากนะคะที่มาอ่านเรื่องราวของแณณ แณณกำลังอัพโหลดรูปประกอบนะคะ เพื่อที่ทุกท่านจะได้เห็นภาพจริงหน่ะค่ะ เช่น ป้ายบอกแถวคิวที่โยงไป โยงมาดูแล้ว ชวนให้งง หากสนใจ ลองเข้าไปดูในไฟล์อัลบั้มภาพของแณณนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักกันผ่านเน็ตด้วยค่ะ

 

สวัสดีค่ะ

แณณ.

 

แณณจ๊ะ

สนุกจริงๆ

เล่าได้ละเอียดดีจัง

ติดตามตอนต่อไปจ๊ะ

 

 

สวัสดีคะ

การใส่ภาพในบันทึก สามารถดูวิธีการได้จาก แนะนำการเพิ่มรูปภาพในบันทึกของตนเอง 

หากมีปัญหา สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่    ติดต่อผู้บริหารเว็บไซต์ คะ

ขอบคุณ คุณมะปรางเปรี้ยวมากเลยค่ะ แณณ งมโข่งหาวิธีอยู่พักใหญ่ พอทราบก็ connection down ไปเสียแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ ที่ดูแล น้องใหม่ในเว็บ ดีมากๆ เลยค่ะ

แณณ

สวัสดีค่ะคุณแณณ

    อ่านแล้วได้ความรู้สึกแห่งการร่ำลาค่ะ คนที่จากเพื่อไปพบสถานที่ใหม่ก็อาจจะมีความอาลัยน้อยกว่าคนไปส่งนะคะ เพราะต้องกลับบ้าน และอยู่กับความทรงจำเก่าๆ คิดถึง

  อีกไม่นานจะต้องไปอินเดีย คงใกล้คุณแณณเข้าไปอีกนิดนะคะ จากโยคีน้อยค่ะ

พี่พลเดชคะ : ตอนนี้เริ่มติด go2know แล้วค่ะ หนูก็ติดตามอ่านบล็อกของพี่ประจำเลย แล้วก็ชอบกลอนของคุณโยคีน้อยมากค่ะ

คุณโยคีน้อยคะ: หากมีโอกาสมาแวะเที่ยวที่ธากาไหมคะ ที่อินเดียอาจจะมีที่เที่ยวเยอะกว่า แต่แณณก็กำลัง ทำความรู้จักกับเมืองนี้มากขึ้นทุกวันแล้วหล่ะค่ะ หากสนใจมาได้เลยนะคะ เรายินดีต้อนรับนะคะ

ที่จริงแณณมีเรื่องเกี่ยวกับการทำบุญอยากจะบอกพี่ทั้งสองด้วยค่ะ เดือนที่แล้วไปเมืองจิตตะกองมา (กำลังปรับบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ค่ะ อาจจะนำขึ้นเว็บได้หลังจาก Internet connection เป็นปกติแล้ว )

มีคนไทยที่นั่นเล่าให้ฟังว่า มีวัดไทยที่อยู่ใกล้ๆ จิตตะกอง เก่าแก่ โบราณมาก และมีพระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐาน อยู่ด้วยค่ะ แต่ พระที่นั่นขาดแคลนจีวร สำหรับใช้นุ่งห่มอย่างหนัก ดังนั้นในแต่ละปี คุณหนึ่ง(คนที่แณณคุยด้วย) เค้าจะนำชุดผ้าไตร จีวร มาจากเมืองไทยเพื่อถวายพระที่วัดนี้  

แณณเองก็อยากถวายด้วย แต่ยังไม่เคยได้ไป และยังไม่ทราบรายละเอียดเท่าใดนักค่ะ พอบอกบอล (สามี) เค้าก็บอกว่าเดี๋ยวให้เราอยู่ไปสักพักหนึ่งแล้วแณณค่อยคิดทำอะไรดีกว่า เพราะนี่เราก็มาอยู่ได้เพียงเดือนกว่าเท่านั้น แม้จะรู้สึกว่าลงตัวมากแล้ว แต่ก็ ยังไม่ควรทำโครงการอะไรใหญ่โตค่ะ  แณณเลยเก็บไอเดียนี้ไว้ก่อน แต่อยากรีบมาบอกพี่ทั้งสองเนื่องจาก เห็นว่าเป็นบุคคลที่ทำอะไรทำจริงและ ที่มีความมุ่งมั่นในการทำความดีมาก แณณจึงอยากร่วมกิจกรรมกับพวกพี่พี่ ด้วยน่ะค่ะ

แณณจ๊ะ

ยินดีร่วมทำบุญจ๊ะ

ช่วยบอกรายละเอียดมาด้วย ประวัติของวัด พระที่จำพรรษาอยู่ที่นั่น คนที่ดูแลรับผิดชอบอยู่ที่จะประสานงานได้

ถ้ามีภาพประกอบก็จะดีมาก

ดังกล่าวนี้ ค่อยๆ หาไปก็ได้จ๊ะ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น

ถ้ามีความตั้งใจจะทำบุญกุศล ฤกษ์อยู่ที่พร้อมจ๊ะและพร้อมก็อยู่ที่เมื่อไหร่พร้อมก็เมื่อนั้น

อนุโมทนาบุญนะที่นำข่าวมาบอก

 

สวัสดีค่ะคุณแณณ

   โดยส่วนตัวแล้วยินดีทุกข่าวบุญ และดีใจที่จะได้ร่วมบุญอย่างมาก ก่อน จะเดินทางไปอินเดีย ในราวๆ กลางเดือนมีค. อยากให้คุณแณณ รีบสำรวจเถอะค่ะ เครื่องนุ่งห่มนี้สำคัญนัก สำหรับนักบวช ท่านมีจำนวนน้อยอยู่แล้ว อย่าให้ท่านถึงกับขาดแคลนเลยค่ะ ถ้าเป็นไปได้ ช่วงไปอินเดีย ดิฉันยินดี จะแพ็คจีวร ติดไปถวายค่ะ มีหลายวัดทางนี้ ที่มีคนถวายตามวัด เยอะมาก สามารถบอกบุญท่านได้เลยค่ะ

 ถ้าไม่โอกาสไปถึงบังคลาเทศ ก็จะหาวิธีการส่งไปจากอินเดียให้ได้ รับบุญช่วยดูว่าท่านขาดเหลือสิ่งใดอีก ช่วยแจ้งด้วยค่ะ วัดไทยมีของเยอะมาก เคยขอของจากท่านไปช่วยคนที่น้ำท่วม ได้ของมากมายใหม่ๆทั้งนั้นเลยค่ะ

 ส่วนถ้าเป็นด้านอื่นๆ ที่พี่โยคี กับโยคีน้อยจะได้ร่วมบุญกันต่อไปอีก ก็ขอให้ความร่วมมือค่ะ

 สาธุ  สาธุ  สาธุ กับความดีที่เกิดในจิตของคุณแณณ และจะได้ช่วยกันสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาต่อไปค่ะ

  โยคีน้อย

พี่พลเดช และ พี่โยคีน้อยคะ

  • ก่อนอื่นต้องขอแก้ไขข้อมูลมานิดนึงค่ะ แณณตรวจเช็คความถูกต้องของข้อมูลอีกครั้งแล้ว
  • ไม่มีวัดไหนที่จิตตะกองมีพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่นะคะ
  • แต่วัดที่เก่าแก่มากและข้อมูลเรื่องพระสงฆ์ ขาดแคลนจีวร นุ่งห่มนั้น ยืนยันว่าถูกต้องค่ะ
  • แณณโทรหาคนไทย ที่เล่าเรื่องวัดที่จิตตะกองแล้วค่ะ
  • ตอนนี้คุณ ทอม (ชื่อสมมุติ) อยู่กรุงเทพฯ กลับไปทำธุระค่ะ จะ  กลับมาอีกทีคงประมาณช่วงก่อนวันที่จะมีการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ของที่กรุงธากา คือวันที่ 22-23 ก.พ. 2551
  • แณณแจ้งไปว่า มีผู้สนใจจะนำจีวรมาให้ในเดือนมีนาคม นี้เลย
  • คุณทอม (ชื่อสมมุติ) บอกว่า หากกลับมาแล้ว จะประสานกับวัดและคนท้องที่ให้ค่ะ
  • ได้รายละเอียดเพิ่มเติมเมื่อไหร่ แณณจะแจ้งให้ทราบต่อไปนะคะ

 

แณณ

รับทราบจ๊ะ

ชวนไปดูกรุภาพเก่ากัน http://www.polpage.com/oldpicarticle001.htm

อย่าลืนดูด้วยนะ หากที่บังคลาเทศมีหนังสือเก่า สะสมด้วย จะมีค่ารุ่นลูก :)

           P

  • พี่พลเดชคะ หนูเข้าไปดูหนังสือ และกากตั๋ว ที่พี่สะสมแล้ว
  • น่าทึ่งที่พี่สามารถหาสิ่งที่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้หลายชิ้นนะคะ
  • เพื่อนที่เป็นคนท้องถิ่นและนับถือพุทธศาสนา บอกว่า มีพระอรหันต์รูปหนึ่ง เมื่อก่อนท่านจะออกธุดงค์ในป่าเป็นเวลาหลายปีค่ะ แต่ปัจจุบัน ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดในเมืองจิตตะกอง
  • เค้าจะนำข้อมูลเพิ่มเติมมาให้แณณ เมื่อเจอกันครั้งหน้าค่ะ 

สนุกกับชีวิต คิดเรียนรู้ทุกงาน เบิกบานทุกรุ่งอรุณ สนองคุณแผ่นดินไทย

ด้วยความปรารถนาดีจ๊ะ

 

อ้อ ฝากบันทึกของอาจารย์โสภนาเรื่องอินเดียศึกษาด้วย

แลณลองเข้าไปดูนะ น่าสนใจมาก

สวัสดีค่ะคุรแณณ

   ฝากบอกท่านพลเดชด้วยนะ ว่า ต้องขออนุญาต นำ คำขวัญ ที่ท่านให้คุณแณณไว้  ดิฉันจะนำไปใช้ที่กุสินาราด้วย

 ดิฉันติดต่อคณะทัวร์ชุดแรกจากชลบุรีแล้ว จะไปอินเดีย 23 กพ.นี้ค่ะ มีเวลาช่วงนี้จะได้บอกบุญ คาดว่าคงได้จีวรติดไปบ้าง จะให้เขาฝากไว้ที่วัดไทยกุสินาราค่ะ

   ฝากเป็นธุระ ประสานงานกันต่อไป ทำบุญให้คิดง่ายๆ  ทำง่ายๆ ไม่มีข้อแม้ แล้วจะเป็นบุญบันเทิงค่ะ ทำได้ไม่รู้จบ

  คุณแณณคะ คิดว่าอะไรที่ทางวัดต้องการอีกไหม เพราะจะมีคณะทัวร์ จากชลบุรีอีกคณะ จะพาสามเณร ไปท่องแดนพุทธภูมิ ซึ่งยังไม่ทราบวัน อาจได้ฝากไปอีก และถ้าตรงกัน ดิฉันก็อยากไปอินเดียกับทัวร์สามเณรเหมือนกัน จะได้มีเพื่อนเดินทาง

 ก็แล้วแต่ธรรมะจัดสรร เหมือนท่านพลเดชชอบบอกแหละค่ะ

แณณ /โยคัน้อย 

สนุกกับชีวิต

คิดเรียนรู้ทุกงาน

เบิกบานทุกรุ่งอรุณ

สนองคุณแผ่นดินไทย

ไม่สงวนลิขสิทธิ์จ๊ะ

ตอบสั้นๆ เพราะ เน็ตที่อินเดียหลุดบ่อยจัง

P   คุณโยคีน้อยคะ

  • ขอบพระคุณที่เริ่มบอกบุญแล้วนะคะ ในชั้นนี้ คงถวายเพียงแต่    ผ้าไตร จีวรก่อนค่ะ เพราะเป็นสิ่งที่ขาดแคลนและจำเป็นค่ะ
  • ชุดผ้าไตร จีวร ที่จะกรุณานำมจากเมืองไทยนั้น หากสามารถส่งจากอินเดีย มาที่สถานทูต ไทย ณ กรุงธากา ได้จะขอบพระคุณอย่างยิ่งค่ะ ค่าส่งของจะไม่แพงเท่ากับส่งมาจากเมืองไทยค่ะ 
  • แณณอยากขออนุญาต โอนเงินค่าส่งให้ด้วย เนื่องจาก แค่ให้คุณโยคีน้อยนำมาให้ก็รบกวนมาแล้ว จะขออนุญาต ขอเบอร์บัญชีด้วยนะคะ แต่อาจจะต้องบอกกันทางอีเมล์ส่วนตัว
  • ขออนุโมทนาบุญครั้งนี้ของคุณโยคีน้อยมากๆ นะคะ แณณ ประทับใจมากค่ะ ที่พอบอกปุ๊ป คุณโยคีน้อย ก็ไปบอกบุญต่อให้ทันทีเลย เป็นการทำบุญที่ไม่มีข้อแม้ ของแท้เลยค่ะ

P   พี่พลเดชคะ

  • เน็ตที่นี่ สองสามวันที่ผ่านมาก็ไม่ดีค่ะ
  • เห็นว่าเป็นผลจาก ที่อียิปต์ที่ยังซ่อมระบบที่เสียไม่เสร็จค่ะ
  • แณณเลยไม่ได้เข้าเว็บมา หาข้อมูลเพิ่มเติมเลยค่ะ

 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท